หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

ตอนที่ 9 ราตรีอันเร่าร้อน



ตอนที่ 9
ราตรีอันเร่าร้อน
รวิกานต์หงุดหงิดจนถึงกับนั่งพึมพำอยู่คนเดียวเหมือนกับคนบ้า หงุดหงิดแต่ไม่รู้ว่าจะระบายออกไปได้ยังไงกับการใช้อำนาจโดยมิชอบและข่มเธอให้อยู่ใต้อาณัติของรัฐภาส สองมือเล็กกำหมัดทุบไปบนโต๊ะแรงๆ อย่างต้องการให้มันเป็นหน้าคนมือไว ก่อนจะถอนหายใจอย่างเสียดาย ริมฝีปากอวบอิ่มขยับเคลื่อนซ้ายย้ายขวา ขบกัดฟันกรอดๆ ประกายในดวงตาวาววับสะท้อนกับแสงไฟที่ส่องมาถลึงตาส่งไปให้กับคนที่ยังคงนั่งยิ้มดวงตาพราวระยับอยู่เบื้องหน้า
ยิ้มอะไรนักยะ ชอบใจหรือไงที่บังคับให้เธอมาทานอาหารด้วยได้นะ ชิ...คนเขาเหนื่อยอยากจะพักผ่อนนอนตีพุงให้สบายๆ กลับต้องมาเตร็ดเตร่อยู่นอกบ้านจมูกโด่งเป็นสันยู่ย่น สะบัดค้อนให้อีกฝ่ายที่ยังยิ้มกรุ่มกริ่มให้หัวใจเธอเต้นแรงและเร็วขวับๆ
แล้วจะยิ้มอะไรหนักหนาก็ไม่รู้ ชอบใจนักหรือไงที่ได้แกล้งเธอนะ คอยดูนะจะ...แล้วฉันจะทำให้ตาบ้านี่รู้สึกรู้สาได้ยังไงกันว่าอย่ามาแกล้งนะริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้มเข้าหากัน สงสัยว่าเธอคงจะต้องตัดสินใจออกจากงานไปเดินย่ำเท้าเตะฝุ่นจนรองเท้าสึกอีกแล้วละ แต่พอคิดได้อย่างนั้นทำไมก็ไม่รู้ในหัวใจมันโหวงเหวงเหมือนหัวใจหล่นหายไปก็ไม่รู้
“เป็นอะไรไปนะก้อย หิวมากหรือไงถึงได้มองฉันเหมือนจะกลืนกินแบบนั้น” รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้พอใจอย่างหนักที่ถูกเขาเอาตำแหน่งหัวหน้างานบังคับให้ต้องมาทานอาหารด้วย
“เปล่า เจ้านายก็รู้อยู่แล้วว่าก้อยรู้สึกยังไงจะมาถามอีก” ชักสีหน้าบึ้งใส่ อยากจะขู่แง๊ดๆ เหมือนไอ้ด่างที่มันวิ่งไปหมาหน้าบ้านหลังบ้านซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ชิ...
“อ้าว...ก็ความรู้สึกของก้อยจะให้ผมไปรู้ได้ไงละ มีอะไรจะคุยจะบอกก็พูดออกมาซิ” ใจป้ำยอมให้อีกฝ่ายวิจารณ์ได้ แต่นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ เอนกายอิงเก้าอี้ไม้ สองแขนยกขึ้นสอดไขว้ระหว่างอก ขาเรียวยาวยื่นล้ำไปด้านหน้าเล็กน้อยจนแตะเข้ากับลำขาเสลาของคนที่ดึงหนี รัฐภาสหัวเราะหึหึในลำคอ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“เอ้า...ว่าไงละ ให้พูดแล้วนะทำไมถึงไม่พูดละ”
“ชิ...นึกหรือว่าก้อยจะรู้ไม่ทันเจ้านายหรือคะ พอก้อยพูดเสร็จเดี๋ยวเจ้านายก็บอกว่าไม่ถูกใจในคำพูดของก้อยแล้วก็หาเรื่องลวนลามนะ”
“ฮ่าฮ่า” รัฐภาสหัวเราะเสียงดังก้องกับเสียงรู้ทันเหมือนกับแมวเหมียวที่มันกำลังออดอ้อน “แหม...คุณนี่ฉลาดจริงๆ เลยนะก้อย ไม่เสียทีที่ผมเลื่อนจากพนักงานทำบัญชีมาเป็นเลขา แต่เชื่อเถอะถึงคุณจะพูดหรือไม่พูดยังไงคุณก็ยังโดนผมเอาเปรียบอยู่ดีนั่นแหละ”
รวิกานต์ค้อนขวับกับคำพูดเอาแต่ได้ของคนเห็นแก่ตัว อยากยกยกน้ำสาดดับความหื่นของคนตรงหน้าแล้วอย่างที่ไม่จะได้ห้ามเพราะมือมันไปเร็วกว่าสมอง ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าเหยือกน้ำใบโตที่มีน้ำลอยปริ่มเกินครึ่งและน้ำแข็งก้อนใหญ่อีกหลายก้อนก่อนที่ทุกอย่างจะไปรวมตัวกันอยู่บนตัวรัฐภาส กายใหญ่เปียกชุ่มไล่จากศีรษะไปถึงลำตัว
เท้าเล็กก้าวถอยไปด้านหลัง เหยือกน้ำหลุดจากมือก่อนที่มันจะยกขึ้นปิดปาก วงหน้าที่ไม่ค่อยจะได้ตกแต่งใดๆ มีเพียงแค่แป้งเด็กและลิปสติกสีชมพูที่เคลือบริมฝีปากอยู่ซีดเผือด ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองคนตรงหน้าอย่างตื่นตระหนกและขลาดกลัว ก่อนจะคว้ากระเป๋าใบโตที่ใส่ของกระจุกกระจิกและหันหลังวิ่งไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังช้ากว่ามือใหญ่ที่มันเอื้อมมาจับเอาไว้
“จะไปไหนละก้อย ทำร้ายเขาแล้วมันก็ต้องรับผิดชอบด้วยซิ” รัฐภาสพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ไม่โกรธเลยนิดเดียวที่ถูกอีกฝ่ายสาดน้ำใส่ แต่โกรธมากต่างหากละ ทว่าเขาก็ยังระงับสติข่มอารมณ์เอาไว้และกวักมือเรียกพนักงานที่ยืนกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าที่จะมาเคลียร์เรื่องที่เขาคิดว่าคงจะเป็นการทะเลาะกันของคู่รักให้มาคิดเงิน ไม่ได้อยากอาหารมากมายสักเท่าไหร่หรอก เพียงแค่อยากยื่นระยะเวลาที่ได้อยู่กับรวิกานต์ให้มากกว่าเดิมเท่านั้นเอง
“ปล่อยฉันนะคุณรวิภาส” รวิกานต์ร้องบอกเสียงสั่น กลัวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นแล้ว พยายามดึงรั้งปลดแขนตัวเองออกจากการจับกุมของชายหนุ่ม แต่ว่ากลับยิ่งทำให้เรือนกายนั้นขยับเข้าหาอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น สองกายบดเบียดเสียดสีจนประกายไฟเริ่มลุก
“ถ้าไม่หยุดดิ้นจะจูบโชว์คนอื่นตรงนี้แหละก้อย”
รวิกานต์หยุดนิ่งในทันที น้ำตาพาลจะไหลให้ได้ที่ถูกเจ้านายตัวแสบขู่เอาๆ แล้วเธอเอาคืนไม่ได้และปากมันก็ไว “ก็เอาซิ ถ้าเจ้านายทำอย่างนั้น ก้อยจะลาออก ไม่ทงไม่ทำมันแล้วงานบ้ากับเจ้านายเฮงซวย” พูดไปแล้วก็ต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันควัน เมื่ออีกฝ่ายมองด้วยประกายไฟที่มันลุกอยู่ในดวงตา จะให้ถอนคำพูดมันคงไม่ทันแล้ว
“ก็ดีเหมือนกัน ไม่ทำงานเป็นเลขา จะให้ทำงานบนเตียงเสียเลย” เคยถือคติสมภารไม่กินไก่วัด แต่ไก่ตัวน้อยนี่กลับทำให้ตะบะที่ข่มกลั้นเอาไว้ปริแตก
“ไม่นะเจ้านาย” กายโปร่งขืนตัวเอาไว้อย่างสุดความสามารถเมื่อถูกรัฐภาสลากจูงออกไปจากร้านอาหาร และพยายามที่จะลดทอนความโกรธในตัวรัฐภาสให้น้อยลง “ก้อย...ก้อยไม่ได้หมายความอย่างที่พูดนะเจ้านาย ก้อยขอโทษ ก้อยโมโหเจ้านายมากไปหน่อย”
“ไม่เชื่อ” รัฐภาสสวนกลับทันควัน สอดแขนใหญ่ระหว่างเอวเล็กคอดกระชับบังคับด้วยแรงที่มากกว่าให้รวิกานต์เดินตามไปถึงลานจอดรถ  มือใหญ่ควานหากุญแจมาไขก่อนจะเหวี่ยงรวิกานต์ลงไปนั่งพร้อมปากหนาร้อนที่มันประทับลงไปบนกลีบปากอวบอิ่ม แต่เพราะอีกฝ่ายเบือนหน้าหนีเลยถูกมุมปากและพวงแก้ม จึงจำต้องยกมือขึ้นจับปลายคางให้หันมาเขาจะได้จูบอย่างถนัดถนี่
“อือ...” เสียงทักทวงหายไปในอุ้งปากหนา ริมฝีปากหนาแย้มบานด้วยปลายลิ้นสากร้อนที่มันเคลื่อนไหวล่วงล้ำเข้าไปในโพรงปากอุ่นนุ่ม เกี่ยวกระหวัดพลิกพลิ้วกับลิ้นเล็กๆ รวิกานต์รู้สึกว่าเวลามันชั่งเนินนานเหลือเกินกับจูบที่มันดึงเอาวิญญาณออกจากร่าง และก้มหน้างุดเมื่อรวิภาสยอมถอนริมฝีปากออกก่อนจะสะดุ้งเฮือกอีกรอบกับเสียงปิดประตูรถที่เธอจะไม่ได้ลงจนกว่าจะถึงบ้านเพราะมันเป็นระบบล็อกอัตโนมัติจากปุ่มที่อยู่ตรงคนขับ
รวิภาสเดินอ้อมไปยังคนขับก้าวขึ้นนั่ง “รัดเข็มขัดด้วย” แต่ดูจะไม่ทันใจเลยขยับกายไปทำให้เอง พร้อมกับเรียงร้องรางวัลด้วยจุมพิตหวานๆ ที่มันทาบทับบนกลีบปากอวบอิ่มจนรวิกานต์ถึงกับตัวอ่อนระทวย ก่อนจะยอมปล่อยกายนุ่มหอมหวานอย่างเสียดายและขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

ชานนท์เดินวนเวียน ตรงที่รสรินบอกอยู่สองสามรอบ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีวี่แววของนันทิยาและภามแม้แต่อย่างใด ทว่าเมื่อมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็เห็นร่องรอยที่หลงเหลืออยู่เหมือนกับว่ามันได้มีการต่อสู้กันขึ้นทำให้ชานนท์เป็นห่วงพี่สาวจับใจ จึงได้ตัดสินใจที่จะเดินไปดูแถวๆ ชายหาดอีกสักรอบ เผื่อว่าอาจจะเจอพี่สาวเดินลัดเลาะให้สายน้ำเย็นๆ สาดซัดเท้าเล่นแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้เจอ ชายหนุ่มจึงหันหลังกลับมุ่งหน้าไปหาพี่สาวที่ห้องพักแทน
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
พี่ไทนี่ครับ พี่ไทนี่อยู่หรือเปล่าครับ
ชานนท์ทั้งเคาะประตูและร้องตะโกนเรียกพี่สาวมือเป็นประวิงแล้วก็ไม่มีเสียงตอบรับหรือคนภายในห้องจะมาเปิดประตู พอจับลูกบิดจะเปิดเข้าไปก็ปรากฏว่าห้องมันล็อก มันทำให้เขาสงสัย เมื่อกี้นอกบ้านก็ไม่มี ในห้องก็ยังไม่มีอีก แล้วพี่สาวเขาไปไหน?
สองมือใหญ่ยกขึ้นเท้าสะเอว เมื่อครู่รสรินบอกว่านันทิยาทะเลาะกับภาม...ไม่ได้อยากจะคิดไปในทางร้ายๆ นะ  เขาเป็นผู้ชายมองผู้ชายด้วยกันออก ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาสายตาที่ภามมองพี่สาวเขามันเหมือนกับจะกลืนกินจนหมดตัว มันทำให้เขาเกิดความระแวง ภามกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ ไหนบอกว่าเกลียดพี่สาวเขายังกับไส้เดือนกิงกือ แต่กลับวนเวียนเข้าใกล้อย่างผิดสังเกต กลัวว่ากว่าที่เขาจะรู้ตัวนันทิยาก็สูญเสียสิ่งสำคัญไปเสียแล้ว
ชานนท์เดินวนเวียนอยู่หน้าห้องนันทิยาอยู่ครู่ใหญ่อย่างตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดี จะไปเคาะประตูห้องภามหรือจะลองรอพี่สาวที่หน้าห้องสักครู่ก่อน สองมือใหญ่สอดไปในกระเป๋ากาง แผ่นหลังกว้างเอนอิงประตูห้อง
เป็นไปได้สองทางก็คือนันทิยาทะเลาะกับภามแล้ววิ่งหนีไปสงบสติอารมณ์แถวๆ ชายหาดยังไม่กลับเข้าห้อง หรืออีกทางก็คือกลับเข้ามาในห้องแต่ที่เขาเรียกแล้วไม่ขาลรับก็เพราะอยากจะอยู่คนเดียว ก็เลยตัดสินใจกลับไปอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะลองกลับมาเคาะประตูห้องพี่สาวใหม่อีกครั้ง ถึงตอนนั้นถ้านันทิยาหนีไปสงบสติอารมณ์ข้างนอกก็อาจจะกลับเข้าห้องมาแล้ว แต่ถ้าอยู่ในห้องก็ก็ทำใจได้แล้วและเปิดประตูออกมาคุยกับเขา

ร่างหนาใหญ่ก้าวเดินออกจากห้องน้ำด้วยท่าทางสบายๆ สองมือยกผ้าขนหนูขึ้นซับผมที่เปียกชื้น ได้อาบน้ำเย็นๆ ทำให้ร่างกายสดชื่น หัวสมองที่มันเคร่งเครียดจากทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวและเรื่องของพี่สาวก็ทำให้พลอยปลอดโปร่ง คิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง
หู...หุ่นล่ำน่าฟัดจริงๆ พี่นนท์ของน้องรส รสรินมองร่างหนาใหญ่ที่มีเพียงแค่ผ้าขนหนูผืนขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่คลุมกายพอหมิ่นเหม่ ตรงปมที่ผูกมัดไว้พอหลวมๆ ก็จะหลุดมิหลุดแหล่และเกือบจะถึงตรงส่วนสำคัญของเรือนกายซะด้วย เล่นเอาคนแอบมองถึงกับใจเต้นกระหน่ำไม่เป็นจังหวะ กลืนน้ำลายลงคอติดๆ ขัด วงหน้าแดงปลั่งด้วยเลือดฝาดที่มันวิ่งไหลไปรวมกันอยู่ที่จุดเดียว
“ให้น้องรสช่วยไหมคะพี่นนท์”
เสียงหวานเซ็กซี่ที่ดังมาจากมุมหนึ่งของห้องทำให้ชานนท์ต้องรีบหันไปมองด้วยความตกใจยิ่งกว่าถูกผีหลอก ผ้าขนหนูผืนเล็กแทบจะหลุดจากมือ “น้องรส...ขะ...เข้ามาในห้องพี่ได้ยังไงคะ มีอะไรจะคุยกับพี่ค่อยคุยวันพรุ่งนี้ก็ได้ พี่ไม่ได้รีบกลับสักหน่อย”
ถามเสียงสั่นและรีบเมินหน้าหลบหนีแม่สาวจอมยั่วที่ทำยังไงเขาก็แทบจะถอนสายตาจากเรือนกายกลมกลึงที่มีเสื้อผ้าสวมใส่อยู่ก็จริง แต่ก็เหมือนกับไม่มีเพราะมันบางเบาจนเห็นสัดส่วนเรือนกายภายในเสียจนจัดแจ๋ว ปลายจมูกร้อนผ่าวไปตามพวงแก้มสากถึงใบหู หัวใจเต้นรัวเร็วถี่ยิบเหมือนกับเพิ่งจะไปวิ่งออกกำลังกายมาย
 “น้องรสรู้แล้วคะ แต่เผอิญว่าเมื่อกี้น้องรสลืมถามเรื่องสำคัญไป”
เปล่านะ ไม่ได้ลืมเรื่องสำคัญอะไรเลย ก็แค่จะเข้ามาก่อกวนให้คนใจแข็งตะบะแตกอีกรอบ จะเป็นการดีอย่างยิ่งถ้าชานนท์ลากเธอขึ้นไปกระทำชำเราบนเตียงนอนให้เสร็จเรื่องเสร็จราวไปด้วย ก็นะตั้งใจยั่วเต็มที่เลยนี่น่า ถึงกับยอมถอยชุดนอนซีทรูสีดำสายเดี๋ยวสั้นจุดจู๋ที่ตอนใส่เธอยังต้องทำใจแทบตายด้วยความอายกับความบางใสแจ๋วจนแทบจะปกปิดอะไรบนร่างกายไม่ได้มาจากเมืองนอกด้วยเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
“พี่ว่ามีอะไรเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีไหม คืนนี้ดึกแล้วและอีกอย่างน้องรสเป็นผู้หญิงอยู่ในห้องกับผู้ชายสองต่อสองคนอื่นรู้เข้ามันจะไม่ดี”
เห็นหน้าแดงๆ ของคนที่กำลังอายแล้วเกิดความกล้าขึ้นมากโขเลยละ ไม่เสียแรงที่ลงทุนตั้งแต่อาบน้ำฟอกสบู่ทุกซอกทุกมุมด้วยหัวน้ำหอมชั้นดี ลูบไล้เรือนกายทุกแห่งด้วยโลชั่นหอมกรุ่นที่พกติดตัวกลับมาจากต่างบ้านต่างเมือง ไหนจะหัวน้ำหอมที่คนขายการันตีว่าใครได้กลิ่นแล้วจะต้องหลงใหลจนถอนตัวถอนใจไม่ขึ้น
“งั้นพี่นนท์ก็รีบขอน้องรสแต่งงานซิคะ เราจะได้อยู่ห้องเดียงกัน แล้วก็นอนเตียงเดียวกันด้วย เตียงจะได้อุ่นๆ ”
คำพูดรสรินทำเอาคนที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จสดร้อนๆ ถึงกับเหงื่อตกได้อีกคราอยากจะกลับเข้าไปอาบน้ำใหม่อีกรอบ “เอาไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันหลังจากที่พี่ภามกับพี่ไทนี่เขาตกลงกันได้ไหมครับน้องรส” ชานนท์เกลี้ยกล่อมรสรินน้ำเสียงหวานนุ่มทุ้ม
“ไม่เอาคะ น้องรสจะแต่งก่อน รอให้พี่ภามแต่งก่อน ไม่รู้ว่าน้องรสแก่หงำเหงือกแล้วจะได้แต่งไหม” รสรินผุดลุกขึ้นและก้าวเดินไปหาร่างใหญ่ที่ก้าวถอยหนีไปอย่างช้าๆ เช่นกัน แต่พอจะถึงชานนท์ก็ถอยหลบฉากเธอจึงคว้าได้เพียงแค่ลม
“ก็ทำให้พี่ไทนี่เสียใจอยู่ตลอด เชื่อน้องรสเถอะ เดี๋ยวพี่ไทนี่ทนไม่ไหวหนีไปแล้วจะต้องตามหาให้จ้าละหวั่นละน้องรสจะสำน้ำหน้าให้เลย” จมูกโด่งยู่ย่นและหงุดหงิดในหัวใจเมื่อคิดถึงพี่ชาย คอยดูนะเธอนี่แหละจะเป็นคนยุให้นันทิยาหนีไปให้มันรู้แล้วรู้รอด มีของดีอยู่กับตัวกลับมองไม่เห็นค่า โน่นเขาหนีหายไปเสียก่อนและถึงได้รู้
“แต่ถึงจะอย่างนั้น...”
“พี่นนท์!!” รสรินตวาดใส่ ก็นะอยู่กันสองคนหนุ่มหล่อสาวสวย แต่แทนที่ชานนท์จะหันมาสนใจเอาใจใส่เธอกลับเลือกพูดถึงเรื่องของคนอื่น มันหงุดหงิดนะเฟ้ย เดี๋ยวจะปล้ำให้ร้องไม่ออกเลย...หญิงสาวคิดอย่างหมายมั่น
“ตกลงๆ งั้นพี่จะรีบให้พ่อกับแม่ของพี่มาพูดกับคุณลุงภีมและป้าโรสดีไหม” ชานนท์พยักหน้ารับหงึกๆ ด้วยคิดว่านี่จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ เพราะถ้าขืนรสรินอยู่นานไปอีกนิด เขากลัวตัวเองจะระงับอารมณ์เอาไว้ไม่ได้ กระโดดเข้าหาอีกฝ่ายและลากขึ้นเตียงซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
“งั้นตอนนี้น้องรสก็ไปจากห้องพี่ได้แล้วซิ พี่จะได้พักผ่อน”
“ไม่คะ ต้องมีการทำสัญญากันก่อน ไม่งั้นพี่นนท์ก็จะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้อาฌอนกับอานีน่ามาขอน้องรส ดังนั้น...”
ชานนท์เสียววูบในอกกับคำพูดรสริน ไหนจะร่างโปร่งบางที่เดินเข้าหาเหมือนกับเสือจ้องตะครุบเหยื่ออีกละ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะถอยหนีไปทางใด ซ้ายออกไปยังระเบียง ขวาติดกับเตียงนอนและชานนท์ก็ไม่ทันจะได้ตัดสินใจร่างโปร่งบางก็ก้าวถึงตัว กักร่างหนาใหญ่ด้วยสองแขนกลมกลึง
“ถอยไปดีกว่าครับน้องรส พี่ไม่อยากให้น้องรสทำอย่างนี้ อยากให้น้องรสเก็บสิ่งสำคัญเอาไว้ในวันที่เราแต่งงานกับนะครับ”
“หรือค่ะ...” รสรินตอบรับเสียงหวานเชื่อมนุ่มพลิ้ว ปลายนิ้วยาวเรียวยกขึ้นลากไล้บนกล้ามเนื้ออกกว้างแผ่วเบา “เผอิญว่าน้องรสไม่เชื่อพี่นนท์เลยคะ ถ้าพี่นนท์จะให้น้องรสมั่นใจว่าเรื่องที่คุยกันจะเป็นความจริงในวันข้างหน้าละก็...” หญิงสาวลากเสียงนุ่มพลิ้ว วงหน้าสวยแหงนหงายพร้อมช้อนดวงตากลมโตเป็นประกายวาวระยับและหวานฉ่ำเชื่อมอย่างกับได้ทำน้ำตาลตกใส่ลงไป
“เราสองคน พี่นนท์และน้องรส...” มือเล็กจับมือใหญ่มาวงบนทรวงอกอวบอิ่ม “จะต้องเป็นคนเดียวกัน”
“น้องรส!!!” ชานนท์คิดว่าเขาตะโกนจนหมดเสียง แต่กลับกลายเป็นว่าเสียงที่ออกไปมันกลับเบาหวิวจนอีกฝ่ายแทบจะไม่ได้ยิน
“ขา...พี่นนท์จะบอกน้องรสว่าอย่าช้าใช่ไหมคะ” เท้าเล็กเขย่งขึ้นจนริมฝีปากอวบอิ่มประทับบนปลายคางสากและเคลื่อนขึ้นไปจนเกือบจะถึงริมฝีปากหนาร้อนระอุ “พี่นนท์ขา รักน้องรสนะคะคนดี้คนดี”
“น้องรส” เพียงแค่เรือนกายที่มันแทบจะปกปิดอะไรไม่มิดอยู่แล้วหัวใจเขาก็แทบจะระเบิด ไฟในเรือนกายพุ่งลิ่วๆ เหมือนกับปรอทที่ถูกอังไฟร้อนอยู่แล้ว แต่นี่กลับใกล้ชิดจนจนได้กลิ่นหอมจากทั้งกลิ่นประจำกายรสรินและกลิ่นหอมของเครื่องหอมที่หญิงสาวใช้ สติที่มีมันก็ขาดผึงลงในทันที
แขนใหญ่ตวัดสอดระหว่างเอวเล็กคอดกระชับร่างนุ่มนิ่มแนบชิดกายใหญ่ “น้องรสจะไม่เสียใจใช่ไหม...จะไม่เปลี่ยนใจใช่ไหมรสริน”


มาต่อๆๆ พี่ภามกินน้องไทนี่แย้ว...

 ภามทาบทับจุมพิตไปบนเรือนกายกลมกลึงและหอมกรุ่น หลงใหลในความนุ่มหวานหอมของสองปทุมถันสีเข้ม ตวัดปลายลิ้นไล้วนสลับดูดกลืนจนมันบานเป่งตามติดปาก มือใหญ่เคลื่อนไหวไปตามสีข้างไพล่ลงไปถึงบั้นท้ายกลมกลึง ขยำนวดแรงๆ อย่างไม่กลัวว่าผิวกายหญิงสาวจะช้ำ บดเบียดสัดส่วนเรือนกายที่มันร้อนระอุแนบชิดกลีบดอกไม้สาวที่ยังแย้มบานไม่พอรับภมรตัวใหญ่
“พี่ภาม” สองมือเล็กป่ายปัดไปบนกายใหญ่อย่างสะเปะสะปะ ร้อนผ่าวเหมือนกับได้ไปยืนอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟ สองเท้าเล็กถูไถกับเตียงนอนนุ่ม ขบกัดริมฝีปากจนเจ็บด้วยความปั่นป่วนและรัญจวนใจ ในท้องน้อยเหมือนกับมีลูกไฟเล็กๆ วิ่งไหลวนอยู่
ภามละจากสองภูเขาลูกน้อยเคลื่อนลงไปตามหน้าท้องแบนราบเรียบเรื่อยลงไปจนถึงโหนกเนินสูงที่มีเถาวัลย์สีดำสนิทปกคลุมอยู่
“ไม่นะพี่ภาม” นันทิยารีบร้องห้ามเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร สองมือเล็กไขว่คว้าศีรษะทุยดึงทึ้งให้มันพ้นไป ทั้งอายและสยิวซ่านเสียวไปหมดจนลำขากลมกลึงถึงกับสั่นเทา
“เธอจะห้ามทำไมไทนี่ เธอก็รู้ว่าถ้าฉันต้องการ ไม่มีคำว่าไม่ได้” ภามถามเสียงแหบพร่า ในกายปวดร้าวกับความต้องการเสียจนหัวหมุนคว้าง
สองมือใหญ่คลึงเคล้นถางทางให้ได้ยลความสวยงามของปุบผาดอกสวยอย่างชัดเจน ดวงตาคมกริบวาววับ ตวัดปลายลิ้นพลิกพลิ้วไปบนเกสรดอกไม้ฉ่ำนุ่มในฉับพลันรัวเร็วและถี่ยิบ สอดแทรกลึกหายไปในโถงอุ่นร้อนฉ่ำนุ่มที่มีน้ำค้างฉ่ำหวานหลงเหลือให้กลืนกินอย่างไม่มีวันที่จะหมดสิ้น ด่ำดิ่งลึกล้ำเหมือนกับคนที่หลงเข้าไปในทะเลทรายแล้วได้พบเจอกับโอเอซิสที่มีน้ำทิพย์ให้กินได้ไม่มีวันหมด
“พะ...พี่ภาม...” ร้อนด้วยเปลวเพลิงไฟที่ไม่รู้ว่ามันจะหยุดเมื่อไหร่ นันทิยาได้แต่ร้องเรียกภามไม่ขาดเสียง “พี่ภามได้โปรด...อย่าทรมานไทนี่อีกเลยนะคะ” กายโปร่งขยับดิ้นเร่าๆ แอ่นโค้งเรือนกายจนแผ่นหลังลอยคว้าไม่ติดพื้นเตียง พอๆ กับสะโพกงามงอนที่มันส่ายร่อนไปกับสัมผัสร้อนราวกับถ่านไฟที่มันลุกไหม้ขยับเคลื่อนเข้าและออกบ่อน้ำทิพย์เนิบนาบหนักหน่วง
เสียงร้องของนันทิยายิ่งทำให้ไฟปรารถนาในกายหนุ่มคึกคักเหมือนกับม้าศึก ปลายนิ้วใหญ่ลากไล้กดคลึงมุกมณีอ่อนไหวไม่ยอมหยุด มือใหญ่อีกข้างก็เฝ้าฟอนเฟ้นหน้าอกหน้าใจอวบอิ่มจนมันบานเบ่งติดตามือสลับไปมาไม่ยอมหยุด แม้ความร้อนผ่าวในกายจะทวีความรุนแรงจนเรือนกายแทบจะแตกดับ คนใต้ร่างบิดกายเร่าร้องเรียกด้วยภาษากายให้เขาเร่งส่งเธอไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้า แต่สิ่งหนึ่งที่ภามยังไม่ลืมนั่นก็คือ...
“ต้องการอะไรจากฉันไทนี่...” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงแหบกระเส่า กัดกลืนปลายยอดปทุมถันอย่างตะกรุมตระกาม นิ้วร้อนผ่าวจุ่มจ้วงกระดิกไล้ไปตามผนังเนื้ออ่อนนุ่ม เหงื่อเม็ดเล็กไหลซึมทั่วทุกรูขุมขนด้วยความกระหาย ร่ายเพลิงมายาใส่กายโปร่งบางอย่างรุนแรงไม่มียั้งมือ 
“อยากให้ฉันรักเธอไหมไทนี่” ปากและมือใหญ่เคลื่อนไหวสอดรับกันเร่งรุดให้นันทิยาทำตามความต้องการก่อนที่เขาจะทนไม่ไหว “บอกซิไทนี่...ให้ฉันรักเธอ”
“อ๊ะ...พี่ภาม คะ...คะ...พี่ภาม...ระ...รักไทนี่นะคะ รักไทนี่นะพี่ภาม” นันทิยาบอกตามสิ่งที่ภามต้องการเสียงพร่าและเซ็กซี่
รอยยิ้มแต่งแต้มบนหน้าคมคร้าม ในที่สุดนันทิยาก็ทำตามความต้องการของเขา สองมือใหญ่จับรั้งลำขาเรียวยาวจนมันตั้งฉากกับพื้นเตียง จับตรึงสะโพกงามงอน ทาบแก่นกายชายร้อนผ่าวราวกับถ่านกดคลึงทาบทับตรงส่วนนั้นของกายสาวอีกเป็นครู่ก่อนที่มันจะ...
“กรี๊ด...พี่ภามเจ็บ...ไทนี่เจ็บ...ออกไปนะ...” น้ำตาอุ่นร้อนปริ่มไหลหยดลงทางสองหางตา สองมือเล็กระดมทุบสลับผลักดันเรือนกายใหญ่หนาและหนักอึ้งให้ถอยห่าง บิดกายกระเสือกระสนหนีความเจ็บปวดที่มันแทบจะฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ
“บ้าชิบ...” ภามสบถเสียงแหบพร่า ความคับแน่นของกุหลาบดอกน้อยทำให้เขานั้นเดินทางได้เพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้นเอง แล้วไหนจะแรงบีบรัดตามจังหวะการเต้นของหัวใจ
“อย่ามาทำเป็นเรื่องมากหน่อยเลยน่าไทนี่ นอนกับผู้ชายครั้งแรกมันก็เจ็บอย่างนี้แหละ แต่อีกเดี๋ยวมันจะดีขึ้นเอง จนเธอนั่นแหละจะต้องขอร้องอ้อนวอนให้ฉันทำซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า” ภามกัดฟันพูดอย่างไม่คิดที่จะถนอมน้ำใจคนฟังเลยสักนิด
ริมฝีปากหนาร้อนทาบทับบนไปบนทรวงอกอิ่มหวานไหวระริกดูดเม้มจนมีเสียงดังเล็ดลอดมา พร้อมเคลื่อนสะโพกสอบเพรียวเหมือนจะยอมถอยทัพ แต่นันทิยาไม่ทันจะได้หายใจด้วยซ้ำภามก็เคลื่อนไหวจนแก่นกายอลังการเหมือนกับแท่งเหล็กที่มันถูกเผาไฟจนร้อนสอดแทรกสนิทลึกจมหายไปในถ้ำอุ่นนุ่มร้อนเพียงครั้งเดียวจนสุดทาง
“กรี๊ด...พี่ภาม...ไม่เอาแล้ว ไทนี่เจ็บ...ไปนะคนใจร้าย ออกไปนะ...” น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อไหลออกจากสองเบ้าไม่ขาดสาย เจ็บจนใจแทบไม่อยากจะหายใจ นอกจากภามจะไม่พูดจาปลอบใจเธอแล้วยังจะจะจิกกัดให้เจ็บร้าวจนหัวใจมันฉีกขาดจนหาชิ้นดีไม่ได้ แขนเล็กเรียวหมดแรงแม้จะยกขึ้นทุบร่างใหญ่ให้เขานั้นเจ็บเหมือนกับที่เธอเจ็บ
ภามไม่สนใจอาการขัดขืนของนันทิยาและเลือกทำในสิ่งตัวเองต้องการ ลมหายใจหอบแรงถี่ยิบจนอกกว้างกระเพื่อมไหว แรงรัดจากผนังถ้ำอ่อนนุ่มดูดกลืนความเป็นตัวตนของเขาเสียจนหัวสมองหมุนคว้าง สองมือใหญ่จับรั้งมือเล็กที่มันพยายามผลักเขาให้ออก กระชับกอดจนแทบจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน
ริมฝีปากหนาร้อนทาบทับบนไปบนทรวงอกอิ่มหวานไหวระริกดูดเม้มจนมีเสียงหวานแผ่วพลิ้วดังเล็ดลอดมา พร้อมกับสะโพกสอบที่มันเริ่มขยับไหวโยกอย่างไม่สนใจว่าคนใต้ร่างจะเจ็บปวดและทรมานกับเรือนกายที่มันใหญ่และร้อนดังแท่งเหล็กกล้า เพราะเขาทรมานกับความต้องการที่มันวิ่งไหลวนไปตามกระแสเลือด
“อ๊ะ...เจ็บ...” เสียงครางแผ่วพลิ้วดังมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม แม้สิ่งที่ภามทำอยู่มันจะสร้างความเจ็บปวดให้ แต่ในความเจ็บนั้นได้สอดแทรกความวาบหวิวสยิวซ่าน นันทิยากัดริมฝีปากจนฮ้อเลือด ลำตัวกลมกลึงแอ่นโค้งจนแผ่นหลังไม่ติดพื้นด้วยปากหนาที่มันเคลื่อนไหวกัดกินปลายยอดทรวงนุ่มอย่างตะกรุมตะกราม
“โอ...สุดยอดเลยไทนี่ นี่ฉันตาบอดปล่อยให้เธอหลุดรอดมือไปได้ยังไงตั้งหลายปี” ฝ่ามือสากระคายลากไล้คลึงเคล้นปทุมถันอวบอิ่มนุ่มหยุ่น คลึงเคล้นไล้วนรอบป้านเม็ดบัวแข็งตัวเป็นไต สองแขนกอดกระชับร่างนุ่มเหมือนกับงูรัดเหยื่อ ภามสะบัดสะโพกกระหน่ำใส่กายสาวด้วยความเร่าร้อนรุนแรง แทรกลึกจุ่มจ้วงในโถนุ่มอุ่นเนิบนาบแต่หนักหน่วงถี่ยิบ
ความเจ็บจางหายไปกลายเป็นตอนนี้มีเพียงความเสียวซ่านรัญจวนใจ กายโปร่งบางสะบัดดิ้นเป็นประวิง สองมือป่ายปัดไปทั่วกายใหญ่ จิกลากปลายเล็บบนแผ่นหลังกว้างเต็มแรงจนอีกฝ่ายสะดุ้ง เคลื่อนไหวขึ้นไปตามต้นคอแกร่ง สอดแทรกเข้าไปจิกทึ้งเส้นผมหนานุ่ม แอ่นสะโพกขึ้นรับความแข็งแกร่งที่สอดประสานเข้ามาเคลื่อนไหวในกายด้วยจังหวะเร่าร้อนและบ้าคลั่ง ตอดรัดแก่นกายร้อนผ่าวอย่างถึงพริกถึงขิง สองเนื้อกระทบเนื้อเป็นยังหวะ เหงื่อกาฬไหลแตกตามร่องรูขุมขน เสียงครวญครางดังไม่ขาดปาก
“อา...ไทนี่จ๋า เธอนี่มัน...สุดยอดเลยยาหยี คับแน่นที่สุดเลย อืม...” ภามร้องครางไม่ขาดปาก มีความพันธ์กับผู้หญิงมาก็เยอะ เคยเปิดบริสุทธิ์หญิงก็ไม่ใช่คนเดียว แต่ไม่เคยมีใครทำให้เขาเร่าร้อนเป็นเพลิงไฟอย่างเช่นนันทิยาเลยสักคน ทั้งหวานทั้งตอดรัดจนในสมองเต็มไปด้วยหมอกขาวโพลน เรือนกายเหมือนกับลอยอยู่ในน้ำใสเย็นสลับกับยืนอยู่ปากปล่องภูเขาไฟก็ไม่ปาน มันควบคุมอะไรไม่ได้สักอย่าง
“อ๊ะ...พี่ภาม ดะ...ได้โปรด...” นันทิยาวอนขออีกครั้ง กับความต้องการที่ทำให้กายเธอเหมือนกับลูกโป่งที่อัดแก๊สจนเต็มลอยละล่องขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงดาวยามราตรีสว่างสดใส สองแขนน้อยโอบรอบคอแกร่งปล่อยให้ภามนำส่งเธอไปพานพบกับทุ่งดอกไม้แสนสวยที่รอยคอยอยู่เบื้องหน้า
“ได้ซิไทนี่จ๋า...ฉันจัดให้เลยทรามวัย”
ภามตอบกลับเพราะเขาเองก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน กลีบกายสาวถึงกับลู่ไปตามแรงถาโถมอย่างไม่บันยะบันยัง ใบหน้าคมคร้ามเริ่มเหยเก ลมหายใจร้อนผ่าวเปล่งเสียงร้องคำรามในลำคอด้วยความพอใจอย่างต่อเนื่อง จังหวะการเคลื่อนไหวจากทั้งปาก มือและสะโพกสอบที่มันเคลื่อนไหวถอดถอนรุกล้ำกลีบกายสาวเริ่มกระชั้นและรุนแรงขึ้นทุกที จนในที่สุดนันทิยาก็ร้องหวีดเสียงดังลั่น ร่างโปร่งเกร็งกระตุกผวาตัวเข้าหาภามแน่นปลดปล่อยสายธาราไหลรินเป็นระรอก ภามไม่รอให้นันทิยาเดินทางล่วงหน้าไปนานนักรีบส่งตัวเองตามติดนันทิยาถึงฟากฟ้าในเวลาต่อมา
เมื่อทุกอย่างจบสิ้นลงไป แม้เรือนกายจะยังสดชื่นเหมือนกับปลากระดี่ได้น้ำ แต่ทว่าความเจ็บปวดจากน้ำมือของภามก็ยังลึกในความทรงจำของนันทิยาไปเสียแล้ว น้ำอุ่นร้อนหยดไหลจากสองเบ้าตา ขบกัดริมฝีปากจนฮ้อเลือดไม่ยอมให้เสียงสะอื้นมันหลุดรอดออกไปให้อีกฝ่ายได้นำมาเยาะเย้ยถากถาง
“ตอนนี้พี่ภามได้ในสิ่งที่ต้องการไปแล้ว” นันทิยากัดฟันพูด เมินหน้าหลบไม่ยอมมองกายใหญ่ที่ยังคงแนบสนิทชิดร่าง “ปล่อยไทนี่ได้แล้วคะ”


6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ8 มกราคม 2555 เวลา 06:13

    รออ่านต่อค่า

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ12 มกราคม 2555 เวลา 23:09

    ชอบเรื่องทั้งสามคู่เลยน่ารักดี

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ16 มกราคม 2555 เวลา 03:50

    สงสารไทนี่จัง

    ตอบลบ
  4. ร้อน สุด ๆ ๆ ๆ ๆ พี่ภามแอบใจร้ายนิ้ด-นึง

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ29 มกราคม 2555 เวลา 02:13

    ร้อนไฟลุกเลย

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ17 สิงหาคม 2560 เวลา 01:37

    http://ballrich.com ทีเด็ดฟุตบอล รวมทรรศนะระดับเซียน แม่น รับทีเด็ดแบบVIP ฟรีๆ คลิกเลย !!!

    http://duball365.com ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ รวมลิ้งดูบอล ดูบอลผ่านมือถือ คลิกเลย !!!

    ตอบลบ