หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

ทัณฑ์เถื่อน ตอนที่ 4 บทเรียนแรก


ตอนที่ 4
บทเรียนแรก
อพอลโล่ส่ายตามองแม่สาวใจร้ายที่นั่งพลิกตัวไปมาบนเก้าอี้เนื้อนุ่ม ซึ่งนั่งถัดไปจากเก้าอี้ที่เขานั่งเพียงสองตัวเก้าอี้ สองแขนเล็กเรียวโอบรอบกายสลับรอบลำขาเสลาที่ยกขึ้นมาแนบทรวงอกราวกับต้องโอบอุ้มปกป้องตัวเอง แม้ร่ายบอบบางจะเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียจากการร้องไห้อย่างหนักและการเดินทางอันยาวนานเกือบจะสิบสองชั่วโมงที่ตอนนี้การเดินทางอันแสนทรหดผ่านไปเพียงแค่เจ็ดชั่วโมงกว่าๆ ยังเกือบจะห้าชั่วโมงกว่าจะเดินทางถึงบ้านของเขา แต่เขายังเห็นประกายในดวงตากลมโตคู่นั้นไม่เคยคิดจะยอมแพ้แม้แต่น้อย
นานแล้วที่เขาไม่เคยจะรู้สึกสนุกสนานและเร้าใจแบบนี้เหมือนกับได้เจอคู่ปรับที่แม้จะไม่สมน้ำสมเนื้อเพราะอีกฝ่ายเป็นหญิงเข้าเป็นชาย แต่ความใจกล้าและเหี้ยมหาญดูเหมือนว่าอีกฝ่ายรับไปเต็มๆ
อย่างนี้ซิถึงจะสนุก
วงหน้าคมคร้ามผุดรอยยิ้มเล็กน้อยบนมุมปากด้านหนึ่ง ป่านนี้จูปิเตอร์และจูโน่คงจะจัดการเคลียร์เรื่องงานและเตรียมแผนการต้อนรับผู้หญิงคนนี้ให้เจ็บปวดและแสบสันต์ไว้เรียบร้อยแล้ว กายใหญ่เอนอิงแอบเบาะนุ่มๆ แขนใหญ่ยกขึ้นพาดไปตามความยาวของขอบเบาะพร้อมขาแกร่งข้างหนึ่งยกไปพาดอีกข้างกระดิกปลายเท้าเบาๆ
อืม...ประกายเบื่อหน่ายผุดบนหน้าคร้ามกระด้าง การเดินทางเหลืออีกตั้งเกือบจะห้าชั่วโมง นั่งเงียบๆ กับบรรยากาศที่เคร่งเครียดเพราะลูกน้องที่ตามติดมาดูเหมือนว่าจะเอาแต่นั่งจ้องมณีมณฑ์ด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดและเคียดแค้น อยากจะหักคอจิ้มน้ำพริก มันชักจะน่าเบื่อแฮะ
อีกอย่างถึงแม้อีกฝ่ายจะอยู่เงียบๆ ไม่สนใจสิ่งใด แต่ทว่ารูปลักษณ์บอบบางเหมือนนกน้อยหลงรักที่มีอยู่ในตัวมณีมณฑ์กำลังเรียกร้องความรู้สึกของนักล่าในกายเขาให้เริ่มลุกโชนอย่างที่มันระงับเอาไว้ไม่ได้ แล้วอย่างนี้จะอยู่เฉยๆ ได้อย่างไรกัน หาอะไรทำดีกว่า เพียงแค่คิดได้ดังนั้นร่างหนาใหญ่ผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่งเดินไปหยุดยืนหน้าร่างเล็กบาง
ด้วยเพราะท่านั่งของมณีมณฑ์คือสองเท้าที่ยกขึ้นวางบนเบาะนุ่มๆ สองแขนโอบรอบลำขาเรียวยาวที่เข่าอยู่แนบกับทรวงอกอวบอิ่ม วางคางบนเข่ามน ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอหน่วยและไหลไม่ขาดสายเหม่อลอยไปอย่างไรจุดหมายปลายทาง ในทรวงที่มันกำลังสะท้อนขึ้นลงตามการหายใจเต็มไปด้วยความขลาดกลัวและหวาดหวั่นกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองที่มันอัดแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก
ปลายหางตาของคนที่กำลังเหม่อลอยมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ แม้ไม่อยากจะสนใจแต่ทว่าชายสีขาวๆ ที่มันเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าแม้มันรู้สึกก็ขัดตาขัดใจให้ต้องหันมอง
ดวงตากลมโตจับจ้องตั้งแต่ด้านล่างของชายผ้าสีขาวๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เป็นเท้าของใครบางคนที่ขยับเป็นจังหวะ เพียงแค่เห็นปลายเท้ามณีมณฑ์ก็รู้แล้วละว่าไอ้เจ้าของรองเท้าสีขาวนี่เป็นใคร แทนที่จะไล่มองต่อมณีมณฑ์กลับเลือกที่จะเบือนหน้าออกไปมองลอดกระจกสีขาวใสไปด้านนอก
เครื่องบินเจ็ทลำใหญ่สามารถบรรจุคนได้ถึง 18 คน มีห้องหับส่วนตัวให้นอนพักผ่อน เรียกได้ว่าเป็นเหมือนกับบ้านหลังเล็กกะทัดรัดที่พร้อมพรั่งด้วยความสะดวกสบายทุกอย่างเท่าที่คนมีเงินจะเสกสันต์หามาใช้ได้บินผ่านปุยเมฆสีขาวเทาที่สามารถจินตนาการไปในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างไม่น่าเบื่อเลยหากว่าเธอมาด้วยความเต็มใจ แต่ในตอนนี้เธอไม่อยู่ในอารมณ์นั้นโรแมนติกแบบนั้นสักนิด ไม่รู้ว่าเมื่อถึงจุดหมายปลายทางแล้วเธอจะต้องเจอกับสิ่งเลวร้ายใดที่รอคอยอยู่ เธอจะทนมีชีวิตอยู่รับมันได้หรือเปล่า ริมฝีปากอวบอิ่มขาวและเย็นชืดขบกัดจนแทบจะปริได้เลือด แต่ยังไม่เท่ากับความกลัวที่กัดกินใจ
โอ๊ะโอ่...ยัยคนเลือดเย็นทำเมินไม่สนใจเขาเสียด้วยและอย่างต้องการเรียกความสนใจ อพอลโล่ผุดรอยยิ้มตรงมุมปากด้านหนึ่ง มือใหญ่สอดไว้ในกระเป๋ากางเกงแสลกขายาวสีขาวดึงออกมายื่นไปจับกระตุกเส้นผมบนศีรษะทุยที่มันยุ่งเหยิงเหมือนกับต้องการกลั่นแกล้งพร้อมเสียงหัวเราะหึหึในลำคอแกร่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังไม่สนใจแต่ยกมือขึ้นปัดเบาๆ อย่างรำคาย มือใหญ่เคลื่อนไปด้านหน้าอีกครั้งและคราวนี้จุดหมายปลายทางอยู่ที่ลาดไหล่กว้าง
มณีมณฑ์รู้สึกรำคาญกับการกระทำของคนที่จับตัวเธอมา ลมหายใจอุ่นร้อนเป่าพ่นจากปากอวบอิ่มก่อนวงหน้าขาวซีดหันจากหันมาทีละน้อยอย่างเบื่อหน่าย
ดวงตากลมโตเริ่มต้นไล่มองจากปลายเท้าที่สวมใส่รองเท้าสีขาวไล่ขึ้นไปตามกางเกงแสลกก็เป็นสีขาว เรื่อยขึ้นไปตามเรือนกายแข็งแกร่งที่ยังคงสเต๊ปเดิมด้วยเสื้อเชิ้ตเนื้อดีสีขาวอีกเช่นเคย ส่วนของปลายแขนที่สอดอยู่ในกางเกงพับขึ้นเล็กน้อย ด้านหน้าไม่ยอมกลัดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อยเปิดเปลือยอกกว้างลำสั่นที่พอไล่สายตาจากขอบกางเกงและเข็มขัดหนังสีขาวจะได้เห็นไรขนเส้นเล็กๆ สีน้ำตาลเข้มจนเกือบจะดำบนกล้ามเนื้อท้องล่ำสันและแข็งแกร่งไม่รกรุงรังเหมือนกับลิงอุรังอุตังแต่เป็นในแบบเล็กน้อยน่ามองไปจนถึงกล้ามเนื้อบนอกว้าง
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง น้ำลายเหนียวๆ ไหลติดลำคอเมื่อเห็นร่างกายแข็งแกร่ง ผู้ชายตรงหน้าเป็นประเภทดาร์ท ทอล แอนด์แฮนซั่มที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่หา ไม่ใช่เพียงแค่รูปกายที่กร้าวแข็งพร้อมจะปกป้องคุ้มครองหญิงข้างกายให้ปลอดภัย วงหน้าที่แม้จะมีไรหนวดเครารกครึ้มและดวงตาก็ดุกร้าวแต่ทุกสัดส่วนบนหน้ากลับรับกันอย่างเหมาะเจาะ ประกอบกับความร่ำรวย...
มณีมณฑ์เชื่อว่าอีกฝ่ายจะต้องร่ำรวยมหาศาลถึงได้มีเครื่องบินส่วนตัวลำใหญ่ขนาดนี้ เรียกได้ว่าลักษณะของชายหนุ่มตรงหน้าเป็นแบบฉบับที่ดึงดูดผู้หญิงให้เข้าหา แต่ก็คงจะเป็นคนอื่นหาใช่เธอ เพราะในหัวใจของเธอยังคงมีศรวัณครอบครองอยู่ แต่ถึงจะอย่างนั้นก็อดที่จะใจสั่นไม่ได้ เมื่อได้มาอยู่ใกล้ผู้ชายที่เป็นที่ใฝ่ฝันหาของผู้หญิงทั้งหลายจนต้องรีบหาข้อเสียของอีกฝ่ายกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆ ในหัวใจ
เธอยังจำรสสัมผัสร้อนผ่าวจากมือและปากร้อนระอุที่ทาบไปบนเรือนกายได้เป็นอย่างดี มันทำกายนี้มีเริ่มมีราคีคาว รวมถึงหัวใจดวงน้อยมันกำลังสั่นไหว กายสั่นสะท้านเหมือนกับต้นไผ่ไหวลู่ไปตามกระแสลม จมูกโด่งได้รูปยู่ย่น เมื่อหาข้อติชายหนุ่มตรงหน้าได้
ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ตาดุยังกับเสือ จมูกก็ใหญ่โตจนเกินไป ปากนั่นก็หนาเตอะ แถมยังจะมีหนวดและเครารกครึ้มอีก ดูยังไงแทนที่จะหล่อเหลากลับเหมือนกับคนเถื่อนหรือจะเป็นมหา แต่เดาะใส่เสื้อผ้าสีขาวล้วน ทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นเทพบุตรมาจุติอย่างนั้นแหละ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเป็นพญามารต่างหากละ มารที่ทำร้ายผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอ คอยดูนะเธอหนีรอดเมื่อไหร่ จะเอาคืนให้เจ็บทีเดียวที่มาลวนลามทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจรวมถึงกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ไม่มีอิสรภาพ
ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดเข้าหากันจนแบนราบเรียบ มือเล็กยกขึ้นปาดไปทั่ววงหน้าเผื่อลบร่องรอยจากจุมพิตร้อนผ่าวที่มันยังคงทาบอยู่บนเรือนกายและในความรู้สึกแต่ทำอย่างไรก็ไม่ลบเลือนมันออกไปไม่ได้เสียที จนต้อนนี้กลับรู้สึกแสบไปทั้งหน้าและคิดว่าคงจะแดงก่ำแล้วด้วย ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะหึหึจากคนที่ยืนแอ๊คท่าหล่ออยู่ตรงหน้าก็ยิ่งก่อเกิดความหงุดหงิดและรำคาญใจ
ร่างตรงหน้าใหญ่โตข่มร่างเล็กและบอบบางจนดูเหมือนกับว่าเธอเป็นแค่มดแต่อีกฝ่ายเป็นช้าง มณีมณฑ์มนไม่ได้ที่ตัวเองจะเป็นรองฝ่ายตรงข้าม ร่างเล็กบอบบางผุดลุกจากเก้าอี้ สองแขนเท้าสะเอว “คุณมีอะไร ทำไมถึงไม่ปล่อยให้ฉันนั่งอย่างสงบ”
“เธอเป็นนักโทษ จะให้นั่งสบายๆ ได้ยังไงกันละ” อพอลโต่ตอบกลับพร้อมกายใหญ่นั่งลงบนเก้าอี้นุ่มๆ ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามพร้อมยกสองเท้าใหญ่วางบนเก้าอี้ตัวที่มณีมณฑ์นั่งเมื่อครู่ บนวงหน้าคมคร้ามมีรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมและสนุกสนาน
“นั่งนานไปหน่อย รู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวยังไงก็ไม่รู้ นวดให้หน่อยซิ”
“ฉันไม่ใช่หมอนวด” มณีมณฑ์ตอบกลับทันควันอย่างไม่ชอบใจ
“เมื่อก่อนนะไม่ใช่ แต่ตอนนี้เธอมาอยู่กับฉัน เธอต้องเป็นให้ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหมอนวด หรือแม้กระทั่งโสเภณี”
ดวงตาสีสนิมคมกริบและกร้าวแข็งมองไล่จากศีรษะจรดปลายเท้าก่อนจะไล่กลับขึ้นไปอีกครั้ง พร้อมจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตพร้อมรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม “ซึ่งเมื่อฉันหมดความต้องการแล้วก็จะโละทิ้งให้กับลูกน้องตามแต่ว่าใครจะพอใจรับเธอไปใช้บริการบำรุงบำเรอ แต่ที่จะขาดไม่ได้ไม่ว่าเธอจะไปอยู่กับใครก็คือ...”
มือใหญ่ยื่นไปคว้าร่างเล็กบอบบางที่ก้าวถอยไปด้านหลังมานั่งบนตักกว้าง “คนรับใช้หรือแม้แต่คนรองมือรองตีนฉันและทุกๆ คนที่บ้านฉัน”
มณีมณฑ์สะอึกกับคำพูดที่ได้ยิน มือเล็กเรียวยกขึ้นหมายจะฝาดไปบนวงหน้าคมคร้ามเพื่อตอบแทนปากเสียๆ ที่พ่นลมเหม็นเน่าออกมาแต่กลับถูกอีกฝ่ายจับแขนเรียวมัดไพล่ไปด้านหลังด้วยมือเพียงข้างเดียว
“คิดจะตบหน้าฉันหรือแม่ตัวดี มันไม่ง่ายอย่างที่เธอคิดหรอกนะ” มือใหญ่ข้างที่ว่างสอดกระชับลำตัวกลมกลึงและเคลื่อนไหวไปวนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่ที่ทรวงสล้างอวบอิ่ม
“ปล่อยฉันนะไอ้คนเฮงซวย คอยดูนะฉันรอดไปได้เมื่อไหร่ คุณตายศพไม่สวยแน่”
น้ำเสียงแข็งกร้าวและดุร้ายที่ดังลอดไรฟันออกมาจากปากอวบอิ่มกลับสร้างความพอใจให้กับอพอลโล่จนชายหนุ่มถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่น
“เธอยังคิดว่าจะหนีรอดจากเฮื้อมมือของฉันอีกหรือผึ้ง เธอดูตอนนี้เธออยู่ไหน หน้าก็ท้องฟ้าหลังก็ท้องฟ้า...พอถึงบ้านฉันนะ หลังก็ทะเลกว้างใหญ่ หน้าก็พวกผู้ชายที่หื่นกระหายที่ล้วนแล้วแต่เกลียดชัง พร้อมที่จะห้ำหั่นให้เธอต้องได้รับทุกข์ทรมานจนไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่ แต่ทำยังไงก็ตายไม่ได้ ต้องทนทุกข์ทรมาน ตายทั้งที่มีลมหายใจอยู่”
ในชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งคงจะไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่าการถูกข่มขืนและข่มเหงทั้งร่างกายและจิตใจ ต้องนอนกับผู้ชายหลายคนโดยไม่เต็มใจ อยากจะตายก็ตายไม่ได้ จะมีชีวิตอยู่ก็ต้องหวาดกลัวจนไม่กล้าเอาหน้าหนาๆ ยิ่งกว่าพื้นกระเบื้องปูบ้านออกไปอวดใครเขาอีก
“ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบผู้หญิงที่ผ่านมือผู้ชายคนอื่นมาหรอกนะ แล้วยิ่งผ่านมือชายนับสิบอย่างเธอด้วยละก็นะ...หึหึ” เสียงหัวเราะเหมือนต้องการจะเป็นคมมีดกรีดเขาไปในความรู้สึกของคนฟัง “แม้ฉันจะเป็นคนไม่ถือเรื่องพรหมจรรย์ของผู้หญิงก็ยังอดที่จะรังเกียจไม่ได้ แล้วอย่างนี้นายศรวัณละ มันคงจะ...” อพอลโล่ละคำพูดเอาไว้ให้อีกฝ่ายนั้นคิดด้วยตัวเอง แต่คิดอีกทีไม่ดีกว่า ให้คิดเองเดี๋ยวอีกฝ่ายก็คิดเข้าข้างตัวเอง สู้บอกไปเลยดีกว่า
“ไอ้ศรวัณมันต้องรังเกียจที่ร่างกายที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบคาวโลกีย์ของเธอ ร่างกายที่เคยถูกผู้ชายมากมายจับต้องจนหย่อนยาน”
“ไม่...” เพียงแค่รับรู้ว่าจะถูกศรวัณมองอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ ไม่อยากจะเข้าใกล้หัวใจก็เหมือนกับถูกกรีดยับ เหมือนกับมีเข็มพิษนับร้อยนับพันทิ่มตำจนหายใจไม่ออก วงหน้าขาวสวยซีดเผือดเหมือนกับกระดาษ ศีรษะทุยส่ายไปมาเบาๆ
“ไม่...คุณคงไม่ทำแบบนั้นกับฉันจริงๆ ใช่ไหม” มณีมณฑ์ถามอย่างมีความหวัง แต่กลับต้องกลัวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นเมื่ออีกฝ่ายส่ายศีรษะ
“ฉันตั้งใจว่าเมื่อไปถึงบ้าน คืนแรก...ฉันจะเป็นคนเปิดบริสุทธิ์ของเธอ สอนให้เธอได้รับรู้ว่าระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย ไม่ได้มีเพียงแค่ความรักอันสวยงาม แต่มันจะมีความน่าเกลียดและน่ากลัว ถ้าหากว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องนอนกับผู้ที่ตัวเองไม่ได้รัก” อพอลโล่ตอบเสียงเรียบเฉย
ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรกับผู้หญิงตรงหน้าหรอกนะ แต่เมื่อตอนที่ได้สัมผัสร่างกายนั้นก็รับรู้ถึงความบริสุทธิ์และไม่ประสา อีกทั้งความหวานหอมที่ได้รับเลยทำให้อยากจะชิมรสหวานๆ สักหน่อย ก่อนจะโยนเศษซากไปให้กับลูกน้องที่พร้อมจะมอบความเป็นผัวให้พร้อมกับบันทึกภาพเอาไว้ประจาน เสร็จจากเขาแล้วก็จะเป็นพวกลูกค้าในบ่อนที่คงจะชอบถ้าหากว่าจะมีบริการเป็นผู้หญิงมาให้นอนฟรีๆ ไม่ต้องเสียเงิน
“จากนั้นเมื่อฉันเบื่อ ฉันก็จะโยนเนื้อในที่ยังไม่เน่าเฟะให้ลูกน้องกัดกินจนหมดสิ้นความหวาน แล้วเมื่อนั้น...ฉันก็จะโยนเศษซากอันเน่าเฟะของเธอกลับไปให้ไอ้ศรวัณ แต่ฉันก็เดาได้นะถ้าผู้ชายอย่างมันนะจะต้องรังเกียจและขยะแขยงจนแทบไม่อยากจะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ”
“มะ...ไม่ คุณคงจะไม่ทำอย่างที่พูดจริงๆ ใช่ไหม ฉะ...ฉันขอร้อง คุณอย่าทำอย่างที่พูดเลยนะ คุณจะให้ฉันทำอะไร ฉันพร้อมจะทำ ขะ...ขอร้องนะคุณ อย่าทำร้ายฉันเลย” มณีมณฑ์ของร้องอีกฝ่ายเสียงสั่นเทา ใครบ้างจะไม่กลัวที่อยู่ดีๆ ก็ถูกจับมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ถูกข่มขู่ด้วยถ้อยคำหยาบคายและดูถูกหมิ่นแคลน อีกทั้งพฤติกรรมที่ได้รับก็ส่อไปในทางที่จะทำทุกอย่างให้เธอหวาดกลัวจนเป็นบ้าได้ยิ่งดี
อพอลโล่หัวเราะเสียงดังลั่น “เธอกลัวเป็นด้วยหรือผึ้ง แล้วทำไมตอนที่ทำร้ายคนอื่นถึงไม่คิดผลของมันบ้างละ พอเขาเอาคืนถึงได้มาอ้อนวอนนะ เสียใจด้วยนะ ผู้หญิงร่านอย่างเธอเจอแบบนี้ก็สมควรแล้ว” มือใหญ่สอดไปด้านหลังจับดันลำคอระหงให้โน้มมาหา ใบหน้าคมคร้ามโน้มไปจนพบกับผิวเนื้อนุ่มหอมด้วยกลิ่นกายสาวของอีกฝ่าย
“บทเรียนแรกที่เธอควรจะต้องจำไว้นะผึ้ง อย่าริอ่านขัดใจฉัน” ชายหนุ่มกดใบหน้าที่เต็มไปด้วยไรหนวดซึ่งขึ้นรกครึ้มเพราะหน้าไม่ได้ถูกโกนมาตั้งแต่รู้ข่าวเรื่องนิศามณีแล้วถูไถไปบนแก้มนวลจนมณีมณฑ์เจ็บแสบก่อนที่ริมฝีปากร้อนผ่าวจะเคลื่อนไปประกบบนเรียวปากนุ่มกดคลึงด้วยความรุนแรง
“อือ...” มณีมณฑ์พยายามเอนกายและดึงใบหน้าหนี สองขาที่ไม่ถูกมัดไว้ขยับเตะกระทืบไปบนปากเท้าใหญ่เต็มแรงที่มีแต่ก็ไม่สามารถหลุดจากคีมเหล็กที่รัดแน่นไปทั่วกายาได้แต่ยิ่งทำให้กายบอบบางจมหายไปในอ้อมแขนใหญ่มากยิ่งขึ้นเสียอีก
ยิ่งอีกฝ่ายพยายามขัดขืนมากเท่าไหร่กลับทำให้อพอลโล่สนุกสนานมากขึ้นเท่านั้น ริมฝีปากหนาร้อนขบกัดกลีบปากอวบอิ่มใช้แรงที่มากกว่าเปิดเรียวปากนุ่มให้แยกห่างส่งปลายลิ้นเข้าไปสอดไซ้แต่งแต้มทั่วโพรงปากนุ่ม ฝ่ามือใหญ่ร้อนระอุบีบนวดทั่วลำตัวกลมกลึงก่อนสอดแทรกฝ่ามือใหญ่เข้าไปลูบไล้ผิวกายบริเวณสะเอวเล็กคอด หยอกล้อกับช่องเล็กๆ ซึ่งอยู่ตรงกลางก่อนจะขยับทีละน้อยเหมือนกับปูไต่ไล่ไปด้านบนอย่างช้าๆ ครอบครองเนินเนื้ออวบอิ่ม
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ศีรษะทุยขยับส่ายหนีแต่กลับถูกแขนใหญ่ที่สอดกระชับร่างเคลื่อนมือขึ้นไปจับตรึงท้ายทอยจนขยับเคลื่อนไม่ได้ สองมือเล็กที่ถูกปล่อยตัวตั้งแต่ทุบตีไปบนลำตัวกว้างสลับผลักบ่ากว้างให้ถอยห่าง ปลายเท้าเล็กที่ไม่มีรองเท้าติดมาตั้งแต่ต้นขยับเคลื่อนถูไถจิกลงไปบนพื้นพรมหนานุ่มด้วยความวาบหวิวและป่วนปั่นที่มันเริ่มผุดขึ้นเหมือนน้ำที่ถูกต้มจนเดือด สองแขนเรียวเริ่มจะหมดแรงทุกตีได้แต่จับบ่ากว้างพร้อมกับร่างกายที่มันเริ่มอ่อนระทวยด้วยเปลวเพลิงปรารถนาที่โอบล้อมรอบกาย
“เธอมันปลุกอารมณ์ง่ายและร้อนเร็วจริงๆ นะผึ้ง แต่เสียใจด้วยยัยฆาตกร เพราะฉันยังไม่หื่นกระหายอยากจนทนไม่ไหวและมันก็น่าเกลียดเกินไปที่จะนอนกับผู้หญิงร่านราคะอย่างเธอบนเครื่องบินแล้วก็ต่อหน้าลูกน้องด้วย”
ทั้งที่ความจริงแล้วเพียงแค่แตะต้องผิวเนื้อหวานหอมของอีกฝ่ายความต้องการในการก็เริ่มลุกพรึบขึ้นมาเหมือนกับไฟที่มันไหม้กองฟาง สองมือใหญ่ผลักร่างเล็กบางจนถลาลงไปนั่งก้นกระแทกพื้น วงหน้าคร้ามผุดรอยยิ้มหยามเหยียดตรงมุมหนึ่งของเรียวปากหนากับประกายในดวงตาที่มองอย่างดูถูกหมิ่นแคลน
“ฉันว่าถ้าไอ้ศรวัณมันมีเวลาว่างมากกว่านี้สักนิด ป่านนี้เธอกับมันคงจะเล่นชู้กันอย่างมีความสุขบนเตียงนอนของม่านรูดที่ไหนสักแห่งแล้วใช่ไหมผึ้ง เพราะแค่ฉันแตะต้องนิดหน่อยเธอก็พร้อมจะนอนราบให้ฉันมอบความสุขให้ไม่ใช่หรือไง”
วงหน้าสวยนิ่วด้วยความเจ็บที่ก้นกบและแผ่นหลังซึ่งไปกระแทกกับมุมหนึ่งของขอบโต๊ะที่แม้ว่าจะไม่แหลมคมพอแต่แรงเหวี่ยงก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บได้ไม่น้อย แต่ก็ไม่สู้คำพูดดูถูกเหยียดหยามที่ดังออกมาจากปากหนา ฟันขาวสะอาดขบกับเปลือกปากอวบอิ่มจนฮ้อเลือด ความเจ็บปวดและเคียดแค้น อยากจะตะโกนใส่ตรงหน้าออกไปว่าถึงแม้เธอจะรักศรวัณแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะปล่อยตัวปล่อยใจให้อีกฝ่ายเชยชมได้ง่ายๆ
“ไม่ต้องมาสำออยเลยผึ้ง มานวดฉันได้แล้ว” อพอลโล่บอกเสียงแข็งกร้าว กายใหญ่เอนอิงเบาะนุ่ม สองมือสอดไขว้และวางไว้ด้านหลังศีรษะ หนังตาหนาหลุบลงเหมือนจะตัดขาดการมองเห็นทุกอย่าง แต่ก็ยังมีเสียงพูดส่งไปถึงอีกฝ่าย “เอ๊ะ...หรือว่าเธอจะเปลี่ยนใจเป็นนางบำเรอของฉันซะบนเครื่องบินนี้เลย ก็ได้นะถ้าหากว่าเธอยังไม่มานวดให้ เดี๋ยวฉันเปลี่ยนใจนอนกับเธอบนโต๊ะกินข้าวแทน...เธอคงจะโทษใครไม่ได้นะ เอ๊ะหรือว่าจะชอบกันแน่นะ”
สองมือเล็กกำหมัดไว้จนแน่น ฟันขาวกดลงไปบนกลีบปากอวบอิ่มจนมีเลือดไหลซิบออกมา ประกายในดวงตาตาวับเหมือนกับดวงตาเสือ ลมหายใจหอบแรงและเร็ว กายเล็กบอบบางขยับลุกจากจุดที่นั่งอยู่อย่างยากเย็นด้วยความเจ็บจุกที่แล่นริ้วขึ้นมาจนน้ำที่มันแห้งเหือดเพราะไม่มีจะไหลด้วยเธอร้องไห้มาทั้งวันและคืน
ไม่ยอมแพ้หรอกนะ ยังไงก็ต้องเอาตัวหนีรอดจากไอ้บ้านี่และพรรคพวกให้ได้ แต่ตอนนี้ในเมื่อไม่มีทางเลือก และไม่ว่าจะหันมองทางไหนก็มีแต่กล่องเหล็กสีเหลี่ยมกับแผ่นผืนฟ้า มือเล็กทาบจับบริเวณที่ถูกกระแทกก้าวเดินไปหาร่างหนาใหญ่ สองมือเล็กทาบไปบนเรือนกายแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยมัดกล้าม กดลงไปอย่างกระแทกกระทั้นให้อีกฝ่ายได้เจ็บด้วยปลายนิ้วที่หยิกจับเนื้อหนาๆ และดึงขึ้นมา
“โอ๊ย!! เธอทำอะไรนะ” มือใหญ่จับบีบแขนเล็กเรียวและบีบแรงๆ
วงหน้าสวยนิ่วหน้า น้ำตาหล่นด้วยความเจ็บแขนซึ่งถูกคีบใหญ่บีบลงมาอย่างไม่บันยะบันยัง แต่ก็ไม่มีเสียงร้องหลุดจากปากอวบอิ่มเปล่งออกไปให้อีกฝ่ายได้ใจ “ก็บอกแล้วว่านวดไม่เป็น ก็อยากจะให้นวดเองนี่ ช่วยไม่ได้ อีกอย่างเจ็บนิดเจ็บหน่อย ก็ร้องโอดโอยเหมือนควายถูกเชือด คุณก็สำออยเหมือนกันนี่น่า” เอาซิเมื่อกี้ว่าเธอมา ตอนนี้เธอเอากลับบ้างซิ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดบนวงหน้ารูปไข่ พร้อมดวงตาคมวาวระยับ
“อยากให้ฉันนวดให้ดูก่อนไหม” มือใหญ่ขยับเคลื่อนไล้ไปตามลำแขนเสลาเบาๆ อย่างบอกให้รู้ว่าวิธีการนวดของเขาเป็นแบบไหน
“มะ...ไม่ต้อง ฉะ...ฉันนวดให้คุณแล้ว นวดดีๆ เลย” มณีมณฑ์รีบร้องห้ามด้วยจับน้ำเสียงหื่นกระหายและเซ็กซี่เร่าร้อนที่ดังจากปากหนาได้ กายเล็กบอบบางขยับหนีมือใหญ่ที่ยื่นมาโอบรอบเรือนกายกลมกลึง ด้วยหัวใจที่มันเต้นรัวเร็วเหมือนกับปืนกล
ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนแบนราบเรียบอย่างไม่ชอบใจเป็นล้นพ้น ด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจที่ทำให้เธอหวั่นไหว หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ชายหนุ่มเข้าใกล้จนบางทีก็รู้สึกหวาดกลัวว่าผู้ชายตรงหน้าจะรับรู้ถึงความแรงและเร็วที่กระหน่ำรัวจนหัวใจแทบจะลุออกจากทรวงทุกครั้งที่ถูกกายใหญ่โอบล้อมและฝ่ามือใหญ่สัมผัสไปตามสัดส่วนเรือนกาย
มันแปลกเพราะเธอควรจะไม่ชอบใจและรังเกียจที่ถูกผู้ชายคนอื่นซึ่งไม่ใช่คนที่เธอพอใจด้วยแตะต้องร่างกาย แต่กลับไม่ใช่เลยสักนิด บางอารมณ์เธอกลับชอบและปรารถนาให้เขากดกอด อยากให้สองแขนแข็งแกร่งโอบรอบเรือนกาย ให้ริมฝีปากหนาแต่จัดจ้านนั้นมอบจุมพิตที่แม้จะทำให้ปากเกือบจะปริแตกแต่มันกลับทำให้อบอุ่นวาบหวาม อยากให้ฝ่ามือใหญ่นั้นฟอนเฟ้นบัวตูมเต่งตึง...
ศีรษะทุยได้รูปสะบัดแรงๆ กับความคิดบ้าๆ ของตัวเองจนวงหน้ารูปหัวใจแดงปลั่งด้วยความอับอายกับความคิดเรื่อยเปื่อยของตัวเอง มณีมณฑ์รีบเสนำเรื่องอื่นมาดึงความสนใจของอีกฝ่าย “ฉันจะนวดให้ดีเลยละคะ คุณอยู่เฉยๆ ละกัน” หญิงสาวกัดฟันพูดเสียงลอดไรฟัน วงหน้าสวยงองุ้ม จมูกโด่งได้รูปยู่ย่นน้อยกึ่งชอบใจและไม่ชอบใจในคราวเดียวกัน สองมือเล็กระดมทุบไปบนกว้างแรงๆ แต่ต้องรีบเปลี่ยนแปลงท่าที เมื่อมือใหญ่ทาบทับบนมือเล็กปลายนิ้วยาวร้อนระอุไล้วนบนหลังมือแผ่วเบา
“อยู่เฉยๆ ซิ ฉันนวดไม่ถนัด” มณีมณฑ์แหวเสียงเขียว ฟันขาวกัดเขี้ยวจนแก้มตอบนูนขึ้นมา สองมือขยำนวดบ่ากว้างเต็มแรง แต่อีกฝ่ายก็เล่นแง่กลับมีเสียอีก เล่นเอาคนที่กำลังตั้งใจนวดอยู่ถึงกับลมโกรธพุ่งขึ้นจนแทบจะออกทางใบหู
“ถามจริงกินข้าวหรือว่ากินลมนี่ ทำไมถึงได้ไม่มีแรงเอาซะเลย หรือว่าจะต้องให้ฉันนวดเธอบนโต๊ะกินข้าว จะได้รู้ว่าไอ้การนวดผู้ชายนะมันต้องทำยังไง”
แหม...อีตายักษ์ใหญ่ ขู่ได้ขู่ดีนะ อยากมีอะไรเอามาทุบให้หัวแตกเลือดอาบเสียจริง มณีมณฑ์ขยำนวดเต็มๆ แรงด้วยใบหน้าบึ้งตึง

เวลาผ่านไปจากนาทีเป็นชั่วโมงที่พอเธอเริ่มจะผ่อนแรงลงไปเพราะความเข็ดและเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อมือไล่ไปถึงแขน จวบจนตอนนี้ก็ผ่านไปสองชั่วโมงแล้วแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ยอมเอ่ยปากบอกให้หยุดเสียที ลมหายใจแผ่วร้อนเป่าพ่นจากริมฝีปาก แล้วเมื่อไหร่ที่เธอนั้นคิดจะถอนมือออกอีกฝ่ายก็ส่งเสียงขู่กลั้วหัวเราะดังตามสายลมมา แหม...มันน่าจะเอาอะไรตีหัวทิ้งซะให้เข็ด แล้วเมื่อมันทนไม่ไหวจริงๆ ก็จำต้องเอ่ยกัดฟันถามอีกฝ่ายเสียงขุ่นเขียว
“ฉันเหนื่อยแล้วนะ เมื่อไหร่จะให้หยุดสักที” มือเรียวละจากบ่ากว้างมาสะบัดแรงๆ ปลายนิ้วขยับเป็นจังหวะเพื่อช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อที่ต้องออกแรงอย่างหนัก แล้วก็ต้องรีบวางกลับที่เดิมใหม่เมื่อมีเสียงครางเหมือนกับแมวยามที่ไม่พอใจดังแว่วมา
“อืม...กำลังสบายเลย เธอนี่ก็นวดเก่งเหมือนกันนะ อย่างนี้ทำงานเป็นหมอนวดที่คาสิโนฉันได้สบายๆ เลยทีเดียว” อพอลโล่ตอบกลับ ร่างหนาใหญ่ผุดลุกจากเก้าอี้ บิดกายซ้ายขวาไปมาเหมือนกับกำลังเมื่อยล้า มือใหญ่คว้าแขนเรียนกลมกลึงดึงมาจนกร่างบอบบางถลาเข้าไปกระแทกอกกว้างจนมีเสียงดังปึก
“ว้าย!! ตายแล้ว” หญิงสาวร้องอุทานด้วยความตกใจ “คุณจะทำอะไรนะ ปล่อยฉันนะ ปล่อย...” มือเล็กระดมทุบอกกว้างแรงๆ ด้วยความขลาดกลัว อีกมือก็ยื่นไปคว้าพนักเก้าอี้ฝืนตัวเอาไว้เต็มที่ ไม่พอแค่นั้นเพียงแค่แวบเดียวไม่ทันจะได้หายใจด้วยซ้ำ ร่างบอบบางก็ลอยจากพื้น หน้าท้องแบนราบเรียบทาบทับบนบ่ากว้าง สองมือเล็กระดมทุบไปบนแผ่นหลังกว้างเต็มแรง สองขาเรียวยาวสะบัดให้เขากระแทกเข้าที่หน้าอกกว้าง
“กรี๊ด!!! ปล่อย ปล่อยฉันนะไอ้บ้า นายจะทำอะไรฉันนะ ปล่อยซิโว้ย” สองมือเล็กเปลี่ยนเป็นยันร่างหนาใหญ่ให้ถอยห่าง
“อยู่เฉยๆ ซิจะดิ้นทำไม ไม่ได้พาไปข่มขืนเสียหน่อย ก็เพียงแค่ว่าเธอนวดแขน บ่าและขาเสร็จแล้วแต่ยังไม่นวดหลังให้ฉันเลยนี่น่า แต่พูดอย่างนี้ เอ๊ะ...หรือว่าเราจะมีอะไรกันบนเครื่องบินลำนี้ดี ฉันว่ามันคงจะเร้าใจดีนะ แบบว่ากำลังเข้าได้เข้าเข็มเครื่องก็ตกหลุมอากาศพอดี” อพอลโล่ถามเสียงกลัวหัวเราะ วางร่างบอบบางลงบนเตียงนอนนุ่มๆ พร้อมแนบร่างใหญ่ทาบทับลงไป สองมือจับแขนเรียวยาวที่ยกมาจะข่วนใบหน้าตรึงไว้เหนือศีรษะ
“เป็นไง เวิร์คดีนะ” มือใหญ่วางทาบบนปทุมอวบฟอนเฟ้นคลึงความนุ่มนิ่มและนุ่มนุ่มหยุ่นข้างหนึ่งก่อนจะย้ายไปอีกข้างหนึ่งบีบเคล้นเบาๆ อย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
“มะ...ไม่นะ ไหนคุณบอกแล้วไงว่าจะไม่ทำอะไรฉันบนนี้ไง” มณีมณฑ์ร้องห้ามเสียงสั่นเครือและแหบพร่า อัตราการเต้นของหัวใจแรงและเร็วจนแทบจะทะลุออกมาจากทรวงด้วยความขลาดกลัว ถึงแม้ว่าในตอนแรกศรวัณจะเกลียดเธอเพียงใดก็ตาม แต่เธอยังหวังว่าวันหนึ่งชายหนุ่มจะหันมามองและมอบรักให้ จึงอยากที่จะเก็บร่างกายไว้ให้
“คุณปะ...ปล่อยฉันนะ เดี๋ยวฉันนวดให้ จะไม่อิดออดด้วย”
“อืม...ไม่ค่อยดีแงะ เพราะว่าฉันดันอยากจะนอนกับเธอขึ้นมาแล้วซิ นอนคนเดียวมาก็ตั้งนานแล้ว ถ้ามีสาวน้อยที่แม้จะใจร้ายไปหน่อยมานอนแนบข้างกายมันคงจะดีไม่น้อยนะ” ฝ่ามือใหญ่เคลื่อนไล้ไปตามลำตัวกลมกลึง บีบนวดลำขาเสลาไล่ไปถึงบั้นท้ายกลมมน สอดแทรกเกี่ยวเอาชายเสื้อตัวเล็กเคลื่อนไปทีละน้อย เขาชอบดูสีหน้ายามเปลี่ยนสีหลากหลายอารมณ์
มณีมณฑ์หน้าซีดเผือด กลืนน้ำลายลงคอติดๆ ขัดๆ ดวงตากลมโตเบิกกว้างพร้อมศีรษะทุยส่ายไปมาแรงๆ “มะ...ไม่นะ ไหนนายพูดแล้วว่าจะไม่...”
“คำพูดมันเปลี่ยนกันได้นี่น่า ตามแต่อารมณ์และความต้องการฉันไง” ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปประทับระหว่างลาดไหล่กว้างและลำคอระหง “อีกอย่างเธอดันน่าหม่ำทำไมกันละ”
ริมฝีปากหนาขบกัดดูดเม้มผิวเนื้อขาวเนียนนุ่ม เปลี่ยนใจลากไล้ปลายนิ้วยาวร้อนระอุลงมาไล้เวียนวนผิวหน้าท้องแบนราบเรียบ ด้วยเพราะกางเกงขาสั้นที่สวมใส่อยู่เป็นแบบยางยืดทำให้ปลายนิ้วใหญ่สามารถสอดแทรกเข้าไปลากไล้ปอยไหมนุ่มได้อย่างถนัดถนี่
“ขอร้อง อย่าทำอะไรฉันเลย...ไม่ไหวไหวแล้ว อือๆ ...” ความอดทนต่อความกลัวที่กักเก็บไว้เหมือนทำนพกั้นน้ำที่มันปริแตกรอยปูนที่ฉาบไว้เป็นอย่างดีร้าวแยกสายน้ำไหลรินออกมาทีละน้อยก่อนจะไหลบ่าเหมือนสายน้ำที่มันหลากไหลบ่าลงท้วมเรือกสวนไร่นาและผลผลิตทางการเกษตร
“รู้ไหมว่ายิ่งเธอร้องไห้หนักเท่าไหร่ อารมณ์ปรารถนาฉันยิ่งลุกโชนอยากที่จะนอนกับเธอมากเท่านั้นนะยัยผู้หญิงใจร้าย” ใบหน้าคมคร้ามขยับเคลื่อนขึ้นไปซุกไซลำคอระหง พรมจุมพิตจากซอกคอไล่ไปถึงใบหูนุ่ม ขบกัดพร้อมสอดแทรกปลายลิ้นในช่องหูเล็กจนกายสาวสั่นสะท้านเส้นขนตามลำแขนกลมกลึงลุกชัน
ใบหน้ารูปหัวใจพยายามขยับส่ายหนีแต่จุมพิตร้อนผ่าวก็ตามติดไป วนเวียนรอบวงหน้าเนียนนุ่มก่อนจะประทับบนเรียวปากนุ่ม ดูดเม้มกลีบปากบนและล่าง ปลายลิ้นสากระคายลากไล้ไปตามความนุ่มนิ่มของกลีบปากสาว ลำขาแข็งแกร่งทาบทับสอดแทรกไปอยู่ระหว่างสองขากลมกลึง ปลายนิ้วยาวใหญ่ขยับเคลื่อนไล้ไปหากลีบกายสาวอันแสนจะบอบบางและอ่อนไหวเหมือนผีเสือโบยบินโบกสะบัดพลิ้วไหวล้อเล่นกับแสงแดสายลมยามเช้า
มณีมณฑ์ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับไฟร้อนผ่าวที่ทาบทับบนเรียวปากและส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างช่ำชองจัดเจนและเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากอุ่นร้อนที่ทาบทับบดคลึงและสอดแทรกปลายลิ้นไปภายในโพรงปากอุ่นๆ กายใหญ่ที่บดเบียดกับส่วนนูนเด่นกลางลำตัว และความใกล้ชิดเกือบจะเป็นหนึ่งเดียวกับกายสาว สร้างความวาบหวิวป่วนปั่น บางครั้งมันก็ทรมานแต่บางคราก็สุขสมระคนเร่าร้อน
หัวใจร่ำร้องว่าไม่...ไม่และไม่ แต่ทว่ากายกลับไม่ทำตามความต้องการ ลำตัวกลมกลึงขยับเคลื่อนบดเบียดอิงแอบแนบชิดกายใหญ่ อีกทั้งสะโพกผายได้รูปก็เริ่มขยับส่ายตามติดปลายนิ้วยาวใหญ่ที่ขยับเคลื่อนตามรอยแยกของกลีบปุบผานุ่ม กดคลึงมุกมณีฉ่ำนุ่มอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล ปลายลิ้นสากระคายสอดแทรกกวาดไล้ความหวานนุ่มเหมือนกับน้ำผึ้งเดือนห้าไปทั่วโพรงปากอิ่มหวานแต่ความเหนื่อยล้า ความเครียดและความกลัวกับมีฤทธิ์เหนือกว่าอย่างไม่ทันจะรู้ตัว ดวงตากลมโตก็ปิดลงพร้อมลมหมายใจเข้าและออกเป็นจังหวะ
เมื่อรู้สึกว่ากายอวบอิ่มไม่เพียงแค่อ่อนระทวยแต่จะไร้การตอบสนองอีกด้วยก็ถอนจุมพิตออกพร้อมเสียงคำรามในลำคอเพราะความตื่นตัวของร่างกาย แต่ยัยเกือบจะเป็นฆาตกรหลับไปเสียแล้ว เห้อ...กายใหญ่เอนตัวลงนอนอิงแอบแนบชิดกายนุ่มพร้อมเสียงหัวเราะ
เขากระหายอยาก แต่แม่ตัวดีกลับหลับไปซะงั้น ฮ่าฮ่า...เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รับรู้เรื่องนิศามณีหรือว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ เดือนที่ห่างหายหน้าไปจากหลานสาวที่เขาหัวเราะได้เต็มปาก นึกถึงนิศามณีก็อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้เหมือนกันแม้อีกฝ่ายจะอยู่ในการดูแลของหมอฝีมือดีแต่เขาก็ยังไม่ไว้วางใจจึงได้จัดส่งหลานสาวไปรักษาตัวที่อังกฤษ ตอนนี้ก็คงจะอยู่ในช่วงของการเดินทาง ไม่รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปอย่างเรียบร้อยหรือเปล่า
ความจริงเขาควรจะไปส่งหลานสาวด้วยตัวเอง แต่ก็รับรู้ถึงความต้องการลึกๆ ในหัวใจหลานสาวที่ต้องการให้เขาจัดการคนที่ทำให้ต้องเจ็บมากกว่าดังนั้นจึงต้องปล่อยให้นิศามณีเดินทางไปกับหมอและศรวัณ เสียดายที่เขาพลาดไปหน่อยน่าจะพาจูปิเตอร์มาด้วย จะได้ให้ชายหนุ่มคอยดูแลและกีดกันศรวัณให้ห่างจากหลานสาว
แต่ถึงจะตัดสินใจช้าไปหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะแก้ไขภายหลังไม่ได้นี่น่า ตอนนี้ยอมปล่อยให้ศรวัณได้ใจไปก่อนว่าเขาไม่ถือโทษที่ชายหนุ่มก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำงานให้นิศามณีต้องเจ็บกาย เป็นเขาเองที่ผิดเหมือนกันที่ใจอ่อนทำตามคำขอของหลานสาวง่ายๆ ต่อไปนี้เขาจะต้องใจแข็งไม่รับคำอะไรง่ายๆ ดังเช่นที่ผ่านมาอีกแล้ว และเมื่อกลับไปถึงบ้านก็จะรีบส่งจูปิเตอร์ขึ้นเครื่องตามไปดูแลนิศามณีก็ยังทัน ให้อีกฝ่ายใช้เล่ห์เหลี่ยมหรืออะไรก็ทำให้ทั้งสองคนแยกห่างจากกัน ไม่ได้ใจร้ายที่จะแยกคนที่รักให้ออกห่างจากกันแต่เลือกคนที่ดีให้กับหลานสาวที่รักต่างหากละ
ตอนนี้นิศามณีอาจจะหลงผิดเพราะหลงใหลในรูปหน้าอันหล่อเหลาที่มันจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาได้ หลงในคำหวานของคู่หมั้นจนเผลอตกลงปลงใจไป แต่เชื่อว่าความไม่ซื่อสัตย์ใจง่ายสอดส่ายสายตามองหญิงอื่น แม้กระทั่งว่าตอนอยู่ต่อหน้าหลานสาวเขา นิศามณีจะต้องทนไม่ไหวและเลิกรากันไปในที่สุด แต่เขารอให้ถึงวันนั้นไม่ได้จำต้องทำตัวเป็นกามเทพแสนจะใจร้ายก่อนจะร่ายมนตร์แห่งความสุขให้ในภายหลัง
กายใหญ่พลิกกลับมองมณีมณฑ์ใหม่อีกครั้ง ถึงจะอยู่ในสภาพมอมแมม ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาและร่างกายที่ออกจะซูบซีดไปหน่อยไม่เปล่งปลั่งเหมือนกับสาววัยรุ่นทั่วไปแต่ก็ยังสามารถดึงดูดตาดึงดูดใจเขาให้ต้องเหลียวหลังมองได้ไม่ยากเลยทีเดียว ถ้าได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์เชื่อว่ากายนี้จะต้องงามสง่าเป็นที่น่าจับตามองของหนุ่มๆ เป็นแน่ แต่คนพวกนั้นก็จะได้แต่เศษซากที่มีเหลือเพียงแค่ลมหายใจ เพราะเขาคนนี้จะได้ครอบครองความสวยสดใสของสาวเจ้าเสียก่อนใคร
ปลายนิ้วยาวใหญ่ปาดไล้บนวงหน้ารูปหัวใจ อยากให้ถึงบ้านเร็วๆ จังเลย เพราะเขาอยากครอบครองแม่สาวใจร้ายนี่ใจจะขาดแล้ว ไม่ใช่ว่าบนเครื่องจะทำไม่ได้นะ แต่มันรู้สึกไม่เป็นอิสระ เจอกับสายตาลูกน้องที่รู้ทันมันก็กระดากใจได้ใช่น้อยเช่นกัน แล้วความรู้สึกบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวใจหนุ่มใหญ่ที่ไม่เคยมีสายตามองสาวคนไหนมาก่อน เพราะรู้ว่าแต่ละคนที่เข้ามาหาเสนอตัวให้นั้นล้วนแล้วแต่หวังผลประโยชน์จากเขาทั้งสิ้น
ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปที่กลีบปากอวบอิ่ม ดูดเม้มขบกัดแรงๆ จนมันเห่อแดงช้ำขึ้นมาทันตา ก่อนจะเปลี่ยนไปทำแบบเดิมที่ลำคอระหง และไล่ไปตามลาดไหลกว้าง ข้อพับจนเป็นจุดแดงช้ำไปทั่ว เรียกได้ว่าพอตื่นขึ้นมามณีมณฑ์จะต้องร้องกรีดเพราะคิดว่าเขาลักหลับ
ความจริงน่าจะถอดเสื้อผ้าให้ดูสมจริงสมจังหน่อย แต่ว่าพอเห็นคราบน้ำตาสาวเจ้าแล้วรู้สึกสงสารขึ้นมานิดหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะสงสารหรอกนะ แต่ว่าการทะเลาะกับหุ่นไม่มีชีวิตมันไม่สนุกเท่ากับคนที่พยายามต่อสู้ เลยยอมให้อีกฝ่ายพักผ่อนเรียกเรี่ยวแรงเอาไว้ทะเลาะกับเขาให้มันหยดจนเลือดตกกันไปข้างหนึ่งต่างหากละ

4 ความคิดเห็น:

  1. อะน่ะ....ไรเตอร์ขา...จะให้แซ่บ...บนเครื่องเลยเหรอค่ะ...อิอิ.....

    ตอบลบ
  2. ขนาดสงสารนะสร้างสถานการณ์ จนน่าตกใจ

    ตอบลบ
  3. พระเอกปากแรงอ่ะ ทำไมต้องดูถูกกันด้วยอ่ะ เป็นเค้า เค้างับหัวมันตรงนั้นเลย

    ตอบลบ
  4. ทำไหมพระเอกถึงปกเสียจังค่ะไรเตอร์

    ตอบลบ