หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

บ่วงสวาททาสรักอสูร ตอนที่ 16 เครื่องมือ (จบ)

ตอนที่ 16
เครื่องมือ
ภามประคองรถขับไปในซอยเล็กสายตาก็ไล่มองหาเลขที่บ้านอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน พอๆ กับประกายในดวงตาที่มันลุกโชนเหมือนกับมีเปลวเพลิงเป็นส่วนประกอบ เมื่อเห็นนันทิยาเดินนำหน้าชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ หน้าตาดูดีและหล่อเหลา มันคงจะไม่ทำให้เขาร้อนเหมือนกับถูกเปลวเพลิงเผาไหม้และเจ็บแปลบในอกมากถึงเพียงนี้ถ้าหากว่าแขนเรียวยาวไม่ถูกอีกฝ่ายเกาะกุมอยู่
ไทนี่!!!” กรามหนาขบกัดบนเบียดจนแก้มสากระคายนูนขึ้นมา ประกายในดวงตาคมกริบแข็งกระด้างและดุกร้าว วงหน้าคร้ามแกร่งแดงไปถึงลำคอ สองมือจับพวงมาลัยรถจนเส้นเอ็นปูดโปน ชายหนุ่มไม่คิดจะถามใจตัวเองว่าทำไมถึงได้เจ็บในอกถึงเพียงนี้ รู้เพียงแค่ว่าไฟโกรธที่มันเผาพลาญอยู่มาจากนันทิยาที่เขาจะต้องจัดการให้หลาบจำ อย่างไม่รั้งรอภามเปิดประตูรถก้าวลงจากรถและเดินไปหาแม่ตัวดีอย่างรวดเร็ว
หวัดดีไทนี่
เสียงทุ้มที่ดังลอดไรฟันจากคนร่างหนาใหญ่ที่เดินอาดๆ มาเหมือกับเสือกำลังตะครุบเหยื่อทำให้นันทิยาซึ่งเดินสะดุดเท้าตัวเองจนเกือบจะคะมำไปข้างหน้าอีกรอบดีว่ารัฐภาสได้ยื่นมือมาช่วยคว้าไว้ได้ก่อนที่เธอจะล้มตะครุบกบให้อายและเจ็บตัว เท้าเล็กเดินถอยกลับไปด้านหลังด้วยความตกใจ ใบหน้าซีดเผือดลงทันตากับร่างกายที่มันสั่นเหมือนเธอยืนอยู่บนแผ่นดินที่มันกำลังสั่นไหว
พี่ภาม!!!” แม้จะเรียกด้วยความตกใจ แต่ทว่าเสียงกลับแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้หลุดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม ดวงตากลมโตเบิกกว้างเหมือนกับถูกผีหลอกเอากลางวันแสกๆ ไม่คิดว่าภามจะมาตามหาเธอจริงๆ เป็นไปได้ยังไง ถึงตอนนี้จะยังตกใจกลัวอยู่ แต่มันก็สอดแทรกอีกอารมณ์หนึ่งนั่นคือความดีใจ แต่พอคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจากมาก วงหน้าสวยก็หมองเศร้าลง ในดวงตากลมโตมีน้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้า
เธอนี่มันบ้าจริงๆ ไทนี่ คิดเข้าข้างตัวเองอยู่ได้ ที่ภามมาไม่ใช่เพราะรักเพราะคิดถึงเธอแต่เขามาเพราะเขาต้องการรสสวาทจากร่างกายนี้ต่างหากเล่า ยัยโง่
รวิกานต์ที่เดินตามหลังมาได้ยินเสียงของเพื่อนอย่างชัดเจนและอย่างไม่รอช้ากายโปร่งบางแทรกขึ้นมายืนเคียงข้างนันทิยา พร้อมรอยยิ้มที่ส่งมอบให้ภามไปนั้นชายหนุ่มดูจะไม่ชอบใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันช่างยียวนกวนประสาทจนเขาอยากที่จะหักคอสวยๆ นั้นมาจิ้มน้ำพริกเสียให้รู้แร้วรู้รอดไป
อุ๊ย!! ใครมาบ้านฉันกันละนี่ อ๋อ...พี่ภามนะเอง ยังจำบ้านก้อยได้หรือคะ รวิกานต์กางปีกปกป้องเพื่อนในทันที ด้วยคำทักทายแบบจิกกัด แม้วงหน้าสวยหวานจะยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ทว่าในดวงตากลับเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ ร่างโปร่งบางขยับไปเดินวนเวียนรอบร่างหนาอย่างไม่เกรงกลัวสายตาเกรี้ยวกราดที่จ้องมาแถมยังเลิกคิ้วใส่เสียอีก
เห้อ...ไม่เจอกันเสียนาน ดูพี่ภามแก่ขึ้นจมเลยนะคะ สงสัยจะเล่นกีฬาในร่มเยอะมากไปหน่อยใช่ไหมคะนี่ ถึงได้โทรมหน้าแกกว่าอายุแบบนี้
หวัดดีก้อย เธอก็เหมือนกัน ไม่เจอกันหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปเยอะเหมือนกันนะนี่ ดูซิริ้วร้อยตีนกา ภามเน้นคำว่าตีนกาหนักๆ เพราะรู้ว่าผู้หญิงไม่ค่อยจะชอบมีเจ้านี่บนใบหน้าสักเท่าไหร่ เต็มใบหน้า แต่นะ...แต่งตัวนี่ดีหน่อยไม่เชยเหมือนก่อน ไหล่กว้างเลิกขึ้นสูง ดีว่าเจอรวิกานต์ไม่ใช้เอวิตราที่ร้ายกาจกว่าเป็นหลายเท่า เพราะไม่ทักทายเขาเพียงแค่ปากแต่จะมีพวกหมัดเล็กๆ ตามติดมาด้วย
อุ๊ยต๊ายตาย!!! พี่ภามพูดแบบนี้กับผู้หญิงได้ยังไงคะ รวิกานต์ถามเสียงดัจจริต มือเล็กยกขึ้นปิดปาก พร้อมศีรษะทุยที่มันส่ายยิกๆ ไม่ได้เรื่องเลยพี่ภามนี่ ใครใช้ให้ทักทายผู้หญิงแบบนี้ละคะ น่าเกลียดจริงเชียว มันน่าจะตบให้เลือดกรบปาก” ดวงตากลมโตเจิดจ้าด้วยประกายไฟที่มันแทบจะเผาไหม้คนตรงหน้าให้เป็นจุล
“ไม่เจอกันก็ตั้งหลายปี ก้อยคิดว่าพี่ไปผ่าหมาออกจากปากแล้วนะคะนี่ ที่ไหนได้ยังเลี้ยงไว้เป็นฟาร์มเลยนะนี่ แวบหนึ่งที่เธอเห็นประกายในตาคมกริบแข็งกร้าวและดุร้าย เท้ายาวเรียวถอยกลับไปด้านหลัง ไออุ่นของรัฐภาสช่วยเสริมให้เธอนั้นอบอุ่นและกล้าที่จะเล่นงานภามต่ออย่างไม่หวาดหวั่น
ก้อย นันทิยายื่นมือไปดึงแขนเพื่อน แอบกระซิบถามเบาๆ แรงไปหรือเปล่าแก ดวงตากลมโตหลบสายตาคมที่มองมาอย่างขลาดกลัว รู้โดยไม่ต้องบอกเลยว่าไม่ว่ารวิกานต์ทำอะไรไป สุดท้ายแล้วภามก็จะเก็บเอาสิ่งนั้นมาลงโทษเธอแบบทบต้นทบดอก เพียงแค่คิดว่าเขาจะทำยังไงกับเธอ กายโปร่งบางก็สั่นสะท้าน ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ ใบหน้าเนียนนุ่มซีดเผือดเหมือนกับกระดาษ
แรงอะไร ฉันเอาคืนแค่สองสามประโยค แกว่าแรงแล้ว ทีมันทำกับแกละไม่แรงกว่าหรือไง เป็นผู้ชายเสียเปล่า กลับมาด่าว่าผู้หญิง อย่างนี้สมควรไปหาผ้าถุงแม่มาใส่แล้ว รวิกานต์หน้าหงิกงออย่างไม่พอใจคำพูดห้ามปรามของเพื่อน หรือว่าแกจะกลับคำพูด ก็ได้นะไทนี่ ฉันไม่ว่าอยู่แล้ว ยังไงฉันมันก็แค่เพื่อน คนรักของแกต้องสำคัญกว่าอยู่แล้ว สองมือเล็กเรียวยกขึ้นสอดไขว้ระหว่างอก วงหน้าสวยเชิดขึ้นบอกให้รู้ว่ากำลังงอนอยู่
ไม่ใช่นะก้อย ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่กลัวแทนแกเท่านั้นเอง เปล่า...กลัวความโกรธเหมือนกับไฟไหม้ฟางของภามที่จะมาลงกับเธอต่างหากละ เชื่อได้เลยแม้มีเวลาเพียงแค่เสียวนาที ภามก็จะหาทางย้อนกลับเล่นงานเธอจนได้
ฟังเพื่อนเธอบ้างก็ดีนะน้อย เล่นอะไรนะอย่าให้มันเลยเถิดไป ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัดเหมือนกัน รัฐภาสที่ยืนมองเงียบๆ เอ่ยเตือนขึ้นมาอย่างเป็นห่วง...ไม่ใช่ห่วงรวิกานต์แต่หวงอีกคนต่างหาก ประกายเกรี้ยวกราดที่ชายหนุ่มตรงหน้ามองนันทิยาเล่นเอาเขาถึงกับเสียววาบเหมือนกัน ทั้งเรียกร้องอย่างรุนแรงและหวงโครตๆ
เจ้านายไม่เกี่ยว ไม่ต้องมายุ่งเลย รวิกานต์หันไปตวาดแวดใส่รัฐภาสอย่างหงุดหงิด แทนที่จะช่วยเหลือเธอกับเพื่อนกลับมาพูดให้เสียกำลังใจเสียได้ เห็นเป็นผู้ชายด้วยกันปากว่ามาถือถึงอย่างเร็วเสียด้วยซิ ชิ...
แต่คุณรัฐภาสเตือนด้วยความหวังดีนะก้อย
เอาน่า... มือเล็กยกขึ้นตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ แกไม่ต้องกลัวไปหรอก พี่ภามนะเขาไม่ทำอะไรฉันหรอก แต่คนที่เขาจะทำนะเป็นแกต่างหาก แกต้องระวังตัวไว้ให้ดีและพยายามอย่าอยู่ห่างจากฉันเข้าใจไหม
อือ...รู้แล้ว นันทิยาตอบรับอย่างคนที่เกิดความรู้สึกสับสนกับหัวใจตัวเอง ปรายสายตาไปมองภามแล้วต้องรีบเมินหลบอย่างเร็วเพราะสายตาที่มองมาอย่างเร่าร้อนเหมือนกำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากกาย ใบหน้ามันเห่อร้อนผ่าวจนเธอคิดว่ามันคงจะแดงเหมือนกับกุ้งถูกต้มสุก ในหัวใจเต้นแรงรัวเร็วจนแทบจะทะลุออกมาจากทรวง บ้าจริง พี่ภามนะมองมาได้ไม่อายคนอื่นเสียบ้างเลย
หนีมาทำไมไทนี่ ถามแต่ไม่ได้รอเอาคำตอบ มือใหญ่ยื่นไปคว้าแขนเรียวบีบเต็มแรง พี่มาพาเรากลับบ้าน
โอ๊ย!!! ไทนี่เจ็บนะพี่ภาม ปล่อย นันทิยาที่ลืมตัวไปหน่อยเพราะเผลอไปสบกับสายตาคมกริบเป็นประกายเว้าวอนเรียกร้องจนถูกสะกดจิตร้องออกมาเสียงดังลั่น สะบัดแขนเล็กออกจากการเกาะกุม แต่ภามก็ไม่ยอมมิหนำซ้ำยังจะลากร่างเธอจนแทบจะกลิ้งหลุนๆ ตามไป และเมื่อเห็นว่าทำอะไรไม่ได้ก็หันไปร้องเรียกของความช่วยเหลือจากรวิกานต์ที่ถลามาจะช่วยเหมือนกันแต่ถูกรัฐภาสจับรั้งแขนเอาไว้
ปล่อยให้เพื่อนคุณจัดการตัวเองดีกว่าก้อย คุณไม่สามารถคุ้มครองเขาได้ตลอดไปหรอกนะ ห่างจากคุณเมื่อไหร่เพื่อนคุณโดนหนักแน่
แม้จะยอมรับว่ารัฐภาสพูดจริง แต่เธอทนไม่ได้ที่จะเห็นนันทิยาถูกลากไปแบบนี้แล้วไม่ช่วยอะไร ปล่อยก้อยนะเจ้านาย ไม่ช่วยแล้วไม่ต้องมาห้ามเลย
รัฐภาสส่ายศีรษะกับคนดื้อ เปลี่ยนจากเพียงแค่จับมือเอาไว้เป็นโอบกอด ถ้าไม่หยุดดิ้นนะก้อย จะพากลับเข้าห้องแล้วก็ฉีกทึ้งเสื้อผ้านี่ออกจากนั้นเราก็ต่อเรื่องเมื่อเช้าให้จบเป็นไง ชายหนุ่มขู่เสียงนุ่มพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้ลำตัวกลมกลึงส่งความร้อนผ่านเนื้อผ้านุ่ม
ปล่อยไทนี่นะพี่ภาม ปล่อยไอ้คนบ้า ไอ้คนใจร้าย ปล่อยซิโว้ย นันทิยาร้องตะโกนพร้อมหันไปหวังจะร้องขอความช่วยเหลือจากรวิกานต์แต่ก็แล้วเห็นว่าเพื่อนรักเองก็อยู่ในสถานการณ์อันตรายไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้เช่นกัน ถ้าอยากจะเอาตัวให้รอดพ้นจากภามมันก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง นันทิยาไม่คิดหน้าคิดหลัง เพราะตอนนี้ภามลากเธอเกือบจะถึงรถแล้วถ้าหากขึ้นรถได้ต่อไปนี้เธอไม่มีออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันแน่ถ้าภามไม่ยอม อย่างรวดเร็วหญิงสาวโน้มใบหน้าลงไปและ...
โอ๊ย!! เป็นหมาหรือไงไทนี่ ถึงได้กัดแขนฉันเหมือนกับไอ้ด่างนะ ภามสะบัดแขนเต็มแรงด้วยความเจ็บจากฟันคมๆ ที่กดลงบนผ้าแต่ผ่านทะลุไปถึงเนื้อ มองนันทิยาสายตาเกรี้ยวกราดลุกโชนเป็นไฟ
ก็พี่ภามอยากไม่ยอมปล่อยไทนี่ทำไมละ นันทิยาตอบกลับเสียงเขียว วงหน้าสวยงองุ้ม เท้าเล็กเรียวรีบก้าวถอยไปด้านหลังอย่างไม่รอช้า สายตาไม่คลาดจากร่างภาม ก็ดูว่าเป็นคนร่างใหญ่แต่ภามก็เคลื่อนไหวได้เร็วนัก เผลอเพียงแค่นิดเดียวอาจถูกจับตัวอีก คราวนี้แหละต่อให้กัดเป็นสิบครั้งก็ไม่มีทางที่จะหลุดออกมาได้อีก
ในหัวใจเริ่มสันไหวเพราะสายตาวามวาวหื่นกระหายที่มองกวาดไปทั่วร่าง ไหนจะรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม ปลายลิ้นสากระคายที่ยื่นออกมาไล้กลีบปากอย่างยั่วยวนอารมณ์ บ้าชะมัด...นันทิยาหงุดหงิดต่อว่าตัวเองอยู่ในใจ เพียงแค่ถูกมองมาราวกับจะกลืนกินแข้งขามันก็สั่นจนแทบจะทรุด หยุดเลยนะพี่ภาม ไม่ต้องมองไทนี่แบบนั้น แล้วก็ไปให้ไกลๆ เลยนะ ไม่ต้องมาใกล้ไทนี่ด้วย คนใจร้าย
ไม่ให้พี่มองเธอแบบนี้แล้วให้มองแบบไหนละไทนี่ ก็เธอยั่วฉันจนฉันตะบะแตกเองนี่น่ายาหยี ภามแกล้งลากเสียงแหบพร่าและเซ็กซี่ มองอีกฝ่ายอ้อยอิ่งโลมเลียที่ทรวงอกอวบอิ่มซึ่งกำลังสะท้อนขึ้นลงตามอัตราการหายใจแรงและเร็ว แล้วก็เสียใจด้วยนะ เผอิญว่าตอนที่ฉันอยากให้เธอไปเธอดันไม่คิดจะไป มาคิดได้ตอนนี้ก็สายไปแล้วน้องสาว เธอจะต้องอยู่รองรับอารมณ์จนกว่าฉันจะพอใจ แล้วเธอคิดจะไสหัวไปไหนก็เชิญได้เลยไทนี่ ฉันไม่ห้ามและไม่รั้งเธอไว้แน่
พี่ภามพูดเอาแต่ได้ เจ็บจี๊ดในอกกับคำพูดที่ออกจากปากภามจนน้ำตาถึงกับคลอเบ้า แต่เธอก็ไม่ยอมให้มันไหลออกมา วงหน้าสวยเชิดขึ้นสูง เสียใจด้วยนะคะพี่ภาม ไทนี่ไม่ใช่ของตายของ
เท่าที่เห็นคือรัฐภาสนั้นชอบรวิกานต์แน่และเพื่อนเธอเองก็ชอบชายหนุ่มไม่น้อยเหมือนกัน แต่ในนาทีนี้หากมีขอนไม้แม้จะมันจะผุจนแทบจะหักออกเป็นท่อนๆ แล้วแต่เธอก็พร้อมที่จะคว้ามันไว้ก่อน เพื่อใช้เป็นไม้กันหมากันภามให้ห่างออกไปจากกาย แต่รู้ดีว่าไม่เคยที่จะไกลหัวใจ
แล้วไทนี่ก็มีคนที่แอบชอบแทนที่พี่ภามแล้วด้วย
รวดเร็วไม่ถึงสามวันจากนารีเป็นอื่น...ภามกัดฟันกรอด เมื่อมองตามสายตานันทิยาที่ทอดมองหนุ่มร่างสูงชะลูดยิ่งกว่าเสาไฟฟ้าด้วยความเกรี้ยวกราดโกรธกรุ่นเหมือนกับเปลวเพลิงที่มันระอุอยู่ในหัวใจ คิดจะแย่งแฟนเพื่อนหรือไทนี่ ไม่มากเกินไปหน่อยหรือไง ถามเสียงลอดไรฟัน
นันทิยายิ้มเย็นยะเยือกส่งให้คนถาม เปล่าเลย เธอไม่คิดจะสนใจผู้ชายคนไหนทั้งสิ้น เพียงแค่ภามเธอก็แทบจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ขืนหาเหงาใส่หัวอีกก็โง่เต็มทีแล้ว แต่ถ้าจะใช้เป็นไม้กันสุนักขี้เรื้อนจรจัดและหิวโซนะได้ ไม่หรอกคะ ตอนนี้ไทนี่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จะมีอะไรกับผู้ชายสักกี่คนมันก็ไม่ได้ต่างกันเลย ยังไงก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงไร้ยางอายและง่ายอยู่ดีไม่ใช่หรือไง
คนเราถ้ามันเจ็บมากๆ และเป็นเวลานานจนหัวใจเกินจะทนไหวต่อไปมันก็จะไม่เจ็บแต่จะเป็นชาจนไม่รู้สึกดังเช่นหัวใจของเธอในตอนนี้ไงที่มันเจ็บจนชา น้ำตาที่ข่มกลั้นเอาไว้ก็พาลจะไหลออกมาตั้งแต่ได้เห็นหน้าชายหนุ่มแล้ว  
ภามสะอึก กัดฟันจนมีเสียงดังกรอดๆ นัยน์ตาถ้าหากมันลุกเป็นไฟได้คงเผาไหม้นันทิยาเป็นจุลไปแล้ว ใช่...หน้าเธอนะมันหน้ากว่าพื้นถนนเสียอีกนะไทนี่ คิดแย่งได้แม้กระทั่งแฟนของเพื่อน”
ก็แฟนเพื่อนเขาดีนี่ค่ะ ไม่เหมือนกับผู้ชายบางคน มักง่าย เห็นแก่ได้ ไม่เคยคิดถึงใจคนอื่น ตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เรื่องอะไรจะให้มาว่าเธอว่าเอาๆ ละ
สองหนุ่มสาวจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร ก่อนที่นันทิยาจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำถูกอีกฝ่ายก้าวเร็วๆ มาคว้าเอาตัวไปได้อีกครั้ง แต่คราวนี้รวิกานต์ที่สามารถพาตัวเองหลุดออกจากอ้อมแขนใหญ่ของรัฐภาสซึ่งยืนมองอย่างเฉยเมยไม่คิดที่จะให้ความช่วยเหลือได้ก็วิ่งถลาเกี่ยวตัวนันทิยาพร้อมจิกส้นร้องเท้าแหลมๆ ไปบนเท้าภามเต็มแรง
โอ๊ย!! ยัยแว่น เธอทำอะไรของเธอห๊ะ เจ็บนะ
ก็ทำให้เจ็บนะซิ คนอย่างนายเจ็บแค่นี้มันยังน้อยไป ทีนายทำกับคนอื่นให้เขาต้องช้ำใจนะ นายเคยคิดบ้างหรือเปล่า ไปตายซะไอ้บ้าภาม รวิกานต์ตวาดแวดๆ เสียงดังลั่น ชักสีหน้าบึ้งตึงใส่ทั้งภาม ก่อนจะหันชี้หน้าเล่นงานรัฐภาสที่ยืนมองอย่างเฉยเมย ทำเหมือนกับไม่มีตัวตนอยู่อย่างงั้นแหละ
ออกไปจากบ้านก้อยได้แล้วเจ้านาย ไปให้พ้นก้อยเลยคนใจร้าย นายด้วยไอ้พี่ภาม ออกไปจากบ้านฉันซะ ก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจมาจับนายข้อหาบุกรุก
งั้นเหรอก้อย ภามถามเสียงเขียว ย่างเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่กลัวคำขู่
ฉันว่าหนีก่อนดีกว่าก้อย ท่าจะไม่ดีแล้วละแก นันทิยาบอก มือเล็กเย็นเฉียบจับแขนรวิกานต์และก้าวถอยตามอีกฝ่ายติดๆ หน้าตาภามและรัฐภาสน่ากลัวพอๆ กัน ความโหดรัฐภาสนั้นเธอไม่รู้ แต่ภามเวลาโกรธน่ากลัวที่สุดเพราะเธอประสบผมมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ได้ทำร้ายร่างกายหรอกนะ แต่ชายหนุ่มมีวิธีการที่ดีกว่านั้น แค่คำพูดจิกกันก็ทำเธอร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง แล้วตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง ที่ร่างกายระบบและเขียวช้ำก็เพราะอารมณ์รุนแรงที่โถมเข้าใส่อย่างไม่บันยะบันยังเป็นหลักฐานอย่างดี
อือ... รวิกานต์ร้องรับในลำคอ เหลือบสายตามองทั้งภามและรัฐภาสอย่างระมัดระวัง มือเล็กเกี่ยวมือนันทิยาเอาไว้ กึ่งกลางระยะจากที่อยู่ยืนมีภามขวางกั้น ประตูเข้าบ้านก็มีร่างหนาใหญ่สูงชะลูดราวกับเสาไฟฟ้าคือรัฐภาส ดังนั้นทางหนีของเธอมีทางเดียวคือนอกบ้าน...สองสาวก้าวเดินไปทางประตูรั้วบ้านอย่างไม่รีรอ
จะไปไหนละก้อย ร่างหนาผละจากประตูบ้าน สองมือใหญ่สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ดวงตาคมกริบมองรวิกานต์ไม่คลาดคลา ร่างหนาใหญ่เดินด้วยท่วงท่าสบายๆ แต่สง่างามเหมือนสิงโตยามที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ
รวิกานต์ถึงกับหนาววูบจากสายตารัฐภาสที่มองมา มันมีทั้งเว้าวอนเรียกร้องและก็มีประกายเย็นยะเยือกโอบลอบเรือนกายเหมือนกับว่าเธอกำลังไปยืนอยู่บนธารน้ำแข็งอยู่อย่างนั้นแหละ เธออาจจะปากกล้ากับทุกคนแต่พออยู่ใกล้รัฐภาสแล้วเขาคือคนที่ต้องยกเว้น เพราะเท่าที่ปะทะกันเธอมีแต่แพ้กับแพ้และยังถูกลวนลาม ถ้าใจและกายเธอจะไม่โอนอ่อนผ่อนตามไปด้วยก็คงจะไม่เป็นไร แต่นี่...ทุกครั้งแม่เพียงแค่ได้กลิ่นกายจากรัฐภาสเท่านั้น หัวใจเธอก็เต้นรัวเร็วอ่อนระทวยเหมือนกับขี้ผึ้งถูกลนไฟ
ภามก็เดินเข้ามาจนเกือบจะถึงแล้ว รัฐภาสก็เกือบจะคว้าแขนรวิกานต์ได้อยู่แล้ว
กรี๊ด...อย่าเข้ามานะพี่ภาม ถอยไปนะคนใจร้าย กรี๊ด...ไป...ก้อย เพราะความที่เธอนั้นอยู่กับท้องทะเล ได้วิ่งออกกำลังกายชายหาดและว่ายน้ำอยู่เป็นเนืองนิตย์มันเลยทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างรวดเร็วด้วยความปราดเปรียวสามารถพารวิกานต์ลัดเลาะหนีสองหนุ่มออกไปจากบ้านจนได้ แต่รัฐภาสก็เป็นคนพื้นที่มีความชำนาญทาง ไม่ทันที่สองสาวจะลัดเลาะไปอีกทางเพื่อกลับเข้าบ้านตามเส้นทางสายเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังรถคันใหญ่ก็วิ่งปราดมาจอดข้างหน้า
ประตูรถเปิดพร้อมกับขาแข็งแกร่งข้างหนึ่งของรัฐภาสก้าวลงมา แขนใหญ่ยังคงอยู่ที่ขอบประตูรถ ดวงตาจับจ้องมองรวิกานต์จนอีกฝ่ายถึงกับตัวสั่นแอบหลบหลังนันทิยาอย่างไม่ทันจะรู้ตัว จะขึ้นรถไปกับฉันดีๆ หรือว่าจะให้ฉันลงไปลากขึ้นมาก้อย
ไม่ไป เจ้านายไม่มีสิทธิ์มาบังคับก้อย
นันทิยาเหลือบตามองเห็นภามตามมาติดๆ สีหน้าและแววตาบึ้งตึง ในดวงตาคมกริบเกรี้ยวกราดแทบจะลุกเป็นเพลิงไฟเผาไหม้เธอให้เป็นจุล ถลึงตาและชักสีหน้าใส่กลับไปบ้าง นึกว่าเธอจะกลัวหรือไง ต่อไปนี้อย่าหวังจะได้ข่มเธอเหมือนที่ผ่านมา แล้วเคยทำให้เธอเจ็บไว้ยังไงบ้างก็เตรียมตัวไว้เถอะเพราะเธอจะเอาคืนเป็นสิบเท่า ประกายในดวงตากลมโตแวววาววับแข็งกร้าวเหมือนกับดวงตาเสือแม่ลูกอ่อนที่ไม่ยอมลงให้อีกฝ่ายอีกแล้ว สองแขนเล็กยกขึ้นสอดไขว้ระหว่างอก รอยยิ้มเล็กๆ ดูเหมือนจะฉ่ำหวานแต่เพียงแค่แวบเดียวมันก็เปลี่ยนเป็นเยาะเย้ย
ฉันว่าไปกับคุณรัฐภาสก็ดีเหมือนกันนะก้อย อย่างน้อยเราสองคนก็ยังปลอดภัย ไม่มีใครคิดจะบีบคอทิ้งโยนศพลงข้างทาง นันทิยาจับแขนรวิกานต์ดึงรั้งให้เพื่อนที่มีอาการแง่งอนและขัดขืนให้เดินตามมาติดๆ เอาน่า ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวมีอะไรฉันรับผิดชอบเอง
อยากรู้นักถ้าหากภามเห็นเธอหวานกับผู้ชายคนอื่นบ้าง เขาจะรู้สึกยังไง?

อืม...บรรยากาศที่ร้านนี้จังเลยนะคะคุณรัฐภาส นันทิยาเป็นคนเดียวที่ผูกขาดการพูดคุยอยู่ตลอดสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ กวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณร้านอาหารสไตล์บาหลีโมเดิร์นใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรีอย่างสบายใจเป็นที่สุด สายลมเย็นๆ กำแพงม่านน้ำตกขนาดใหญ่ช่วยสร้างบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยสร้างบรรยากาศอันสุนทรีด้วยแสงไฟหลากสีสันที่สาดส่องมาจากทั้งตัวร้านอาหารเองและแสงไฟน้อยใหญ่ที่ประดับประดาจากทุกสารทิศ
บรรยากาศโรแมนติกจนคิดว่าถ้าหากรวิกานต์และรัฐภาสมากันสองต่อสองมันคงจะเป็นค่ำคืนที่แสนจะโรแมนติกให้จดจำไปได้นาน ดีไม่ดีหากรัฐภาสรักเพื่อนสาวของเธอมากพอ เขาอาจจะใช้โอกาสนี้ขอคบหาเป็นแฟนหรือขอแต่งงานด้วยก็ได้ แต่นี่กลับมีส่วนเกินมาถึงสองคนและหนึ่งในสองนั้นมีสีหน้าบึ้งตึง ดวงตาขุ่นขวาง บางก็หลุดเสียงแง่งๆ ออกมาเหมือนกับสุนัขที่พร้อมจะกัดทึ้งฉีกเนื้อออกมาเป็นชิ้นให้ต้องเสียอารมณ์และทานอะไรไม่ลง
อะไรๆ ก็ดูดีไปเสียหมด แต่ดันมีคนร่วมโต๊ะหน้าตาบูดบึ้งเหมือนกับตูดลิงกังนั่งอยู่ด้วย เสียอารมณ์จริงๆ เลย นันทิยาพูดจิกกัดภามอย่างไม่เกรงกลัวสายตาดุกร้าวที่ส่งมาตักเตือน แถมยังจะมีรอยยิ้มหวานฉ่ำเชื่อมส่งไปให้ กลมโตเป็นประกายวาววับ แม้จะกลัวไอโกรธที่แผ่ซ่านมาให้รับรู้ทุกวินาที แต่ในตอนนี้รสชาติของการได้เอาคืนมันสนุกและสะใจจนไม่อาจคิดถึงเรื่องอื่นได้
ไม่รู้จะหน้าหนาไปถึงไหน ไม่มีใครเขาเชิญนั่งด้วยสักหน่อย ใช่ไหมก้อย ปลายเสียงหันไปถามเพื่อนสาวที่นั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอย่างกับคนที่ขับถ่ายไม่ออก
อือ... รวิกานต์ตอบรับแบบแกนๆ หงุดหงิดในหัวใจจนอยากจะลุกขึ้นจากโต๊ะและหารถกลับบ้านไปนอนคลุมโปงบนเตียงให้สบายๆ ดีกว่าที่จะต้องมานั่งฟังนั่งมองภาพที่มันบาดตาบาดลึกเข้าไปในหัวใจให้เจ็บจี๊ดๆ อยู่ตลอดเวลาแบบนี้ มันอึดอัดหายใจไม่ออก
 ตั้งแต่ก้าวขึ้นรถแล้วที่นันทิยาเลือกให้เธอนั่งหลังและตัวเองก้าวขึ้นไปนั่งข้างหน้าด้วยมาดนางพญา ขึ้นรถได้ก็ยังจะไขกระจกรถลงยื่นหน้าไปส่งยิ้มหวานๆ และโบกสะบัดมือให้กับภามอีก พอมาถึงร้านอาหารก็ชักจะเอาใหญ่ เพียงแค่ก้าวลงจากรถได้ก็สอดมือเข้าไปคล้องกับแขนรัฐภาส เดินคุยกะหนุงกะหนิงทำราวกับว่าเป็นคนรักกันอย่างนั้นแหละ แถมยังจะเลือกนั่งใกล้ชักชวนอีกฝ่ายพูดคุยคะขาหวานจนน้ำตาลแทบจะต้องหลีกทางให้อย่างสนิทสนมไม่กระดากปาก
โอ๊ย!!! เบื่อโว้ย มองไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่ทำให้มีเรื่องหงุดหงิดรำคาญลูกกะตาและหัวใจ มือเล็กกระดุกกระดิกขยับถูไถไปมากับลำขาสลับลำตัว บ้างก็ยื่นไปหยิบไวน์แดงมาจิบทีละน้อย โว้ย...ทำไมมันหงุดหงิดอย่างนี้ฟะ
เหลือบสายตาไปมองภามที่ตอนนี้โกรธจนหน้าดำหน้าแดง ก็สมน้ำหน้าอยู่หรอกนะ เข้าใจดีว่าไอ้สิ่งที่ทำอยู่นะต้องการให้ภามเจ็บปวดและรู้สำนึกเสียบ้างว่าตอนที่เขาทำหวานกับผู้หญิงคนอื่นนะเธอรู้สึกยังไง เจ็บแค่ไหน คิ้วโก่งได้รูปขมวดมุ่นเข้าหากัน ที่เธอไม่เข้าใจนะเป็นผู้ชายตรงหน้าต่างหาก รัฐภาสกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ให้ความร่วมมือกับเพื่อนรักของเธอคอยบริการหยิบตักโน่นนี่ พูดจาขารับหวานหูไม่แพ้กัน เห็นแล้วมันคันยิบๆ ในหัวใจจนอยากจะยกถาดอาหารร้อนๆ ราดไปบนหน้าหล่อที่กำลังยิ้มแย้มจนดวงตาเป็นประกายนั่นจริงๆ
หรือว่า...ไม่อยากจะคิดแบบนี้เลยแต่สิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้มันกำลังบอกว่ารัฐภาสสนใจนันทิยาเข้าให้แล้ว...ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนเจ็บ แต่มันยังเท่ากับหัวใจที่มันเจ็บจี๊ดๆ ปวดแปลบเหมือนกับมีเข็มเล่มเล็กๆ ทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา ไม่เข้าใจว่าทำไมการที่ได้เห็นรัฐภาสหวานใส่ผู้หญิงคนอื่นเธอถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้ ทำไมกัน?
ภามกัดฟันจนมีเสียงดังกรอดๆ จ้องตานันทิยาอย่างตักเตือนแล้วว่าให้หยุดทำให้เขาโกรธ แต่หญิงสาวกลับเมินหนีทำเป็นไม่สนใจและยิ่งทำหวานกับรัฐภาสมากขึ้น สองมือใหญ่กำหมัดแน่น ในหัวใจร้อนรุ่มเหมือนกับถูกไฟเผลาพลาญหงุดหงิดจนอยากจะกระชากตัวนันทิยาขึ้นพาดบ่าพาขึ้นห้อง โยนร่างนุ่มนิ่มและหอมกรุ่นที่เคยได้สัมผัสแล้วบนเตียงนอนสอนให้รู้สำนึกเสียบ้างว่าเธอเป็นของใคร ไหนจะไอ้บ้าหน้าหล่อที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเอาใจใส่นันทิยาอย่างไม่คิดถึงใจเขาและใจรวิกานต์ที่คงจะเสียใจอยู่ไม่น้อยกับการที่เห็นผู้ชายซึ่งเคยให้ความสนใจตัวเองหันกลับไปสนใจเพื่อนรักนะ
เป็นอะไรไปละก้อย อาหารไม่อร่อย หรือว่าคนทานด้วยไม่ถูกใจละ กายใหญ่เอนตัวองเก้าอี้ไม้ด้วยท่วงท่าสบายๆ ค่อยๆ ผ่อนคลายความร้อนรุ่มที่มันเกาะกุมสุมอกอยู่ลง เอาน่าอย่าคิดมาก คนเรามันก็เป็นแบบนี้แหละ ปรับเปลี่ยนตัวเองได้เร็วเหมือนกับจิกจกเปลี่ยนสี เหมือนจะพูดกับรวิกานต์แต่สายตากลับจังจ้องนันทิยาพร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนมุมปากหนา คิดจะให้เขาร้อนรนจนทนไม่ไหวลุกหนีไปนะหรือไม่มีทาง แล้วเดี๋ยวจะทำให้คนที่กล้าทำให้เขานั่งไม่เป็นสุข ที่กล้าเล่นกับหัวใจและความโกรธของเขา
รัฐภาสเลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงมองรวิกานต์อย่างแปลกใจ อาหารส่วนหนึ่งบนโต๊ะที่เขาสั่งมาล้วนแล้วแต่เป็นของชอบทั้งสิ้น แต่รวิกานต์กลับคุ้ยเขี่ยอย่างเบื่อหน่ายและตักกินเหมือนกับแมวดม เป็นอะไรไปก้อย อาหารไม่อร่อย หรือว่าไม่สบาย
มือใหญ่ยื่นไปทาบบนหน้าผากกว้างแต่รวิกานต์กลับเบี่ยงหนี ส่งสายตาดุเขียวใส่แต่สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในมันคือความน้อยใจเสียใจและตัดพ้อต่อว่า ส่วนหนึ่งของหัวใจพองโตเต้นรัวเร็วแต่อีกส่วนก็รู้สึกผิดที่ทำให้รวิกานต์ต้องเจ็บปวด แต่เขาบอกไม่ได้ว่าทำไมถึงทนให้นันทิยาเจ็บปวดจากน้ำมือของภามไม่ได้ ใช่ว่าจะรักอีกฝ่ายเหมือนอย่างคนรักมันเหมือนกับความรักเอ็นดูและสงสารแบบน้องสาว แบบคนในครอบครัวมากกว่า
อาหารนะอร่อยทุกอย่างแหละ เสียแต่ว่าคนร่วมโต๊ะเห็นแล้วให้บรรยากาศดีๆ เสียหมดพาลกินอะไรไม่ลงก็เท่านั้นเอง เป็นภามที่เอ่ยตอบแทนรวิกานต์ มือใหญ่จับช้อนและยื่นไปตักเอากุ้งแม่น้ำตัวโตมาวางในจานรวิกานต์ อย่าไปสนใจพวกตัวประกอบเลยก้อย หงุดหงิดรำคาญใจเปล่า หันมาสนใจนี่ดีกว่า ฉันจำได้ว่าเธอชอบกินกุ้งใช่ไหม ลองกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ แล้วสดๆ แบบตัวนี้หน่อยไหม
รวิกานต์อ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง นั่งเหวออย่างตั้งสติรับไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของคู่แค้นตัวเอ้ ผีหลอกหรือเปล่าวะเรายังไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นและที่ได้ยิน ก้มมองอาหารในจานสลับมองหน้าภามที่หันมาเอาอกเอาใจแกะเปลือกกุ้งจนเหลือแต่เนื้อในสีชมพูสดและตักมาป้อนให้อีกครั้ง
กินยาไม่เขย่าขวดหรือเปล่าคะพี่ภาม หรือว่าไม่สบายเพราะทนเห็นไทนี่หวานกับผู้ชายคนอื่น มือเล็กยื่นไปทาบหน้าผากกว้างแต่ก็ไม่เห็นจะร้อนเลยสักนิด แต่ทำไมท่าทีของภามมันถึงได้แปลกๆ โอ๊ย!! ปวดหัวคิดอะไรไม่ออกแล้ว เอาวะ จะเอาไงก็เอากัน
แล้วทำไมฉันจะต้องไปสนใจผู้หญิงใจง่ายด้วยละก้อย อยู่กับฉันปากก็บอกว่ารักฉัน แต่ดูซิมาถึงตอนนี้ขนาดว่าแฟนเพื่อนก็ยังคิดจะแย่งชิงซะงั้น ไม่รู้ว่าจะเรียกใจง่ายหรือว่าหน้าด้านแทนหันไปจิกกัดนันทิยาอีกดอก มองดูหน้าขาวๆ ที่มันแดงก่ำและประกายในดวงตากร้าวแข็งเป็นประกายพร้อมจะเปลี่ยนเป็นมีดทิ่มแทงให้เขาต้องเจ็บกายและใจ
นันทิยาสะอึกและเจ็บจี๊ดที่หัวใจ นี่ขนาดว่าอยู่ต่อหน้าเพื่อนเธอ ต่อหน้าคนอื่นนะภามยังด่าว่าเธออย่างไม่คิดจะรักษาหน้ากันบ้างเลย พี่ภามว่าใครใจง่ายและหน้าด้านคะ กัดฟันถามเสียงเขียว ฟันขาวสะอาดขบกัดริมฝีปาก มือจับช้อนส้อมจิ้มลงไปบนจาน ดวงตาแข็งกร้าวเป็นประกายดุร้ายอย่างรอเอาคำตอบ
เรียกร้องความสนใจ
รัฐภาสพูดเปรยๆ แต่เมื่อเห็นหนุ่มร่วมโต๊ะด้วยยังนั่งทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ ยั่วยุอารมณ์เขาด้วยการหันไปพูดคุยกะหนุงกะหนิงตักอาหารไปวางบนจานรวิกานต์และคะยั้นคะยอให้หญิงสาวรับประทานทำให้เขาหงุดหงิดอารมณ์เสียจนอยากจะลุกขึ้นตั้นหน้ายิ้มๆ นั้นให้เลือดกบปาก กรามหนาขบกัดบดเบียดจนแก้มสอบนูนเด่น ประกายในดวงตาเจิดจรัสกร้าวแข็งมองภามก่อนจะตวัดไปมองรวิกานต์ที่หันไปทำหน้าระรื่นให้ผู้ชายคนอื่นทำเอาเขาชักจะปวดหัวใจไปเหมือนกัน
เจ้านายว่าใครละคะ รวิกานต์ลอยหน้าลอยตาถาม ปากก็อารับกุ้งชิ้นโตที่ภามแกะยื่นส่งมาให้ด้วยรอยยิ้มไม่เกรงกลัว ชิ...ทีตัวเองทำหวานกับนันทิยาได้ ไม่ใช่เจ้าของตัวและหัวใจเธอเสียหน่อยทำมาตีหน้าบึ้งใส่ เชอะ
 อย่าไปสนใจพวกหมาที่มันเห่าตอนเห็นกระดูดแต่เอามาแทะกินไม่ได้ดีกว่าคะคุณรัฐภาส อารมณ์เสียเปล่าๆ นันทิยาหันไปแขวะกัดภาม ถึงจะรู้ว่าทั้งภามและรวิกานต์ไม่ได้คิดอะไรกัน แต่เห็นเขาแสดงท่าทางเหมือนจะรักใคร่กลมเกลียวกันแบบนี้หัวอกหัวใจมันก็เจ็บๆ แสบๆ เหมือนถูกมดคันไฟกัดได้เหมือนกัน
ใช่ซี ของเก่ามันขึ้นสนิมเป็นได้ก็แค่หมาเห่ากระดูด มันจะต้องของใหม่ใช่ไหมละไทนี่ มันถึงจะเป็นเทพบุตรสุดที่รักนะ
นันทิยาหน้าตึง ในตาแทบจะมีประกายไฟแลบออกมาด้วยความเจ็บระคนแค้นใจกับคำพูดไม่ให้เกียรติของภาม ก็ใช่ซิเธอมันก็เป็นแค่ของใกล้มือที่เขาคิดจะคว้ามาขยี้เล่นเมื่อไหร่ก็ได้ ฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากจนเจ็บ ก่อนวงหน้าสวยจะแย้มยิ้มเหมือนกับไม่รู้สึกรู้สาในคำพูดที่ดังมา
ใช่ซิคะพี่ภาม ก็ของเก่าๆ นะมันปากยังกระเพาะพันธ์ฟาร์มสุนักไว้ เห็นหญิงเป็นไม่ได้ต้องปรี่เข้าใส่ โต้ตอบกลับไปด้วยริมฝีปากสั่นเทา
วงหน้าสวยที่ซีดเผือดและประกายฉ่ำน้ำนิดๆ ในดวงตากลมโตคู่ใส่แจ๋วเหมือนกับลูกแก้วยามสะท้อนแสงไฟปกปิดอะไรไว้ไม่มิด ทำให้ภามอดที่จะอมยิ้มนัยน์ตาเป็นประกายเริงรื่น  ปากปฏิเสธว่าไม่แต่ใจกลับยังมีเขาอยู่เต็มๆ สายตาก็เฝ้าคอยมองว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนกับใคร
ทานซิก้อย อร่อยนะ เห็นไหมฉันแกะให้ด้วย ภามคะยั้นคะยอรวิกานต์เสียงหวาน แต่ดวงตาจังจ้องหน้าซีดหน้าเซียวเหลือสองนิ้วเห็นจะได้
รวิกานต์อ้าปากรับกุ้งเข้าปากอย่างอึดอัดใจ เหลือบสายตาไปมองรัฐภาสแล้วก็ต้องสะดุ้งกับประกายเพลิงไฟที่มันเปล่งออกมาจากดวงตาคม เพราะอีกฝ่ายเป็นค่อนข้างจะขาวเลยทำให้เธอนั้นได้เห็นวงหน้าคร้ามแกร่งมีสีแดงแต่งแต้มทีละน้อย หญิงสาวถลึงตาส่งกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว ชิ...ทีตัวเองนะหวานกับนันทิยาได้ แล้วทำไมเธอจะหวานกับภามบ้างไม่ได้ละ
อือ...อร่อยจริงๆ ด้วยละคะพี่ภาม เนื้อนุ่มๆ หวานด้วย จะรบกวนพี่ภามมากไปไหมคะ ถ้าก้อยจะขออีกสักตัวนะคะ คิ้วโก่งได้รูปเลิกขึ้นยิกๆ ลอยหน้าลอยตาใส่รัฐภาสที่กัดฟันจนมีเสียงดังกรอดๆ อย่างไม่กลัวเกรง
กล้าทำหวานใส่ผู้ชายคนอื่นต่อหน้าฉันหรือก้อย เดี๋ยวเถอะแม่เลขาตัวดี ฉันไม่ปล่อยให้เธอไปทำหน้าระรื่นกับผู้ชายคนอื่นนานนักหรอก’ “ลองกินนี่ซิไทนี่ เนื้อลูกแกะราดซอสเป็นสูตรเฉพาะของที่ร้านนี้เลยนะ รัฐภาสตักเนื้อลูกแกะวางบนช้อนของนันทิยาคะยั้นคะยอให้เธอนั้นยกขึ้นทาน และเพราะเขานั่งด้านนอกเพียงแค่ขยับเก้าอี้เล็กน้อยก็สามารถยื่นมือสอดไปใต้โต๊ะวางทาบบนปลีขากลมกลึงของรติกานต์ได้แม้จะไม่ถนัดเท่าไหร่แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
เจ้านายรวิกานต์ร้องเรียกเสียงลอดไรฟัน ถลึงตาใส่เขาก็หน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ สอดมือเล็กลงไปหยิกมือใหญ่แรงๆ จนอีกฝ่ายสะดุ้งแต่ไม่คิดที่จะถอยหนีแล้วยังลูบไล้เคลื่อนไปตามลำขาเสลาอย่างจาบจ้วงเป็นเจ้าของเสียอีก
จะทำอะไรหัดเกรงใจคนอื่นเขาบ้างซิ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ถอยแล้วยังจะเคลื่อนมือขึ้นมาจนถึงต้นขาอ่อนนุ่มแต่เธอกลับหาทางหนีไม่ได้ รวิกานต์ตัวสั่นด้วยความรู้สึกทางกายที่มันลุกเป็นไฟเร็วเหลือเกิน จะขยับกายหนีก็ไปไม่ได้เมื่อรัฐภาสนั่นกดแรงข่มไว้ จึงได้แต่นั่งฮึดฮัดขัดในใจ
เป็นอะไรนะก้อย
มดเจ้าชู้มันกัดเอานะไทนี่ รวิกานต์ส่งยิ้มให้เพื่อนแต่หันไปกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่รัฐภาสที่นั่งยิ้มหน้าตาเฉย คิดแล้วมันอยากจะเอาส้อมจิ้มเต็มแรงให้เหมือนกับที่ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่าสองทีสี่รูจริงๆ หนังมันหนาสงสัยว่าฉันคงจะต้องหาพวกปังตอคมๆ มาสะกิดนะมันถึงจะยอมไป ใช่ไหมคะเจ้านาย ท้ายสุดรวิกานต์หันไปถามรัฐภาส ปลายนิ้วหยิบเอาหนังหนาๆ ของมดเจ้าชู้ขึ้นมาเล็กน้อยและบิดเต็มๆ ทั้งที่วงหน้ายังคงเปื้อนยิ้ม
ให้ฉันช่วยดึงออกให้ไหมก้อย ภามถามอย่างรู้ทัน ถ้าเจอกันแบบธรรมดาในช่วงที่เขาไม่โกรธนันทิยา หนุ่มตรงหน้าก็ดูท่าจะนิสัยดีและเข้ากับเขาได้ดี แต่ในตอนนี้นะหรือต้องการเพียงอย่างเดียว กระทืบให้จมดิน โทษฐานที่กล้ามาทำหวานใส่นังบำเรอของเขา 
ช่วยหน่อยก็ดีคะพี่ภาม ไอ้มดร้ายๆ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไปเสียที ไม่รู้จะดื้อด้านไปถึงไหน
มันจะมากเกินไหมก้อย
ไหล่กว้างเลิกขึ้นสูง ไม่มากหรอกคะกับสิ่งที่เจ้านายทำกับก้อยนะ กลางวันคิดจะลากก้อยขึ้นเตียง แต่พอกลางคืนกลับมาอีอ๋อกับเพื่อนรักของก้อยนะ ผู้หญิงไม่ใช่ของเล่นคะเจ้านาย รวิกานต์ส่งยิ้มให้กับนันทิยาที่รู้ทัน สองร่างผุดลุกจากเก้าอี้พร้อมๆ กัน
รวิกานต์ยื่นมือไปคว้าเหยือกใส่น้ำซึ่งมีน้ำแข็งก้อนโตๆ และน้ำเย็นจัดราดลงไปบนศีรษะรัฐภาสเต็มๆ จำไว้นะคะเจ้านาย ผู้หญิงไม่ใช่ของเล่น และก้อยก็ไม่ใช่ของตายสำหรับเจ้านายด้วย หญิงสาวพูดเสียงลอดไรฟัน ดวงตากลมโตเป็นประกายดุและแข็งกร้าว อย่างรวดเร็วฝ่ามือเล็กก็ฝาดไปบนวงหน้าคร้ามแกร่งจนมีเสียงดังเพี๊ยะพร้อมกับวงหน้าคร้ามแกร่งที่หันไปอีกฝั่งเพราะแรงที่รวิกานต์ทุ่มลงไปเต็มๆ
นันทิยาไม่ปล่อยให้เพื่อนรักเป็นนางร้ายอยู่เพียงลำพัง ท่ามกลางเสียงวีดว๊ายของผู้คนที่ตกใจและหันมามองว่ามันเกิดอะไรขึ้นร่างโปร่งบางในชุดราตรีสั้นสีฟ้าน้ำทะเลยาวแค่เข่าก็ลุกออกจากเก้าอี้ที่นั่งพร้อมด้วยไวน์สีสวยเต็มแก้วมายุดยืนหน้าภามซึ่งยืนมองรัฐภาสอย่างสะใจ
นี่สำหรับพี่ภามคะ ราดน้ำสีสวยใส่หน้าภามไม่พอ นันทิยาส่งยิ้มให้ภามที่ต้องรีบยกมือขึ้นเช็ดหน้า ฝาดฝ่ามือเล็กๆ ไปบนวงหน้าแกร่งเต็มเหนี่ยวสองสามครั้งติดๆ จนภามถึงกับหน้าชา แต่ทว่านันทิยายังไม่คิดที่จะหยุดแค่นั้น ลงมือแล้วมันต้องหนักหน่วงและเหี้ยมโหด ไม่ให้ตั้งตัวได้เพราะไม่เช่นนั้นเธอนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ สองมือเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง
ขอให้มีความสุขนะคะพี่ภาม นันทิยาเอ่ยพูดเสียงหวานนุ่มแนบลำคอแกร่ง ยิ้มบนใบหน้าแต่ไม่ใช่แววตาที่มันมีแต่ความเจ็บปวด
ปึก!!!! เขามนกระแทกไปที่กล่องดวงใจของภามอย่างแม่นยำจนร่างหนาถึงกับตัวงอทรุดลงนั่งกองบนพื้น สีแดงสีเขียวจับบนวงหน้าคมคร้ามด้วยความเจ็บและจุกจากฤทธิ์เข่าของเธอ ไม่ได้เก่งหรอกนะ ต้องให้เครดิตชานนท์ที่คอยถามสอนให้รู้จักระมัดระวังตัวเองและสอนยุทธวิธีการเอาตัวรอดจากผู้ชายห่วยๆ ที่เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้จ้องจะลากขึ้นเตียงเพียงอย่างเดียว และภามก็สมควรที่จะโดนแบบนี้สักครั้ง จะได้รู้ว่าเธอไม่ใช่หมูให้เคี้ยวเล่นได้ง่ายๆ ตามแต่ใจต้องการแล้ว
นันทิยาสะบัดหน้าเดินไปหารวิกานต์พร้อมรอยยิ้มสะใจ และเดินจากไปไม่คิดจะเหลียวกลับมามองเลยว่าสองหนุ่มที่ถูกเธอสองคนทำร้ายนั้นจ้องตามด้วยสายตาวามวาวร้อนแรงเหมือนกับแสงพระอาทิตย์ที่จะเผาพลาญทุกอย่างให้มอดไหม้ไปในพริบตา

ปล...มีคนถามว่าตุ๊กตาที่จะให้นั้นทำเองหรือเปล่า 
ไม่คะ...ทำไม่เป็นจร้า สั่งให้น้องเขาทำให้เพื่องานนี้โดยเฉพาะเลยคะ จัดเพื่อนักอ่านของไรเตอร์ทุกๆ คนคะ เลยหวังว่ามันจะเป็นความรู้สึกดีๆ ระหว่างเรา
ไม่ได้ขอให้รักมากมาย เพียงแค่ขอพื้นที่เล็กๆ แค่ให้ผ่านสายตาหยิบหามาอ่าน ก่อนจะตัดสินใจ(พากลับไปบ้าน) แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนสร้างฝัน...อ้วนๆๆ
ไรเตอร์ไปงานหนังสือวันที่ 31 มีนาคมและ 1 เมษายนนะคะ เจอกันค่า
ปล.อีกนิด ตุ๊กตาที่จะให้กันมีจำกัดนะคะ น่าจะวันละ ไม่เกิน 30 ตัวกั๊บ เพราะน้องคนที่ทำนะ เขาทำให้ได้ไม่เยอะ
เขา...ชายหนุ่มโหด หื่น ห่าม ดิบและเถื่อน ปากเสียอีกตางหาก แล้วยังเป็นเสือยิ้มยาก
ส่วนเธอ...แม่นกน้อยวัยใส เจ้าเล่ห์แสนงอนนิดๆ ที่ดันไปถูกตาต้องใจนายเถื่อน
แค่เจอกันไม่ทันจะข้ามวัน เขาก็ปาวรานาตัวว่าจะ
ไม่ยอมปล่อยให้เธอหลุดรอดเงื้อมมือไปได้
แล้วเธอจะทำอย่างไรเมื่อทั้งหัวใจและร่างกาย
หลอมละลายเหมือนกับขี้ผึ้งถูกลนด้วยไฟไปเสียแล้ว
มันก็เลยต้องต่อต้านสุดฤทธิ์สุดเดช
เพื่อจะไม่ให้ตัวเองกลายเป็นเพียงแค่นางบำเรอบนเตียงผู้ชาย

1 ความคิดเห็น:

  1. ง่า บ้านอยุ่ภาคอิสานค่ะ ไม่ได้ไปงานหนังสือเลย เสียดาย อยากให้เค้ามาจัดที่ขอนแก่นบ้างจัง จะไปเหมาทุกปีเลย สนับสนุนรักการอ่านค่ะ อิอิ

    ตอบลบ