หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555

ตอนที่ 3 ทัณฑ์ที่ต้องรับ



ตอนที่ 3
ทัณฑ์ที่ต้องรับ
ร่างเล็กบอบบางนั่งตัวสั่นงันงกอยู่บนเตียงนอนในห้อง วงหน้ารูปหัวใจซีดเผือดเหมือนกระดาษ บริเวณรอบดวงตากลมโตดำคล้ำและลึกโบ๋ลงไปเพราะนอนไม่หลับฉ่ำน้ำที่อุ่นร้อนที่มันรินไหลออกมาไม่ขาดสาย ริมผีปากสีซีดสั่นระริกจนต้องขบกัดเอาไว้ ผมเผ้ายุ่งเหยิงระเต็มวงหน้าและแผ่นหลังพัวพันจนไม่เป็นทรง ก่นพูดกับตัวเองตลอดเวลาว่าไม่...ไม่และไม่ ด้วยความตกใจ ประหวั่นพรั่นพรึงและขลาดกลัวในสิ่งที่ได้ทำลงไป
“ไม่...ไม่จริง ฉันไม่ได้ทำ แม่ขา...ผึ้งไม่ได้ตั้งใจนะคะ พี่สองผึ้งไม่ได้ตั้งใจ”
วงหน้ารูปหัวใจส่ายสะบัดเมื่อภาพร่างของนิศามณีที่ถูกอัดก๊อปปี้ติดกับพวงมาลัยรถ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากทุกสารทิศเหมือนกับเลือดสีแดงที่ไหลแต่งแต้มลงบนหิมะสีขาววิ่งผ่านซึ่งติดตาจนเธอหลับตาลงไม่ได้ ไหนจะสายตาของทุกคนที่อยู่รายรอบมองมาอย่างสมเพศเวทนาและประมาณหยามเหยียดว่าเป็นฆาตกร  
“ไม่นะคะแม่ หนูไม่ได้ตั้งใจ แม่เชื่อหนูนะคะ” แม้กระทั่งแม่ก็ยังมองเธออย่างแทบไม่เชื่อสายตาว่าลูกสาวแสนจะอ่อนแอและใสซื่อจะใจเหี้ยมโหดกล้าขับรถไปชนรถคนอื่นได้หน้าตาเฉย สายตาแห่งความผิดหวังที่มองมาเป็นเหมือนกับก้อนหินขนาดใหญ่ที่ทุ่มลงไปอัดลงไปในทรวงจนอึดอัดหายใจไม่ออก
“เธอ...เธอมันฆาตกร ผู้หญิงใจร้าย ถ้าหากมุกเป็นอะไรไปฉันจะเอาเธอเข้าคุก” ไหนจะเสียงแข็งกร้าวและดุร้ายของศรวัณที่ประณามอย่างไม่แม้แต่จะมองหน้า เมื่อไหร่ที่เขามองมาเธอก็ยิ่งสะดุ้งและสั่นเทาเย็นเยียบไปทั่วร่าง เพราะสายตาที่มันมองมามันเต็มไปด้วยความห่างเหิน หยามเหยียด เคียดแค้น
“ฆาตกร...ฆาตกร”
“ไม่...ไม่จริงอือๆ ” สองมือเล็กยกขึ้นปิดใบหู พร้อมตะโกนกลบเสียงที่มันดังลั่นก้อนในหู “ไม่...ผึ้งไม่ได้เป็นฆาตกรนะคะแม่ แม่ต้องเชื่อผึ้งนะ ผึ้งไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ แม่ต้องเชื่อผึ้งนะคะ พี่สองผึ้งไม่ได้ตั้งใจนะคะ พี่สองเชื่อผึ้งนะ คุณมุก...ผึ้งขอโทษ”
มณีมณฑ์ร้องค่ำครวญด้วยร่างกายสั่นเทา สองแขนเรียวยาวโอบรอบขาเรียวยาวที่งอขึ้นมาเหมือนกับการปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวดและหวาดกลัวที่เกิดขึ้นด้วยความที่ควบคุมสติเอาไว้ไม่ได้ ภาพที่เห็น คำพูดที่ได้ยินเป็นคนมีดคมๆ ที่ทุกคนกรีดบนหัวใจที่มันกำลังเต้นอย่างอ่อนล้า
ไม่ใช่...เธอไม่ได้เป็นฆาตกร ก็ไม่ได้ตั้งใจฆ่าผู้หญิงคนนั้นเสียหน่อย เพียงแค่ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บเท่านั้นเอง เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง รู้ดีว่าย่อมไม่มีใครอยากที่จะต้องมีสภาพเป็นมัมมี่ในวันที่ตัวเองจะต้องเป็นเจ้าสาว วันที่ผู้หญิงทุกคนจะต้องภาคภูมิใจว่าตัวเองนั้นสวยที่สุด 
แม้ตอนแรกเธอจะตั้งใจขับรถให้ชนนิศามณี แต่พอมือกำพวงมาลัย ส่วนหนึ่งเพราะตัวเธอขับรถไม่เก่งและมือที่สั่นเทาบวกกับความขลาดกลัวที่เกาะกุมหัวใจทำให้ทำตามแผนการที่วางไว้ไม่ได้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้คิดแบบนั้น แม้ว่าเธอจะตะโกนบอกให้รู้แต่อีกฝ่ายกลับขับสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว
รถคันใหญ่กระแทกเข้ากับอะไรบ้างอย่างทำให้ส่ายไปมาเหมือนกับงูเลื้อย เท้าที่ควรจะเหยียบเบรกกลับเหยียบเอาคันเร่งทำให้รถพุ่งเข้าชนต้นไม้ข้างทางดังปังใหญ่ ร่างโชกเลือกของนิศามณีถูกงัดออกจากรถ และรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่และศรวัณที่หันมาตะโกนด่าเธอเหมือนกับคนบ้า จนถึงวันนี้เป็นวันที่สามแล้วแต่หญิงสาวก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาบอกความจริงกับทุกคนว่าเธอไม่ได้ทำ
มณีมณฑ์พยายามหาเหตุผลมาลบล้าง แต่ถึงจะพยามยามเท่าไหร่สายตาของคนรอบข้าง คำพูดและสายตาของศรวัณที่มองมาอย่างหยามเหยียดกลับฝังกลบอยู่ในความนึกคิด ทำอย่างไรมันก็ไม่สามารถที่จะปัดออกไปจากสมองได้เลย
“ไหน...ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน นังฆาตกรอยู่ไหน”
เสียงตะโกนดังลั่นทั้งแหบห้าวและแข็งกระด้างไม่คุ้นเคยที่ดังมาจากด้านล่างห้องนอนยังไม่สามารถเรียกความสนใจของมณีมณฑ์ได้เลย แต่กายบอบบางก็ลุกขึ้นจากเตียงนอน หาใช่ไปเปิดประตูห้องลงไปดูแขกที่ไม่ได้รับเชิญ เพราะคิดว่าอีกเดียวแน่งน้อยคงจะไปจัดการสอบถามและไล่ออกไปเองแหละ แต่มณีมณฑ์ลืมไปว่าเพราะแม่ทนรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านไม่ได้ วันนี้แม่เลยพาแน่งน้อยไปเฝ้ารอฝังข่าวของนิศามณีที่โรงพยาบาลแทน ด้วยความหวังว่าลูกสาวอย่างเธอจะไม่ต้องติดคุกในข้อหาขับรถโดยประมาทให้บุคคลคนอื่นถึงแก่ความบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
มณีมณฑ์นั่งเหมือนคนไร้วิญญาณอยู่บนเตียงนอนอีกเป็นครู่ใหญ่ก่อนที่ร่างบอบบางซึ่งกระส่ายกระสับ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ไหลซึมออกตามขมับและร่างกายด้วย จะลุกขึ้นก้าวลงจากเตียงเดินโซเซตรงไปยังห้องน้ำ เพราะคิดว่าจะใช้สายน้ำเย็นๆ ช่วยทำให้เธอคลายความปวดร้าวและเลิกคิดถึงเรื่องร้ายที่ได้กระทำลงไปเสียที
แม้ว่าระยะทางจากเตียงกับห้องน้ำไม่ไกลเลย แต่มณีมณฑ์กลับคิดว่ามันชั่งไกลแสนไกลจนขาเรียวยาวอ่อนแรงจนเดินไปแทบจะไม่ถึง แต่เพียงแค่มือเล็กยื่นไปจับประตูห้องน้ำเท่านั้นเอง ประตูห้องก็เปิดออก ร่างเล็กบางก็สั่นสะท้านและสะดุ้งเฮือก ในหัวใจสั่นไหวเหมือนกับต้องลมพายุแรง ด้วยความกลัวว่าศรวัณจะพาตำรวจเข้ามาจับเธอไปเขาคุกอย่างที่เขาเคยขู่ไว้ วงหน้าขาวซีดเผือดอยู่แล้วยิ่งเหมือนกับซากศพเข้าไปใหญ่รีบหันกลับไปยังที่มาของเสียง ลมหายใจบางเบาผ่อนออกจากเรียวปากอวบอิ่มและจมูกโด่งได้รูปเมื่อเห็นว่าบุคคลที่มาหาใช่คนที่เธอกำลังคิดถึง
“คุณเป็นใคร เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง?” แต่มันก็อดสงสัยชายตรงหน้าเป็นใคร แต่ถ้าเป็นก่อนจะเกิดเรื่องเธอคงจะถามด้วยความตกใจ ทว่าในตอนนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เธอตกใจและปวดร้าวไปได้มากกว่าสายตาของศรวัณและครอบครัว รวมไปถึงสายตาของแม่ที่มองอย่างผิดหวัง คำถามที่ออกจากปากจึงเป็นเพียงแค่เสียงเรียบๆ ไร้ความรู้สึก
“นี่หรือหน้าตายัยผู้หญิงร่าน อยากมีผัวจนตัวสั่น จนถึงกับทำร้ายผู้หญิงอีกคน”
คนที่มาใหม่เอ่ยถาม ดวงตาคมกริมสีสนิมกวาดไล่มองร่างเล็กบอบบางตั้งแต่ปลายเท้าไล่ขึ้นไปทีละน้อยก่อนจะหยุดจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตด้วยความรังเกียจและเกลียดชัง วงหน้าคร้ามแสยะยิ้มเหมือนกับพญามัจจุราชจากขุมนรกที่ขึ้นเมื่อเพื่อลากวิญญาณร้ายอย่างผู้หญิงตรงหน้าไปกักขังเอาไว้ไม่ให้ผุดให้เกิด
หน้าตาก็สวยดีอยู่หรอกนะ แต่ทำไมใจร้ายนักก็ไม่รู้
ทั้งสายตาและน้ำเสียงหมิ่นแคลน ดูถูกหยามเหยียดและดังมาจากชายร่างสูงใหญ่และอีกสองร่างใหญ่ยักษ์ที่เดินตามติดมาอย่างกับเจ้าของบ้าน วงหน้าแต่ละคนรกครึ้มไปด้วยหนวดและเคราจนมองแทบจะไม่เห็นวงหน้าที่แท้จริง เหมือนกับคนเถื่อนที่ผุดมามากจากขั้วโลก
อะไรไม่ทำให้มณีมณฑ์กลัวได้เท่ากับไอโกรธเกลียดและเคียดแค้นที่มันแผ่กระจายมาเหมือนรังสีและตรงเข้าโอบร่างกายเธอจนเย็นเยียบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเลย แม้ปากและใจจะบอกว่าไม่กลัวและไม่คิดจะสนใจอีกฝ่าย แต่ทว่าเท้าเล็กเรียวก็ก้าวไปด้านหลังอย่างไม่ทันจะรู้ตัว
“พวกคุณเป็นใคร แล้วเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง พี่น้อย...พี่น้อย เรียกตำรวจเร็วพี่มีคนบุกรุกบ้านเรา”
วงหน้าคมคร้ามเหมือนกับจะมีรอยยิ้มผุดขึ้นมุมหนึ่งของริมฝีปากหนาและมีสีแดงสด แต่ในดวงตาสีสนิมคู่นั้นยังคงเต็มไปด้วยความโกรธ เกลียด ชิงชังเหมือนกับจะฆ่าให้ตายไปข้างหนึ่ง  
“ฉันเป็นใครหรือ...?” คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดเป็นคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ยี่ระ วงหน้าคร้ามหันไปมองอีกสองคนที่ตามติด คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นสูง ก่อนจะหันวงหน้ากลับมาพร้อมร่างหนาใหญ่ที่เดินอย่างเชื่องช้า ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ร่างเล็กบางเหมือนกับราชสีห์จ้องตะครุบเหยื่อ
“ก็เป็นคนที่จะพาเธอไปทัวร์ขุมนรกทั้งที่มีลมหายใจไงยัยโรคจิต ยัยฆาตกร” ร่างหนาใหญ่ทรุดนั่งลงบนเตียงนอนขนาดสามฟุตนุ่มนิ่มที่ตอนนี้ผ้านวมผืนใหญ่ขมวดไปอยู่ส่วนหนึ่งของหัวเตียงกับผ้าปูที่มันยับย่นจนชายบางส่วนหลุดออกจากมุม
มณีมณฑ์เพิ่งจะรับรู้ว่าตอนนี้มีภัยมาถึงตัวก็เมื่อตีความหมายในคำพูดนั้นเข้าใจ ความกลัวเกาะกุมหัวใจ ดวงตากลมโตมองที่ร่างหนาใหญ่ที่นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเตียงนอนของตัวเอง เตียงที่มดเล็กๆ อย่างเธอล้มตัวลงนอนแล้วมันรู้สึกเหมือนกับห้องทั้งห้องเป็นโลกอันกว้างใหญ่ แต่พอผู้ชายคนนั้นนั่งลงไปแล้วเหมือนกับว่าช้างตัวใหญ่กำลังนั่งนั่งทับรถจักรยานคันเล็กที่พร้อมจะบุบสลายไปในพริบตา
“นึกว่าจะกล้า ที่แท้ก็กลัวเป็นเหมือนกันนิน่า แต่มันก็น่ากลัวอยู่หรอกนะ ก็ไปทำเอาคนอื่นเกือบจะตายจนป่านนี้ก็ยังไม่ฟื้นเลยนี่น่า”
น้ำเสียงดังมาจากหนึ่งในสองคนที่ยืนจ้องเหมือนกับเธอเป็นเศษขยะเน่าเหม็น ให้สงสัยว่าคนพวกนี้เป็นใคร โกรธเกลียดเธอเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้จงเกลียดจงชังเธอถึงขนาดนี้ ในเมื่อเท่าที่มีชีวิตอยู่เธอไม่เคยจะออกจากไปเจอะเจอเลยสักครั้ง ชีวิตที่มีก็วนเวียนอยู่แต่บ้าน โรงเรียนและโรงพยาบาลที่เหมือนจะเป็นบ้านหลังที่สอง มณีมณฑ์ปรายสายตากลับมามองร่างหนาใหญ่ที่ดูเหมือนกับจะเป็นนายของอีกสองคน
“ฉันไม่สนใจว่าพวกคุณเป็นใคร และมาที่นี่เพราะต้องการอะไร แต่เชิญออกไปจากบ้านฉัน ก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจ” หญิงสาวขู่เสียงสั่น
“เรียกตำรวจ” คำพูดจากปากอวบอิ่มเหมือนกับการได้ฟังเรื่องตลก จนสามหนุ่มร่างหนาใหญ่หัวเราะจนเสียงดังลั่นห้อง “เรียกมาจับใคร จับพวกฉันหรือ...หรือว่าจับเธอ ยัยฆาตกร”
“ไม่จริง...ฉันไม่ใช่ฆาตกร” มณีมณฑ์เถียงปากสั่น มือเล็กเรียวยกขึ้นชี้หน้าแต่ละคน “ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ตายสักหน่อย พวกคุณอย่ามาโยนขี้ใส่ฉันนะ”
“อ๋อ...เหรอ...”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ลากเสียงยาวที่ทั้งเย็นและกร้าวแข็ง แล้วอย่างที่มณีมณฑ์ไม่ทันจะได้ตั้งตัว ร่างใหญ่ยักษ์แต่กลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาหยุดยืนตรงหน้า สองมือใหญ่จับแขนเล็กเรียวตรึงไว้เหนือศีรษะพร้อมดึงเล็กน้อยร่างเล็กบางก็ลอยขึ้นเหนือพื้น ขาแข็งแกร่งแทรกระหว่างขาเล็กเรียว
เสียงหัวเราะหึหึดังในลำคอใหญ่กับมือคร้ามแข็งที่ทาบบนคางมนบีบแรงๆ จนมณีมณฑ์รู้สึกเหมือนกับว่ากระดูกกระเดี้ยวจะหักเป็นสองท่อน คำพูดที่จะบอกให้อีกฝ่ายปล่อยตัวเธอก็ไม่ออกจากปาก คงจะมีเพียงแค่น้ำตาที่มันเอ่อล้นไหลซึมลงมาจากเพราะความเจ็บและกลัว ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้กล้าบุกรุกบ้านของคนอื่นและขู่เจ้าของบ้านแบบนี้กันแน่
พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยผึ้งด้วย
“ถึงเธอจะไม่ใช่ฆาตกรในตอนนี้ เพราะผู้หญิงคนนั้นยังไม่ตายก็จริง แต่โทษของเธอที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บนะมี และเธอต้องชดใช้อย่างสาสม” มือใหญ่ข้างที่วางอยู่ยกขึ้นลูบไล้เรือนกายบอบและบางที่คิดว่าถ้าหากไปเจอลมกรรโชกแรงๆ แถวที่เขาอยู่คงจะปลิวไปง่ายๆ
“อือ...อือ...” (พวกแกเป็นใคร เป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ปล่อยฉันนะไอ้บ้า)”

“หุ่นเธอนี่อวบอั๋นเป็นบ้าเลยนะยัยฆาตกร” ตอนแรกก็ไม่คิดที่จะสนใจผู้หญิงใจยักษ์ใจมารคนนี้หรอกนะ แต่การที่จะสั่งสอนผู้หญิงร่านอยากมีผัวจนตัวสั่นคนนี้ก็จำต้องเอาตัวเองไปเกลือกกลั้วด้วย แล้วเมื่อได้เห็นวงหน้าที่แม้จะอิดโรยและมอมแมม บอบช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก แต่ดวงตากลมโตเป็นประกายนั้นกลับเรียกความสนใจจากเขาได้ไม่น้อยทีเดียว
“ท่าทางไอ้ศรวัณที่มันพยายามจะหลบนิศามณีมาพบคงจะอกแตกตายนะถ้ารู้ว่าเธอหายไปจากบ้าน แถมยังหายหน้าหายตาไปกับผู้ชายอีกตั้งสามคน มันคงจะเสียดายแย่นะถ้ารู้ว่าความสาวความสวยของเธอถูกผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่มันเป็นคนได้ไป”
ถึงจะรู้ว่าช่วงที่กลับมาศรวัณยังไม่มีทีท่ากับผู้หญิงตรงหน้า แต่เท่าที่ลูกน้องเขาคอยจับตามองอยู่นั้นชายหนุ่มพยายามหลายครั้งที่หลบนิศามณีไปพบผู้หญิงคนอื่น แต่คงจะเป็นเพราะว่าการแต่งงานจะต้องจัดการอะไรหลายๆ อย่างเลยทำให้ปลีกตัวไม่ได้ อีกตั้งตอนนี้ศรวัณเองก็เอาแต่คอยดูแลนิศามณีจริงๆ แต่ใครจะรับประกันได้ละว่าชายหนุ่มจะไม่แตกแถวมาหาแม่รีแม่แรดที่พยายามจับทอดสะพานคอนกรีตให้เดินนะ
วงหน้าคมคร้ามโน้มลงไปจนริมฝีปากร้อนระอุประทับบนลำคอระหงของคนที่พยายามเบือนหน้าหนี ขบเคลื่อนไปอย่างช้าๆ จวบจนถึงใบหูนุ่ม ขบกัดด้วยฟันแรงๆ จนร่างเล็กบางสะดุ้งเฮือก มือใหญ่ลูบไล้กายสาวที่อวบอัดและนุ่มนิ่มครอบครองเนินเนื้อสล้างที่ตอนแรกดูเหมือนว่าจะเล็ก แต่หลอกสายตาเพราะเมื่อสัมผัสไปจริงๆ มันกลับอวบอัดเต็มไม้เต็มมือ
“อื้อหือ...หุ่นเธอนี่มันน่าฟัดจริงๆ นะยัยฆาตกรนะซิ อย่างนี้คงจะทำให้ฉันมีความสุขได้ไม่น้อยเชียวละ” มือใหญ่โอบอุ้มคลึงเคล้นปทุมถันอวบอิ่ม ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้เวียนวนรอบปลายยอดถันนุ่มแผ่วเบา
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ปล่อย...กรี๊ด...ใครก็ได้ช่วยด้วย น้อยช่วยด้วย...” มณีมณฑ์ดึงสติเท่าที่จะมีกลับคืนมาพร้อมความพยายามดึงแขนให้หลุดจากคีมใหญ่ ในหัวใจเต้นตึกตักกระหน่ำรัวเร็วเหมือนกับจะทะลุออกจากทรวง พยายามสลัดกายให้หลุดจากร่างหนาใหญ่ที่บดเบียดอย่างแนบชิด แต่ก็ทำอย่างใจคิดไม่ได้
ยิ่งขยับกายมากเท่าไหร่ร่างกายนุ่มนิ่มกลับบดเบียดเสียดสีกับร่างใหญ่ ก่อให้เกิดความร้อนผ่าวด้วยอารมณ์ที่เธอไม่เคยจะรู้จัก แล้วไหนจะมีมือที่มันยุ่มย่ามอยู่บนลำตัวทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ทั้งหวาดกลัวและอีกอารมณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดวงตากลมโตเบิกกว้างหลุกหลิกไปมากับเสียงเล็กที่ยังคงกรีดร้องท่ามกลางเสียงหัวเราะจากหนุ่มร่างใหญ่ที่ดังมาเป็นระรอก
“หึหึ...เธอนี่มันร้อนแรงเร็วใช่เล่นเลยนะยัยฆาตกร” ปลายลิ้นสากระคายลากไล้ในช่องหูนุ่ม ตวัดไล้หยอกล้อแรงๆ ในขณะที่มือใหญ่ก็บีบเคล้นปทุมถันอวบอิ่มด้วยความรุนแรงไม่ปราณี ก่อนที่ริมฝีปากหนาร้อนจะขบเคลื่อนไปตามผิวกายเนียนนุ่มประทับบนกลีบปากอวบอิ่มที่ตอนนี้เย็นชืดและแตกระแหงเหมือนกับดินที่ขาดน้ำ กดย้ำขบกัดลงไปอย่างไม่มีการปราณีแม้แต่น้อย
น้ำตาอุ่นร้อนไหลออกจากสองตาด้วยความเจ็บปวดที่กลีบปากบางนุ่มและพยายามขบกัดกันไว้แน่ไม่ยอมให้ความสากระคายที่ลากไล้ไปทั่วสอดแทรกไปภายใน ใบหน้ารูปไข่พยายามเบือนหนี สองเท้าเล็กๆ ที่ลอยเหนือพื้นเมือมันขยับกลีบกายบอบบางซึ่งไวต่อความรู้สึกก็สัมผัสกับความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อสร้างความรู้สึกแปลกประหลาดจนมณีมณฑ์ไม่กล้าจะขยับ กายเล็กบางจึงตกอยู่ในการควบคุมของชายร่างใหญ่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างกับความร้อนผ่าวที่มันลามเลียแนบชิด
“อื้อๆ ...” (ไม่น่ะ...)
ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ผิวเนื้อบริเวณสะเอวเล็กคอดไล่ไปถึงเต้าอวบอิ่มที่ไหวกระเพื่อมอย่างรุนแรงตามอัตราการหายใจของผู้เป็นเจ้าของ อพอลโล่อยากจะรู้นักว่ามณีมณฑ์จะต้านทานความปรารถนาที่เขาปลุกเร้าขึ้นได้สักกี่น้ำ มือใหญ่ครอบครองและบีบเคล้นคลึงจนบัวตูมเต่งตึงตั้งเต้าชูช่อ และในฉับพลันริมฝีปากอวบอิ่มก็เผยอ้าให้เขาได้ส่งปลายลิ้นสากระคายล่วงล้ำเข้าไปภายในโถอุ่นนุ่ม ลากไล้จากไรฟันไปตามซอกเนื้อนุ่มนิ่มกระพุ้งแก้มหวาน
“อย่าต่อสู้ฉันเลยผึ้ง เธอนะเอาชนะฉันไมได้หรอกแม่ตัวดี”
เสียงหัวเราะดังจากลำคอใหญ่เมื่อยัยผึ้งน้อยที่เกือบจะกลายเป็นฆาตกรฆ่าหลานสาวของเขายังต่อสู้ไม่เลิก ปลายลิ้นเล็กๆ ที่ควรจะเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นสากระคายของเขากลับพยายามที่จะขับไล่สิ่งแปลกปลอมแต่เธอไม่รู้เลยว่านั้นเป็นการยั่วยุให้อีกฝ่ายตามติด มือใหญ่บีบเคล้นปทุมถันสล้างอวบสลับไปมาทั้งสองฝั่งอย่างไม่ยอมให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่งเกินความรู้สึกน้อยใจว่าถูกเมินหนี อีกทั้งขาใหญ่ก็ไม่หยุดนิ่งเริ่มขยับเคลื่อนทีละน้อย
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง คลื่นความร้อนแผ่กระจายจากท้องน้อยเหมือนกับท้องทะเลยามเจอพายุใหญ่ หน้าท้องแบนราบเรียบไหวเป็นลอน ลิ้นเล็กที่พยายามถดถอยหนีสลับกับดันสิ่งแปลกปลอมออกไปจากปากก็ขยับเข้าหาพยายามเกี่ยวกวัดกลับลิ้นสากระคายหลอกหล่อให้ตามติด สองแขนที่พยายามดึงหนีก็เหมือนจะหมดเรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน กายเล็กที่เคยดึงหนีกลับเอนตัวแอบอิงร่างหนาใหญ่อย่างไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจูบตอบและบดเบียดกระแซะเรือนกายอวบอิ่มนุ่มนิ่มแนบชิดกายใหญ่ วงหน้าคร้ามดุก็ผุดรอยยิ้มนิดๆ ที่มุมปากข้างหนึ่ง ใจง่ายกว่าที่คิดไว้เสียอีก โดยลูกล่อลูกชนของเขาเข้าหน่อยก็พร้อมจะนอนแบให้ทั้งส่งสายตาหวานให้กับอีกคน ร้อนแรงและร่านได้ใจจริงๆ ถึงแม้ความจริงเขาจะไม่ชอบผู้หญิงใจง่ายแต่กับผู้หญิงตรงหน้าจำต้องยกเว้น ถ้าไม่ลงมือเองมันก็ไม่สะใจ
“ฉันว่าเราไปกันดีกว่าแม่ฆาตกร”  
มือใหญ่ละจากทรวงอวบอิ่มยื่นไปด้านหลังและคนของเขาก็รู้ความส่งผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กเปื้อนคราบสกปรกกระด่างกระดำและมีกลิ่นเหม็นชวนอาเจียนมาให้ใช้อุดปาก ก่อนที่จะมีเชือกเส้นใหญ่ตามติดมาให้ใช้มัดมือเล็กเรียวเสียแน่นจนได้เห็นรอยสีแดงที่มันผุดออกมาจากผิวเนื้อสีขาวนวลเนียนแต่ไม่ได้ทำให้คนมัดรู้สึกเห็นใจและสงสารคนที่ถูกมัดเลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นไปได้อยากจะมัดให้มือนั้นขาดไปเลยจะได้ไม่ต้องคอยจับพวงมาลัยรถไปชนคนอื่นเขาอีก
มณีมณฑ์เรียกสติที่มันกระเจิดกระเจิงไปกลับมา พยายามต่อสู้เพื่อจะให้ตัวเองหนีรอดจากเงื้อมมือคนตรงหน้าอย่างสุดความสามารถ แต่เพราะร่างกายที่อ่อนล้า ลมหายใจก็เริ่มติดขัดและเหนื่อยอ่อนจนแทบจะทรุดกองลงบนพื้นห้อง แต่ถึงจะอย่างนั้นมณีมณฑ์ก็ไม่ยอมให้ความอ่อนแอมาขัดขวาง เท้าเล็กที่ยังไม่ถูกมัดกระทืบไปบนเท้าใหญ่แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันดึงหนีพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอเหมือนกับว่าเรื่องที่เธอทำนั้นเป็นเรื่องตลก
“อย่าต่อสู้ให้มันเหนื่อยเลยน่ายังฆาตกร ยังไงซะเธอก็หนี้เงื้อมมือฉันไม่พ้นหรอกน่า ผู้หญิงร้อนเร็วอย่างเธอนะมาทำให้เตียงนอนของฉันเร่าด้วยความสุขดีกว่า” ชายหนุ่มพูดเสียงกลั้วหัวเราะแต่ยังคงเย็นเฉียบและไร้ความรู้สึก เขาคงจะสนุกกับการเอาคืนที่ผู้หญิงคนนี้ทำให้นิศามณีต้องเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจไม่น้อยทีเดียว ดวงตาสีสนิมคมกริบพราวระยับ
“แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะ บ้านฉันนะผู้ชายเยอะเธอไม่เหงาเป็นแน่ เพราะดูเหมือนว่าลูกน้องฉันนะกระเหี้ยนกระหือรืออยากมอบความสุขให้เธอแทบแย่แล้วละ งานนี้ถ้าเธอไม่ตายก็คางเหลือละแม่ตัวดี”
ชายหนุ่มร่างหนาใหญ่พูดเสียงกร้าวกลั้วหัวเราะเป็นเหมือนกับพญามัจจุราชผุดมาจากนรกขุมที่สิบแปด แขนใหญ่สอดเข้าที่ลำขาเรียวยาวดันร่างเล็กบางและเบาหวิวลอยจากพื้น หน้าท้องแบนราบเรียบสัมผัสกับความแข็งแกร่งจนจุกและเจ็บ แต่มันก็ยังไม่เท่านั้นเสียงกระด้างที่ดังข้างหูเมื่อครู่ให้คนที่ตัวอ่อนระทวยด้วยฤทธิ์แรงพิศวาสที่ไม่เคยเจอะเจอกลับฟื้นคืนสติขึ้นมาในฉลับพลัน
“อื้อๆ ...” มณีมณฑ์กลัวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น เรือนกายเย็นเฉียบเหมือนกับยืนอยู่บนกองหิมะ น้ำตาอุ่นร้อนอาบไหลนองหน้า แม้สองมือจะถูกมัดแต่เมื่อมันอยู่ด้านหน้าเธอก็ยังใช้ประโยชน์จากมันได้ด้วยการกระหน่ำทุบไปบนแผ่นหลังกว้าง และใช้เข่าเล็กที่สามารถงอได้ก็กระทุ้งไปบนลำตัวกว้างแรงๆ เท่าที่จะได้
“ยังมีฤทธิ์อีกนะ เรามาดูกันซิว่าใครมันจะเหนือกว่าแม่ตัวดี” ไม่ได้เจ็บปวดกับการกระทำของมณีมณฑ์หรอกนะแต่มันรำคาญ มือใหญ่ฝาดลงไปบนสะโพกกลมมนแรงๆ ไม่มียั้ง
“เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!!
มณีมณฑ์หยุดทำร้ายชายหนุ่มร่างใหญ่ในฉับพลันด้วยความเจ็บที่สะโพกจนน้ำตาอุ่นร้อนไหลล้นออกจากสองเบ้า ร้องเรียกหาพ่อที่ป่านนี้คงจะยังดูแลงานอยู่ต่างจังหวะและแม่ซึ่งน่าจะไปเฝ้าดูนิศามณีที่โรงพยาบาลอยู่ในใจ ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีแล้ว สิ่งที่เธอก่อนขึ้นทำให้แม่ไม่สบายใจมากพอแล้ว ถ้าเธอหายตัวไปอีกแม่จะรับได้ไหม แต่จะให้เธอทำยังไงถึงจะเอาตัวรอดจากผู้ชายคนนี้ได้ มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดมิด หาแสงสว่างไม่เจอ
อพอลโล่พาร่างมณีมณฑ์ไปโยนตุบบนรถลีมูนซีนคันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าบ้านหญิงสาว พร้อมกับก้าวตามติดไปก่อนที่มือใหญ่จะยื่นไปรับกระดาษและปากกาที่ลูกน้องส่งมาให้อย่างรู้งาน
“เขียนจดหมายถึงพ่อแม่เธอซะ ว่าเธอทนอยู่ที่บ้านและทนเห็นสายตาทุกคนที่มองมาอย่างประณามหยามเหยียดว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าด้าน คิดจะฆ่าคนเพื่อแย่งคนรักของเขาไม่ได้ ขอเวลาทำใจด้วยการไปอยู่กับเพื่อนสักระยะ ทำใจได้เมื่อไหร่จะรีบกลับมา”
วงหน้ารูปหัวใจส่ายแรงๆ สองมือเล็กถึงแม้จะถูกมัดไว้ด้านหน้าพยายามดึงหนีมือใหญ่ที่จับตรึงเอาไว้และรีบดึงเอาผ้าเหม็นๆ ออกจากปากพร้อมกับสองขาพยายามถีบและดันร่างหนาใหญ่ให้ถอยห่าง เพราะเห็นมีช่องทางให้เอาตัวรอดได้ แม้แค่เพียงเล็กน้อยแต่ก็ดีว่าไม่คิดจะทำอะไรเลยปล่อยให้ไอ้พวกคนบ้าๆ นี่จับเอาตัวไปง่ายๆ
อพอลโล่กระชากร่างบางกลับมาหาตัว ประกายในดวงตาแข็งและดุกร้าว อีกทั้งน้ำเสียงที่ออกจากปากเยียบเย็นเหมือนกับน้ำแข็ง “จะทำตามที่ฉันสั่งดีๆ หรือว่าจะให้ฉันบอกลูกน้องให้จับเธอถ่างขาและให้พวกมันมอบความเป็นผัวให้เธอที่นี่ต่อหน้าพ่อและแม่ของเธอ หรือว่าจะไปที่อื่น เลือกเอา” ชายหนุ่มขู่แข็งกร้าว ประกายในดวงตาก็แข็งกระด้างไม่มีปราณีหรือรอมชอบอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
น้ำตาอุ่นร้อนที่มันไหลตกจากสองดวงตาที่ตอนนี้ช้ำจนมองไม่เห็นความสวยกับกายบอบบางที่สะอื้อร่ำไห้จนตัวคลอนไม่ได้ทำให้อพอลโล่รู้สึกสงสารแม้แต่น้อย ผู้หญิงหน้าหนาและร่านราคะจนกล้าที่จะฆ่าคนได้แบบนี้ใครสงสารก็มีแต่จะทำให้ตัวเองนั้นไปพบยมบาลเร็วขึ้นเท่านั้น
“ว่าไง” ชายหนุ่มถามเสียงลอดไรฟันอีกครั้ง ก่อนจะผุดรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปากด้านหนึ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ายอมแพ้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกไม่ไว้วางใจผู้หญิงตรงหน้าแม้แต่น้อย การที่คนเราจะเป็นฆาตกรได้จะต้องโหดเหี้ยมแค่ถูกเขาขู่เล็กน้อยแบบนี้คงจะไม่ระคายหัวใจแข็งกระด้างได้หรอก
“จะทำอย่างที่ฉันสั่งง่ายๆ หรือว่าจะลองดี”
“ฉันจะทำอย่างที่คุณบอกก็ได้ แต่ช่วยคลายเชือกที่รัดมือให้ก่อนได้ไหม มันเจ็บและเขียนไม่ถนัดนะ” ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนเป็นเส้นตรงพยายามประคองเสียงที่ดังลอดไรฟันมาให้หวานนุ่มไม่แข็งกระด้าง ถ้าอีกฝ่ายยอมปล่อยการจะหนีก็ทำได้ง่ายขึ้น สองมือเล็กยืนไปให้ชายหนุ่มช่วยแกะเชือกจะได้เขียนถนัดๆ วงหน้าสวยเบ้ จมูกโด่งได้รูปซึ่งแดงเพราะการร้องไห้อย่างหนักยู่ย่นเมื่อถูกอีกฝ่ายส่ายศีรษะปฏิเสธ
พูดยากชะมัดแงะ ทำไงดีละนี่เรา
“เสียใจนะ ผู้หญิงใจร้ายคิดฆ่าคนอย่างเธอเสียมันไว้ใจไม่ได้” อพอลโล่ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากด้านหนึ่งก่อนที่มันจะจางหายไปเหลือไว้เพียงแค่ความดุร้ายและแข็งกร้าว มือใหญ่ยื่นไปตบวงหน้านวลไม่เบามากแต่ก็ไม่แรงมากแต่คนที่ถูกตบก็ร้าวไปทั้งหน้าได้เหมือนกัน
ดวงตากลมโตมองมือใหญ่ที่ส่งยื่นกระดาษและปากกาให้อย่างกระแทกกระทั้น ฟันขาวขบกัดริมฝีปาก พร้อมกับลมหายใจที่มันพ่นออกจากจมูกแรงๆ วงหน้าสวยงองุ้มเชิดขึ้นสูงอย่างไม่สนใจ เรื่องอะไรจะทำตามคำสั่งบ้าๆ และเอาแต่ใจนี่ง่ายๆ ละ แต่ก็ไม่วายปรายสายตาไปมองด้วยความอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงกับเธอต่อไป
“อ๋อ...หยิ่ง...ก็ดี หยิ่งให้ตลอดนะ เพราะฉันอยากรู้ว่าเธอจะขัดขวางความต้องการของฉันยังไงยัยฆาตกร”
มือใหญ่ที่วางอยู่บนลำแขนเสลาเริ่มลูบไล้แผ่วเบา ประกายในดวงตาสีสนิมวาววับมีเลศนัยที่ไล่มองจากปลีน่องขาวเนียนไล่ไปเรื่อยๆ หยุดตรงส่วนประกอบระหว่างเนินเนื้อแห่งความเป็นหญิงอยู่เป็นครู่ก่อนจะไล่ขึ้นไปอีกครั้งจนถึงบัวตูมเต่งตึงที่มันไหวกระเพื่อมแรงเร็วตามอัตรากายหายใจของผู้เป็นเจ้าของ
มณีมณฑ์ถึงกับสั่นสะท้านวูบไหวจากศีรษะจรดปลายเท้าขึ้นมาทันควัน อยากจะขยับหนีแต่เหมือนกับถูกตรึงจนแข็งเป็นหิน น้ำลายเหนียวๆ ไหลติดลำคอ ไม่ใช่คนโง่ที่จะมองไม่ออก รีบข่มกลั้นความกลัวในใจกัดฟันเอ่ยออกไปน้ำเสียงเข้มและกระด้าง
“ยะ...หยุดนะ ยอมเขียนให้ก็ได้ ส่งกระดาษมาซิ อยากจะให้เขียนอะไรก็บอกมา ไอ้คนเฮงซวย” สุดท้ายมณีมณฑ์ก็อดเก็บปากไว้ไม่ไหวด่ากราดอีกฝ่ายไปสองสามคำ
สองมือเล็กยื่นไปดึงกระดาษและปากกาจากมือใหญ่อย่างกระแทกกระทั้นพร้อมวงหน้าหงิกหงอสะบัดค้อนให้หนุ่มร่างใหญ่ที่ดูเหมือนว่าวงหน้าและแววตาสีสนิมวามวาวผุดรอยยิ้มพออกพอใจขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะจางหายไปเหลือไว้เพียงแค่รัศมีแห่งความโกรธเกลียดและเคียดแค้น
มณีมณฑ์กดปากกาในมือพร้อมเหลือสายตามองหนุ่มใหญ่ที่คงจะเป็นหัวหน้าในการกระทำครั้งนี้และเป็นคนปล้นจูบไปจากเธออย่างอาจหาญแล้วยังจะดูถูกเหยียดหยามให้ต้องเจ็บใจก่อนจะไล่มองไปยังคนอื่นๆ แต่ละคนที่ดูเหมือนจะกระเหี้ยนกระหือรือในการจับตัวเธอครั้งนี้เสียเหลือเกินก่อนที่สายตากลมโตจะวามวาวขึ้นกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่ผุดขึ้นตรงมุมหนึ่งของริมฝีปากอวบอิ่มที่เห่อบวมช้ำเพราะแรงจุมพิตที่ได้รับก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว
อพอลโล่เริ่มจะแปลกใจเพราะดูเหมือนว่ายัยผึ้งแสบใจร้ายนี่จะยอมง่ายจนเกินเหตุเสียแล้ว มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคาง ดวงตาคมกริบจับจ้องที่กายเล็กอย่างพินิจพิเคราะห์
นึกหรือว่าคนอย่างเธอจะยอมง่ายๆ นะ ไม่มีทาง
และอย่างรวดเร็วมณีมณฑ์กดปากกาไปบนกระดาษด้วยความแรงเท่าที่น้ำหนักมือจะให้ได้จนกระดาษฉีกขาด ก่อนที่กายบอบบางจะเคลื่อนตัวและมือโถมเข้าหากายใหญ่กดปลายแหลมคมของปากกาไปอย่างไม่เน้นว่าจะต้องถูกจุดใดของกายหนา รู้เพียงแค่ว่าจะต้องทำให้อีกเจ็บตัวก่อนเธอถึงจะสามารถพาตัวเองหนีลอดไประหว่างร่างกายชายหนุ่มและเบาะรถ แต่คนที่จับตามองอยู่ก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องเพลี่ยงพล้ำถูกอีกฝ่ายเล่นงานเอาได้
ด้วยเพราะความที่ระวังตัวอยู่แล้ว เมื่อกายเล็กโถมเข้ามา มือใหญ่ก็คว้าแขนเล็กเรียวและผลักเต็มแรงจนร่างเล็กบางกระเด็นไปกระแทกกับประตูรถอีกฝั่งจนมีเสียงดังปึกจนมณีมณฑ์เห็นดาวลอยวิ้งๆ อยู่รอบศีรษะ ปากกาที่จะใช้เป็นอาวุธทำร้ายอีกฝ่ายก็หล่นหายไปอย่างไร้ร่องร้อยและยังไม่ทันจะได้หลบหรือพลิกกายหนี มือใหญ่คว้าปลีน่องข้างหนึ่งลากกกลับมาแรงๆ และจะจับแขนเรียวยาวตรึงไว้เหนือศีรษะ
“ฤทธิ์มากจริงๆ เลยนะเธอนี่ เผลอเป็นไม่ได้เชียว” ชายหนุ่มกัดฟันพูดเสียงลอดไรฟัน ดวงตาสีสนิมคมวาววับเป็นประกายสีเพลิง “อยากลองดีกับฉันใช่ไหม ได้เลยยัยฆาตกร” มือใหญ่วางทาบบนทรวงอกสล้าง บีบเคล้นอย่างหนักหน่วงและรุนแรง
“กรี๊ด...ไม่นะไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ ปล่อย...กรี๊ด...ช่วยด้วย แม่ขาช่วยผึ้งด้วย พี่น้อย...กรี๊ด...” สองมือที่ถูกมัด สองเท้าที่ไม่ถูกมัดไว้ต่างร่วมแรงแข็งขันกระหน่ำใส่ร่างใหญ่อย่างไม่เจาะจงว่าจะถูกตรงส่วนไหนบ้าง รู้เพียงแค่ว่าจะต้องเอาตัวรอดจากเงื้อมมือไอ้บ้าตรงหน้าให้ได้
“เสียงดีเหลือเกินนะเธอนี่ อยากรู้จังว่าเวลาอยู่บนเตียงจะเสียงดีแบบนี้หรือเปล่า แล้วก็จะฤทธิ์มากแบบนี้หรือเปล่า” อพอลโล่พูดยั่วเสียงกลั้วหัวเราะ มือใหญ่บีบเคล้นปทุมถันอวบอิ่มที่ปลายยอดตั้งเต้าตอบรับก่อนจะขยับเคลื่อนไล้ลงมาตามผิวกายเนียนนุ่ม ปลายนิ้วยาวเรียวลากไล้เคลื่อนไปตามลำขาเสลา เพราะมณีมณฑ์นุ่งกางเกงขาสั้นที่ปลายบานแม้จะไม่มากแต่ก็เพียงพอให้ปลายนิ้วยาวใหญ่เคลื่อนไล้เข้าหาบางส่วนของสายสาวที่มันไวต่อความรู้สึก
“ไม่นะไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ ปล่อย...” มณีมณฑ์หวีดร้องเสียงดังลั่นความกลัวจับหัวใจ หูได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นมาจากทุกทิศทางทำให้เธอแทบจะกลายเป็นบ้าไปในฉับพลัน น้ำหูน้ำตาไหลอาบ กายบอบบางสั่นไหวเหมือนกับเรือลำน้อยที่อยู่ท่ามกลางลาวาเดือดปุดๆ ที่มันพร้อมจะจมลงสู่ก้นปล่องภูเขาไฟ
“กลัวทำไมละผึ้ง ก็เธอเป็นคนต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือไง เพียงแค่เปลี่ยนคนที่จะมีอะไรด้วยเท่านั้นเอง แต่รับรองน่าว่ามันจะสนุกสุดๆ ไปเลยทีเดียวละ” โน้มใบหน้าคมคร้ามไปประทับไล่จากเหนือทรวงสล้างไล่ขึ้นไปด้านบน ขบกัดผิวเนื้อลำคอระหงแรงๆ จนมีสีแดงแต่งแต้มทันควัน ปลายนิ้วยาวใหญ่ไล้เป็นวงกลมบริเวณขาหนีบ ดวงตาสีสนิมแพรวพราวระยับด้วยความพอใจอย่างยิ่งยวด
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ริมฝีปากที่ขยับกรีดร้องด้วยความขลาดกลัวหุบเข้ากันฟันขาวขบกัดจนฮ้อเลือด ศีรษะทุยส่ายไปมาแรงๆ จนเส้นผมกระจาย ขนตามเรือนกายลุกชัน กลัวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น “ไม่...ไม่นะ ยอมแล้ว อย่าทำอะไรฉันเลย ยอมแล้ว” น้ำเสียงแหบพร่าและสั่นเครืออย่างคนหมดหวัง น้ำตาไหลพรากเหมือนกับสายน้ำที่ตกจากน้ำตกไม่มีหยุด 
“ได้คราวนี้จะหยุดแค่นี้ แต่คราวต่อไปเธอได้ผัวทีเดียวสิบคนแน่ ยัยฆาตกร” อพอลโล่ขู่กลับไปด้วยน้ำเสียงและแววตาที่แข็งกร้าว มือใหญ่ยื่นไปรับปากกาและกระดาษกลับมายื่นส่งให้คนที่กลัวจนตัวสั่นสั่งความให้เขียนตามความต้องการก่อนจะดึงออกมาส่งให้ลูกน้องรับไปจัดการก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นโบกให้ลูกน้องคนที่เหลือจัดการนำพารถออกไปจากบ้านหลังขนาดย่อม
มณีมณฑ์หันกายมองบ้านหลังน้อยอันแสนสุขผ่านกระจกสีชาด้วยน้ำตานองหน้า แม่จ๋า ผึ้งขอโทษ ผึ้งผิดเองที่ไม่เชื่อฟังคำเตือนของแม่วงหน้าสวยซีดเผือดเหมือนกับกระดาษหันมองร่างหนาใหญ่ที่นั่งสองมือสอดไขว้ไว้ด้านหลังศีรษะที่ดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แต่รู้ดีว่าอีกฝ่ายคือเสือนอนหมอบเพียงแค่เธอขยับแม้เพียงแค่นิดเดียวอีกฝ่ายก็จะสามารถคว้าตัวเอาไปทำร้ายได้ในทันที

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่อยากให้มุกถึงตายเลยค่ะ มาลงเร็วๆนะค่ะ

    ตอบลบ
  2. ง่า โหดไปไหมอ่ะผึ้ง เกือบถึงตายเลยนะ

    ไหนจะพระเอกอีก ร้ายซะจริงๆ

    ตอบลบ