หน้าเว็บ

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

ตอนที่ 2 (100%)


ตอนที่ 2
“คมบังวะ อิรัชชะอิมะเสะ โกะจูมงวะ นะนิ นิ นะ ไซมะสุกะ?” (สวัสดีตอนค่ำคะ ยินดีที่มาใช้บริการ จะรับอะไรดีคะ?)
เสียงใสๆ หวานนุ่มที่เอื้อนเอ่ยขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเคร่งเครียดและอึดอัดจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจที่ออกจากชายวัยกลางคนผมสีขาวปนเทาและหนึ่งหนุ่มหน้าละอ่อนที่เพิ่งจะพ้นวัยเรียนมาไม่กี่ปีมีสีหน้าขลาดกลัวผสมปนเปกับโกรธแค้นและเกลียดชัง และอีกหนึ่งหนุ่มร่างหนาใหญ่ในชุดขาว สีหน้าและแววตาเรียบเฉยเมยไม่แยแสสิ่งใดเหมือนกับสวมหน้ากากเอาไว้เรียกความสนใจให้ทั้งสามต้องหันหน้ามามองในทันที
เซกิจิโร่หันไปมองคนที่เข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยความรู้สึกคุ้นในน้ำเสียงที่ได้ยิน หัวคิ้วคมเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อเห็นหน้าคนที่กล้าเข้ามาทำลายการเจรจาธุรกิจของเขากับสองพ่อลูกที่ผู้เป็นพ่อเขี้ยวลากดินและเห็นแก่ตัวอย่างร้าย ในขณะที่ลูกชายก็อารมณ์ร้อนมุทะลุ เอะอะก็ใช้แต่อารมณ์พาลหาเรื่องชวนต่อยตี ก่อนดวงตาจะเบิกกว้างเมื่อจำได้คนที่อยู่ตรงหน้าได้
นี่มันยัยเด็กที่เหยียบเท้าเขาเมื่อครู่นี่น่า แล้วแม่คนนี้มาทำอะไรที่นี่ ดวงตาคมกริบสีนิลมองไล่ไปตามเรือนกายที่แปลกตาไป คงจะเป็นเพราะเธอถอดคราบชุดเก่าที่เป็นเพียงแค่เสื้อยืดกางเกงยีนตัวเก่าเปลี่ยนมาสวมใส่ชุดยูคาตะสีกุหลาบเสริมส่งให้เรือนกายเล็กเหมือนเด็กกลับโตเป็นสาวแรกแย้ม เรียกความสนใจให้ต้องมองซ้ำและไม่อาจที่จะละสายตาได้
“ฉันยังไม่เรียก เข้ามาทำไม ไม่มีใครบอกหรือไง” หนุ่มหน้าละอ่อนหันมาตวาดเสียงเขียวเข้ม แต่พอได้เห็นเสียวหน้าหวานละมุนหวานเศร้าที่สะท้อนแสงไฟเท่านั้น ชายหนุ่มก็เปลี่ยนท่าทีไปในฉับพลัน น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปก็ดูอ่อนนุ่มทุ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่มีใครบอกหรือว่าถ้าไม่เรียกไม่ต้องเข้ามานะ”
“ต้องขอประทานโทษจริงๆ คะ ดิฉันเพิ่งเข้ามารับงาน เลยทำให้ไม่ทราบเรื่อง” ราชาวดีรีบเอ่ยเสียงหวาน ลำตัวอรชรโน้มไปด้านหน้าจนศีรษะแทบจะแนบชิดติดสองมือเล็กที่วางทาบอยู่บนพื้นเพื่อขอโทษอีกฝ่าย เหลือบสายตาไปมองชายหนุ่มในชุดขาวที่เธอเพิ่งจะสร้างวีรกรรมไว้อย่างจำได้ ดวงตาสองคู่สบกันก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายอายจนหน้าแดงในหัวใจเต้นรัวเร็วกระหน่ำเหมือนกับรัวปืนกล
ประกายในดวงตาสีเทาแฝงเร้นด้วยความต้องการของคนวัยหนุ่มทำให้เซกิจิโร่รู้สึกสงสารแมลงเม่าตัวน้อยที่บินเข้าในกองเพลิงอย่างไม่รู้ตัว ประกายในดวงตาคมกริบแวววาวแวบหนึ่งที่มันเต็มไปด้วยความหวงข้าวของอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย เสียดายด้วยรู้ว่าแม่สาวน้อยวัยแรกรุ่นคนนี้คงจะหนีไม่พ้นเงื้อมมือของหนุ่มหน้าละอ่อนที่จ้องจะงาบอยู่ทุกขณะจิตเพียงแค่เห็นหน้าครั้งแรกเท่านั้น
เพลิงไฟร้อนเร่าไหลพล่านอยู่ในเรือนกายทำให้ความคิดเซกิจิโร่เปลี่ยนไป ทำไมเขาถึงจะปล่อยให้เนื้อกายหวานหอมที่เคยได้กลิ่นมาแล้วและยังติดตรึงอยู่ในความรู้สึกเป็นของคนอื่นละ สู้เอามาเชยชมให้สมใจก่อนแล้วค่อยปล่อยเศษซากที่หมดสิ้นความหวานแล้วให้คนอื่นจะดีกว่า
แต่ตอนนี้...กรามหนาขบกัดบดเบียนจนหน้าตอบนูนขึ้นด้วยข่มกลั้นอารมณ์ความต้องการเอาไว้ไม่ให้ยื่นแขนไปคว้าร่างอวบอิ่มมาเคียงใกล้
“ที่นี่มีอะไรอร่อยๆ บ้าง”
“อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่างคะ”
ราชาวดีตอบกลับเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างชัดถ้อยชัดคำไม่มีผิดเพี้ยนแม่น้อย พร้อมยื่นเมนูอาหารส่งให้ แต่เพียงแค่มือใหญ่ทาบทับบนมือเล็กเรียวของตนเองหญิงสาวก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองถูกกระแสไฟอ่อนๆ ดูดเข้าหาอีกฝ่าย ความร้อนผ่าวจากช่องท้องน้อยไหลแล่นขึ้นสู่วงหน้าที่เคลือบไว้ด้วยเครื่องสำอางแดงปลั่ง ขนตามแขนเรียวยาวลุกชันรีบดึงมือหนีโดยฉับพลัน
ความไม่ชอบใจผุดขึ้นในหัวใจดวงน้อย ตอนนี้รู้แล้วว่าที่เมื่อตอนอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พนักงานประจำบางคนพูดจากึ่งอิจฉาว่าเธอกำลังจะได้ลาภก้อนโตกึ่งตักเตือนให้ระวังตัวให้ดีนั้นหมายความว่าอย่างไร และเพียงแค่ได้เห็นสายตาของผู้ชายพวกนี้เธอก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไร แต่เธอก็จำต้องข่มกลั้นความโกรธเอาไว้ภายในหันมาทำงานที่รับเอาไว้ให้ดีที่สุด
“อะไรนี่ อาหารญี่ปุ่นทั้งนั้นเลย ใครมันจะไปกินลง” ชายหนุ่มหน้าตาละอ่อนที่พอยื่นมือมารับเมนูไปเปิดอ่านแล้วเกิดความไม่ชอบใจอย่างรุนแรงตวาดเสียงขุ่นเขียว พร้อมกับเมนูอาหารที่ปลิวไปกระแทกเข้าที่แขนเรียวยาวของสาวเสิร์ฟหน้าสวยจนลำแขนกลมกลึงนั้นแดงขึ้นมาเล็กน้อย
เมนูอาหารบ้าอะไร เอาใจไอ้บ้าเซกิจิโร่นะไม่ว่านะซิ ไหนจะซูซิ1-P8ที่ชอบเอาเนื้อปลาดิบๆ มาทำแค่ได้กลิ่นเขาก็คาวจนแทบจะอวกออกมาทันที ไหนจะข้าวหน้าปลาไหล ใครมันจะไปกินได้ปลาไหลตัวเลือกๆ แถมคาวไม่รู้พวกไอ้ยุ่นกระเดือกลงไปได้ยังไงกัน แล้วยังมีปลาซาบะที่ทำให้ดีเด่นเท่าไหร่เขาก็ไม่เคยนึกนิยมที่จะแวะเวียนไปกิน
1-P(ซูชิหรือข้าวปั้นมีหน้า:เป็นอาหารญี่ปุ่นที่ข้าวมีส่วนผสมของน้ำส้มสายชูและทานคู่กับปลา เนื้อหรือของคาวชนิดต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นซูชิมักมีความหมายถึงอาหารที่มีส่วนผสมของ ซูชิเมะชิหรือข้าวที่มีส่วนผสมของน้ำส้มสายชูและมีหน้าตาแบบต่างๆ ที่ได้รับความนิยมได้แก่ อาหารทะเล ปลา ผัก ไข่และเห็ด ซึ่งเนื้อที่นำมาทำนั้นอาจจะเป็นเนื้อดิบหรือเนื้อที่ผ่านกรรมวิธีการทำแล้วสำหรับประเทศอื่น ข้าวหน้าปลาไหล:อุนาจู (Unaju) เป็นปลาไหลย่างแบบคาบายากิ (Kabayaki) คือทาซอสแล้วย่างบนเตา วางบนข้าวในกล่องลงรักรูปสี่เหลี่ยมส่วนข้าวหน้าปลาไหลหรืออุนางิ (Unagi) เป็นอาหารยอดนิยมในช่วงฤดูร้อน อุดมไปด้วยวิตามินอีและเอ มีโปรตีนสูงแต่แคลอรี่ต่ำ ปกติแล้วอุนางิจะเสิร์ฟมาพร้อมกัยซอสหวานทาเระ (Tare) ปลาไหลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่น ต้องจากจังหวัดชิซุโอะกะ เพราะมีเนื้อหนากระดูกอ่อนนุ่ม รสชาติ อร่อย สำหรับญี่ปุ่นแล้วธรรมเนียมการกินปลาไหลมีมานานกว่าร้อยปี คนญี่ปุ่นจะใช้มีดกรีดที่ด้านหลังของปลา  เพื่อลอกกระดูกออก แล้วตัดปลายเป็นท่อนพอเหมาะ นำมาย่างด้วยการรมควันบนเตาหรือย่างแบบไม่รมควันก็ได้ ปลาซาบะ:เป็นปลาซาบะจากทะเลนำมาตากแห้ง ปกติปลาซาบะจะมีกลิ่นแรงและเก็บไว้ให้สดไม่ได้นาน ก่อนที่จะนำมารับประทานดิบคนญี่ปุ่นนิยมนำเนื้อปลาแช่กับเกลือและน้ำส้มและนำมาเป็น ชิเมะ ซาบะ (Shime-saba) หรือทำเป็นซุปเซนบะ  จิรุ (Senba-jiru) คือการนำปลาซาบะมาต้มกับหัวไชเท้าหรือน้ำขิงก็ได้)
เซกิจิโร่ปรายตาไปมองลูกชายหน้าละอ่อนผู้แสนจะเอาแต่ใจของสิงห์เฒ่าจอมเจ้าเล่ห์วัชระอย่างระอิดระหนาระอาใจ วัชระต้องการดันให้หนุ่มน้อยคนนี้ขึ้นมานั่งดำรงแท่นตำแหน่งแทน แต่ดูแล้วเมื่อไหร่ที่สิงห์เฒ่าวางมือมีหวังธุรกิจที่วางรากฐานไว้อย่างดีคงจะพังไม่เป็นท่าภายในไม่ถึงปี เพราะลูกชายที่ใจร้อน มุทะลุและเห็นแก่ตัวแล้วยังจะมีนิสัยบ้าผู้หญิงอีกต่างหาก
“แนะนำอาหารไทยให้หน่อยซิ อะไรอร่อยบ้าง” คำพูดที่ไม่ได้นุ่มนวลอ่อนโยน แต่ก็ไม่ได้แข็งกระด้างดังออกจากปากหนาสีแดงสด
รู้ว่าโรงแรมแห่งต้องการเอาใจเขาและลูกน้องเป็นพิเศษด้วยห้องพักที่เลียนแบบบ้านของกลิ่นไอบ้านของเขา รวมถึงอาหารการกินและทุกๆ อย่าง เพราะเขาและลูกน้องคืนลูกค้าประจำที่เดินทางมาเมืองไทยเมื่อไหร่จะจับจองห้องพักชั้นบนสุดทั้งชั้น แต่ในคราวนี้อยากจะกินอาหารไทยและลากเอาหญิงไทยขึ้นห้องด้วยสักคน เริงรักอย่างเร่าร้อนบนเตียงนุ่มๆ ตลอดทั้งคืน เพียงแค่คิดเรือนกายมันก็กระชุ่มกระชวยจนแทบไม่อยากจะสั่งอาหาร
“เซกิจิโร่ซัง!
วัชระข่มความหงุดหงิดร้องเรียกอีกฝ่ายเสียงราบเรียบ ตอนแรกเขาคิดว่างานนี้หมูๆ เพียงแค่มาคุยและตกลงเรื่องงานกับไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนที่เขาคิดว่าเคี้ยวได้ง่ายๆ ที่เพิ่งจะก้าวเข้ามาทำงานเป็นหัวหน้าคนอื่นได้ไม่กี่ปี แต่พอได้เจอกับอีกฝ่ายกลับตรงกันข้ามกับที่คิดลิบลับ
ชายหนุ่มร่างหนาและใหญ่ด้วยมัดกล้ามของคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นการฝึกฝนฝีมือให้ก้าวหน้า วงหน้าที่ดูละมุนละไมแต่กลับคร้ามแกร่งและแข็งกระด้างในคราวเดียวกัน การพูดการจาพาหลบหลีสับรางไพล่ออกนอกเรื่องเก่ง
ดวงตาคมกริบเหมือนกับพญาเหยี่ยวที่ยามเมื่อปรายมองมาเหมือนกับดึงเอาความกลัวที่ซุกซ่อนอยู่ภายในของแต่ละคนผุดขึ้นมาในทันควัน จับจ้องมองทุกสิ่งอย่างพินิจพิเคราะห์ พิจารณาอย่างถ้วนถี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ยินจะต้องคิดแล้วคิดอีก นิ่งเงียบแต่คอยดูเหตุการณ์อย่างไม่คลาดคลา
อีกทั้งรัศมีแห่งอำนาจที่แฝงซ่อนเร้นอยู่ในกายหนุ่มแน่นพร้อมไอดำมืดมิดที่แผ่กระจายมาห้อมล้อมรอบเรือนกาย ทำให้เขาที่แม้จะคร่ำเคร่งอยู่ในวงการธุรกิจมานานหลายปียังอดที่ใจสั่นหวั่นไหวและขลาดกลัวไม่ได้ ไม่รู้ว่าพอถึงคราของลูกชายที่หวังจะให้สืบทอดกิจการแทนจะหาญกล้าสู้ปัญญาและความเก่งกาจของอีกฝ่ายได้หรือเปล่า ยิ่งคิดมันก็ยิ่งมีแต่ความกังวล คงได้แต่ต้องรอดูต่อไปเท่านั้น
“เรื่องที่ตกลงกัน” วัชระเอ่ยถามด้วยความหวัง ถ้าหากว่าเซกิจิโร่หนุนหลัง การเปิดตลาดการค้าในญี่ปุ่นก็จะเป็นไปได้อย่างราบรื่น
ดวงตาคมกริบตวัดไปมองเฒ่าเจ้าเล่ห์ คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างรู้ทันความคิด แม้เขาจะทำงานมีส่วนหนึ่งผิดกฎหมาย แต่ก็เลือกที่จะสรรหาคนมาร่วมงาน ไม่งั้นองค์กรคงไม่ได้อยู่มานานถึงเพียงนี้
“แล้วจะกลับไปคิดดู...” ชายหนุ่มตอบกลับวัชระสั้นๆ ทั้งที่ความจริงนั้นได้คำตอบเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเขาไม่มีวันที่จะร่วมงานกับตาเฒ่าที่คิดแต่จะเอาเปรียบคนอื่น กับไอ้ลูกชายอารมณ์มุทะลุและดุเดือดเหมือนกับน้ำเดือดๆ ที่อยู่ในการวันระเบิดออกมาทำให้คนอื่นพลอยเดือดร้อนไปด้วย
ดวงตาคมกริบปรายมามองพนักงานเสิร์ฟที่เขาคิดว่าคงจะรับทำอาชีพอย่างว่าด้วย ไม่ใช่จะดูถูกแต่ทว่าคนที่มารับดูแลแขกที่มาจากบ้านเขาใหญ่มักจะรับจ๊อบพิเศษเพื่อหารายได้เพิ่มและคนตรงหน้าก็คงไม่เว้นเช่นกัน
“ว่าไงมีอะไรแนะนำ”
“ลองข้าวห่อใบบัวไหมคะ ข้าวสวยหุงด้วยหม้อดินจนได้กลิ่นหอมของข้าวผสมกลิ่นดินและยังเป็นอาหารเพื่อสุขภาพด้วยเป็นอาหารขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของโรงแรมเรา ตามต่อด้วยคะน้าหมูกรอบผัดด้วยน้ำมันหอยสูตรของทางโรงแรม อีกหนึ่งก็คือขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ และมีต้มยำกุ้งหรือจะเป็นต้มยำข่าไก่ก็ได้ ตบท้ายด้วยขนมหวานก็มีวุ้นลอยแก้วกะทิหรือจะรับเป็นซ่าหริ่มก็ได้คะ” ราชาวดีนำเสนอรายการอาหารขึ้นชื่อของทางโรงแรม ด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงหวานนุ่ม
“ฉันไม่รับอาหารแต่รับเป็นเธอได้ไหมละ”
หนุ่มหน้าตาอ่อนที่สุดในห้องเอ่ยสวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหื่นกระหายทำเอาราชาวดีหน้าตึงเปรี๊ยะก่อนจะเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ประกายในดวงตากลมโตใสแจ๋วเหมือนกับลูกแก้วเป็นประกายวาววับดุแข็งกร้าวเหมือนกับดวงตาเสือ โมโหปากเน่าเสียยิ่งกว่าอมสุนัขของคนตรงหน้าจนอยากจะกางเล็บทั้งสิบแล้วลากแรงๆ ให้มันหมดรอยยิ้มโลมเลียให้เป็นแผลยิ่งกว่าสุนัขที่มันโดนน้ำร้อนลวง
 ฟันซี่เล็กๆ เรียงตัวกันอย่างสวยงามขบกัดจนมีเสียงดังกรอดด้วยต้องพยายามระงับสติอารมณ์เอาไว้อย่างสุดความสามารถด้วยการท่องเอาไว้ในใจ
ลูกค้าคือพระเจ้า...ลูกค้าทำผิดได้ แต่พนักงานต้องไม่ทำผิด ลมหายใจหอบแรงสูดเข้าเต็มๆ ปอด ฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากล่างจนแดงก่ำ สองมือเล็กกำจนปลายเล็บมนทิ่มแทงเข้าไปในผิวเนื้อนุ่นๆ
อดทน...อดทนเอาไว้ฝน อดทนไว้ แต่สายตาคมวาวและหื่นกระหายที่กวาดมองไปทั่วเหมือนกำลังปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากกาย แม้จะตวัดสายตาเกรี้ยวกราดเหมือนคมมีดตอบกลับไปให้แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่แคร์เลย กลับจ้องตอบและยื่นมือมาหาจนเธอต้องรีบขยับเอี้ยวกายไปอีกทาง
“โอ๊ะ...ขอโทษคะ”
ราชาวดีเอ่ยคำขอโทษไปโดยที่ไม่รู้ว่าความจริงแล้วไม่ใช่เธอที่เป็นฝ่ายขยับตัวไปชน แต่เป็นเซกิจิโร่เองที่ยื่นมือเอื้อมคว้ากายเล็กบอบบางมาแนบชิด แขนใหญ่สอดกระชับเอวเล็กคอดทาบ ฝ่ามือไปบนเนินทรวงอวบอิ่มที่มันขยับเคลื่อน โน้มศีรษะไปทาบริมฝีปากร้อนผ่าวต้นคอ
วงหน้ารูปไข่แดงปลั่งด้วยเลือดฝาดสาวที่มันแล่นพล่านไปตามกระแสเลือด แกะแขนใหญ่ออกจากตัวแต่เหมือนหนีเสือปะทะจระเข้และจระเข้ตัวนี้ร้ายกว่าเสือหลายเท่านัก เพราะรู้ว่าจะแตะต้องตรงไหนที่จะทำให้เธอนั้นอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจนขยับกายหนีไม่ได้
“ปะ...ปล่อยฉันนะคะคุณ” หญิงสาวเอ่ยบอกอีกฝ่ายเสียงสั่น ในหัวใจดวงน้อยเต้นแรงและเร็วจนมันแทบจะหลุดออกมาจากทรวงแล้ว ทาบมือเล็กบนลำแขนแข็งแกร่งเหมือนคีมเหล็กที่กอดกระชับเอวเล็กจนเกือบจะหักออกเป็นสองท่อน จิกลงไปเต็มๆ แรง
“ปล่อยฉันคะ ฉันจะไปเอาอาหารมาเสิร์ฟให้คุณ” เสียงที่ออกจากปากตะกุกตะกักสั่นพร่า ในหัวใจเต้นโครมครามวูบไหวเหมือนมันจะหล่นไปกองอยู่บนพื้นเสื่อทาทามิ เพลิงไฟร้อนผ่าววิ่งไหลไปรวมกับอยู่ที่พวงแก้มใสจนแดงปลั่ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมปล่อยตัวราชาวดีข่มกลั้นความกลัวที่มีเอาไว้ให้ลึกสุดใจกัดฟันเอ่ยเสียงแหบและเบาหวิวแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ดังเข้าไปในหูชายหนุ่ม
“ถ้าฉันไม่ปล่อยแล้วเธอจะทำยังไงละสาวน้อย”
เสียงหวานนุ่มที่ดังแผ่วพลิ้วออกจากกลีบปากสีชมพูระเรื่อที่ทำเอาเซกิจิโร่อยากที่จะกดปากลงไปจูบซับดูดดื่มความหวานให้ชุ่มฉ่ำใจแต่เมื่อทำไม่ได้เลยทำได้เพียงแค่ซุกไซ้คลอเคลียผิวเนื้อเนียนนุ่มบริเวณลำคอระหง ทาบทับฝ่ามือเคลื่อนไปเล็กน้อยจนได้ครอบครองเนินทรวงอวบอิ่ม สอดแทรกปลายนิ้วร้อนผ่าวไปสัมผัสเนื้อแท้จนราชาวดีถึงกับดวงตาเบิกกว้างทำอะไรไม่ถูกไปในฉับพลัน
“เฮ้ย!!” ชายหนุ่มหน้ามนรีบขยับเข้าจะดึงร่างแม่สาวเสิร์ฟที่ถูกตาถูกใจออก
“พงศ์!!!” วัชระร้องเรียกลูกชายเป็นการห้ามปรามเสียงดัง ยื่นมือคว้าแขนลูกชายไม่ให้ตรงเข้าไปดึงเอาร่างแม่พนักงานเสิร์ฟสาวจากมือเซกิจิโร่ ไม่อยากให้เพียงแค่เรื่องของผู้หญิงทำงานต๊อกต๋อยเพียงคนเดียวมาเป็นตัวทำให้ชายที่เขาหวังจะหนุนทำการค้าเกิดความไม่พอใจ ผู้หญิงขอแค่มีเงินมีอำนาจอยากจะได้ใครเพียงแค่กระดิกนิ้วนิดเดียวเท่านั้นก็วิ่งตามเป็นพรวน แล้วจะสวยแค่ไหนก็ไม่มีปัญหา
“พ่อ!!” วัชระพงศ์หันไปจะต่อว่าบิดาแต่เมื่อเห็นวงหน้าเครียดขรึมก็ให้เกิดความยำเกรงขึ้นมาเล็กน้อย แต่ในใจก็ยังอดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ แม้คนที่อยู่ตรงหน้าจะไม่ได้สวยเริดเหมือนที่เขาเคยๆ ควงอยู่ แต่ดูเหมือนกับคนตรงหน้าจะมีในส่วนที่เขาไม่เคยได้รับจากผู้หญิงที่อยู่รายรอบ มันเป็นแรงกระตุ้นให้เขานั้นอยากที่จะห้ำหั่นกับอีกฝ่ายบนเตียงให้มันหมดแรงกันไปข้างหนึ่ง
คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยพร้อมปรายตามองสองคนพ่อลูกด้วยรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนวงหน้าแต่ไม่ใช่แววตา ทำไมเขาจะไม่เข้าใจว่าวัชระกำลังหวังอะไร การขัดใจเขาในตอนนี้อีกฝ่ายไม่ทำแน่ เพราะมันจะส่งผลไม่ดีต่อความช่วยเหลือทางธุรกิจที่อีกฝ่ายกำลังขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่ แต่เห็นสองพ่อลูกนี่แล้วมันขัดหูขัดตาและขัดใจ
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว เธอเอาอาหารไปเสิร์ฟที่ห้องแล้วกัน รู้ใช่ไหมว่าห้องไหน” ปลายนิ้วยาวใหญ่ขยับลูบไล้ส่งความร้อนผ่าวไปตามผิวเนื้อเนียนนุ่มมือ ในขณะที่มืออีกข้างก็เริ่มขยับเคลื่อนทางด้านหลัง ขยำนวดอย่างแผ่วเบาไปจนถึงบั้นท้ายงามงอน
“แล้วรีบๆ ละ ฉันไม่อยากรอนาน” ริมฝีปากหนาร้อนขบกัดติ่งหูเล็ก ริมฝีปากหนาร้อนทาบทับบนลำคอระหงไล่เรื่อยไปถึงติ่งหูเล็ก ขบกัดเบาๆ จนอีกฝ่ายถึงกับสั่นสะท้านขนกายลุกชัน เพียงแค่สอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปในช่องหูเล็กๆ กับกดน้ำหนักมือไปบนก้อนเนื้ออิ่มนุ่มแม่พนักงานเสิร์ฟตัวน้อยก็ร้องครางในลำคอ
“ทราบคะ คะ...คุณกรุณาปล่อยดิฉันก่อนนะคะ ดะ...ดิฉันจะรีบไปทำตามคำสั่งคะ” ราชาวดีรับคำเสียงสั่น รู้ดีว่าตัวเองจะไม่ไปตามคำสั่งของอีกฝ่ายแน่นอน ยอมที่จะไม่ได้เงินในคราวนี้ ยอมที่จะให้เพื่อนพี่สีดาด่าว่าไม่มีความรับผิดชอบ ดีกว่าจะต้องมาอยู่โดยความรู้สึกที่หัวใจมันกำลังจะหยุดเต้น เลือกกลับไปช่วยพี่สีดาทำงานที่ร้านเสริมสวยยาวนานอีกสักหน่อย แต่ปลอดภัยกับร่างกายและหัวใจของตัวเองจะคุ้มกว่า
“ผมกับลูกขอตัวก่อนนะครับ เซกิจิโร่ซังจะได้มีเวลาผักผ่อนเป็นการส่วนตัว” วัชระเอ่ยขอตัวลาอย่างรู้ตัวดีว่าเขาเป็นส่วนเกิน แต่ก็ไม่ลืมที่เอ่ยให้ความช่วยเหลืออีกฝ่ายเอาไว้ก่อนเป็นการถางทางทำมาหากิน
“แล้วเอ่อ...ไม่ทราบว่าพรุ่งนี้เซกิจิโร่ซังมีโปรแกรมจะไปไหนหรือเปล่าครับ ให้ผมกับลูกช่วยไหมครับ” เท่าที่เห็นรู้แล้วว่าจะทำอย่างไรถึงจะทำให้เซกิจิโร่ยอมช่วยเหลือ
“ไม่ต้อง” มือใหญ่ยกขึ้นโบกสะบัดปฏิเสธเสียงแข็ง และไม่แม้แต่จะเหลือบสายตามองสองคนพ่อลูกที่ลุกขึ้นเดินออกจากห้องอาหารวีไอพีอย่างไม่ค่อยจะชอบใจสักเท่าไหร่
ประตูบานใหญ่ปิดลงพร้อมกับมือใหญ่ที่มันเคลื่อนไปจับปลายคางมนให้สาวเสิร์ฟร่างเล็กแต่หุ่นกลับไม่เล็กตามกายหันมาหา ทาบทับริมฝีปากเลาะเล็มไปตามพวงแก้มนุ่ม ฝ่ามือใหญ่ขยับเคลื่อนไล้ขยำนวดปลีขากลมกลึงเรื่อยลงไปขนถึงปลายเท้าที่มีถุงเท้าสีขาว สองมือที่พยายามจับและปลดแขนใหญ่ออกจากกายสั่นและเย็นวาบขึ้นมาทันควันอย่างที่เขารับรู้ได้
“อืม...” เซกิจิโร่ถึงกับร้องคำรามในลำคอ แม่สาวน้อยในอ้อมแขนเขาเหมือนกับดอกไม้ที่เริ่มผลิบานยังไม่เคยถูกต้องมือภมรมาก่อน ถึงได้สั่นสะท้านไหวเหมือนซากุระที่มันปลิดปลิวลงจากต้น ริมฝีปากหนาเลาะเล็มไปตามพวงแก้มเนียนนุ่มบางใสจนแทบจะเห็นเลือดฝาดจุดมุ่งหมายคือเรียวปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อที่น่าสัมผัสแต่อีกฝ่ายกลับเบือนหน้าหนี จุมพิตร้อนผ่าวจึงตกอยู่ข้างขอบปาก
“ปะ...ปล่อยฉันนะคุณ ฉันมาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟชั่วคราว ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่าที่คุณจะมาลวนลามได้ง่ายๆ นะ” ราชาวดีพยายามดึงสติที่มันกระเจิดกระเจิงกลับมาและร้องห้ามเสียงสั่นพร่า สองมือสลับกันแกะมือใหญ่ออกจากกายและผลักดันวงหน้าคร้ามแกร่งที่นาบพร้อมลมหายใจร้อนๆ เป่ารดแก้มนุ่มทำให้สั่นสะท้านพลิ้วไหวเหมือนกิ่งไผ่ใบไม้ไหวลู่ไปตามกระแสลม
“ว้าย!!!
ราชาวดีร้องเสียงดังลั่นเพราะเพียงแค่แวบเดียวร่างเล็กก็ลอยถลาลงไปนอนราบกับพื้นที่มีเสื่อทาทามิปูรองอยู่โดยมีร่างหนาใหญ่ทาบทับอย่างสนิทแนบชิด จนได้กลิ่นลมหายใจอันสะอาดสะอ้านที่เป่ารดบนพวงแก้ม ถึงแม้จะสั่นไหวกับความใกล้ชิดสนิทเนื้อแนบเนื้อแต่ราชาวดีก็ไม่ปล่อยให้อารมณ์ที่แฝงเร้นอยู่นั้นมีอำนาจเหนือกว่า สองมือเล็กระดมทุบไปบนลำตัวกว้างล่ำสันเต็มแรง
“ไม่นะคุณ ปล่อยฉันนะ ปล่อย...” ราชาวดีร้องเสียงหลง ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก น้ำตาคลอหน่วยตา ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ ถึงตอนแรกเธอคิดอยากจะให้เขาจูบและทำอย่างที่กำลังอยู่นี่ด้วย แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้
เซกิจิโร่ไม่สนใจน้ำเสียงตื่นตระหนกที่ดังมาจากเรียวปากอวบอิ่มน่ากดย้ำนั้นให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ ดวงตาคมจับจ้องเข้าไปในดวงตากลมโต ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้ไปตามขอบเสื้อยูคาตะเปิดแยกสาบเสื้อให้ห่างกัน คลึงเคล้นก้อนเนื้อสล้างนุ่มมืออย่างจาบจ้วงและเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ลำขาแข็งแกร่งสอดแทรกเข้าไปกดตรึงถูกไถกับลำขาเสลาที่โผล่พ้นตัวชุดออกมา
“เธอนี่มันสวยจริงๆ นะแม่สาวน้อย ผิวเนียนใสน่าสัมผัส” สายตาวามวาวเจิดจรัสด้วยเพลิงปรารถนาไล่มองไปตามผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนก่อนจะเคลื่อนกลับไปจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโตที่เปล่งประกายวาววับกึ่งหวาดกลัวกึ่งอยากรู้แล้วอดที่จะยิ้มในสีหน้าแต่ไม่ใช่แววตาไม่ได้
ผู้หญิง...ปากบอกว่าไม่ แต่ร่างกายกลับเชิญชวน รอยยิ้มหยามหยันผุดขึ้นบนมุมหนึ่งของมุมปากสีแดง ใบหน้าคร้ามแกร่งโน้มไปด้านหน้าช้าๆ หมายจะประทับบนกลีบปากสีชมพูระเรื่อ แต่อีกฝ่ายเมินหลบจุมพิตพลาดเป้าไปถูกพวงแก้มสีพีชสุกแทน
“หึหึ...จะหนีไปไหนละสาวน้อย เดี๋ยวฉันจะทำให้เธอมีความสุขไง ก็เธอต้องการมันไม่ใช่หรือไง”
เหมือนกับได้เจอของเล่นชิ้นหวานที่ทำให้เซกิจิโร่อดที่จะยิ้มด้วยสายตาไม่ได้ มือใหญ่ขยับเคลื่อนมาจับรั้งปลายคางมนพร้อมกลีบปากหนาร้อนระอุขยับเคลื่อนทาบไล่จากพวกแก้มขึ้นไปบนดวงตากลมโตที่หลับหนี ไล่ลงมาตามปลายจมูกโด่งเป็นสัน ก่อนจะประทับนิ่งบนกลีบปากอวบอิ่มสีชมพูเรื่อของคนที่หุบสนิทแถมยังขบเม้มไม่ให้เขาสอดแทรกปลายลิ้นล่วงล้ำเข้าไปภายในได้ง่ายๆ แต่มีหรือที่เซกิจิโร่จะยอมแพ้
มือใหญ่ละจากปลายคางลากไล้ไปตามลำคอระหงอย่างแผ่วเบาด้วยรู้ว่าสาวน้อยใต้ร่างกำลังขลาดกลัวกับไฟอารมณ์ที่มันพลุ่งพล่านไปตามกระแสเลือด สาบเสือชุดยูคาตะแยกออกจากห่างให้ปลายนิ้วยาวใหญ่และร้อนผ่าวเหมือนกับถ่านไฟลากไล้ไปตามขอบเสื้อชั้นในเหมือนกับผีเสื้อกำลังโบยบินเสาะหาอาหาร เสียงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นรัวเร็วสะท้อนขึ้นจนมือสันมือใหญ่รับรู้ได้
“อือ...ยะ...อย่านะคุณ” ราชาวดีพยายามที่จะร้องห้ามปรามและเบือนหน้าหนี ขยับกายเล็กหนีห่างจากร่างหนาแต่ก็ดูเหมือนว่าจะติดขัดไปทุกอย่าง สองมือระดมทุมไปบนแผ่นอกกว้างและล่ำสันเต็มๆ แรงที่มีจนอีกฝ่ายรำคาญใจเลยจับรั้งไปตรึงไว้เหนือศีรษะแทน
“หืม...อย่าช้าใช่ไหมสาวน้อย” เซกิจิโร่แปลความหมายห้ามปรามเป็นเข้าเข้าตัวเอง “ได้ซิ เดี๋ยวจัดการให้”

1 ความคิดเห็น:

  1. โอยมาแรงไม่รับอาหาร แบบนี้แล้วจะมีแรงเหรอค่ะ

    ตอบลบ