หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

ตอนที่ 10 ความทรงจำฉันมีเธอ


ตอนที่ 10
ความทรงจำฉันมีเธอ
ภามเงยหน้าจากทรวงอกอวบอิ่ม มองตอบดวงตากลมโตที่มันเปล่งประกายตัดพ้อและต่อว่าก่อนจะยิ้มให้ ปลายมือใหญ่ลูบไล้ใบหน้าเนียนนุ่มไม่สนใจว่าอีกฝ่ายแสดงท่าทางรังเกียจ ไล่ลงมาตามลำคอระหง เรื่อยลงไปตามลำแขนกลมกลึง สีข้างและวกกลับขึ้นมารอบครองเนินทรวงสล้าง ถูไถนิ้วมือกับปลายยอดที่แข็งตัวเป็นตุ่มไตนูนขึ้นมาอย่างน่ากลืนกิน
“อ๊ะ...” นันทิยาเผลอร้องออกมาเบาๆ ด้วยความวาบหวิว หน้าท้องแบนราบเรียบขมวดเป็นเกลียว ลำตัวกลมกลึงแอ่นโค้งฉับพลัน ไฟร้อนผ่าววิ่งวนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะรีบขบกัดฟันบนกลีบปากอวบอิ่มเอาไว้ไม่ให้เปล่งเสียงร้องออกไปได้
“หืม...” ภามร้องครางในลำคอ คลึงเคล้นปลายยอดทับทิมที่มันแข็งตัวตอบสนองเบาๆ หนักสลับแผ่วเบา “พูดผิดพูดใหม่ได้นะไทนี่ อีกอย่างฉันว่าเธอเข้าใจผิดแล้วละ”
“หมายความว่าไงคะ” นันทิยาไม่ค่อยจะเข้าใจในคำพูดของอีกฝ่าย
“ก็หมายความว่า...” สองมือใหญ่สอดเคลื่อนกระชับร่างโปร่งจนทรวงอกอวบอิ่มนูนเด่นขึ้นมาไหวกระเพื่อมตรงหน้า ปลายลิ้นสากระคายตวัดไล้หยอกล้อสลับดูดกลืนจนมีเสียงดัง ในขณะที่อีกมือก็เคลื่อนไหวบีบนวดบั้นท้ายกลมกลึง เรื่อยลงไปถึงลำคอเสลาวกกลับมาแทบชิดเกสรดอกไม้งามคลึงเคล้นเบาๆ ให้รู้ด้วยการการกระทำก่อนจะสำทับด้วยคำพูดอีกครั้ง
“ฉันจะเก็บเธอไว้บนเตียงฉันตลอดคืนนี้และคืนต่อๆ ไป เมื่อใดที่เธอและฉันว่า...เธอจะต้องยอมทอดกายให้ฉันเชยชมโดยไม่มีคำว่าปฏิเสธหลุดออกจากปาก เพราะถ้าหากว่าเธอทำให้ฉันโกรธละก็...” มือใหญ่เคลื่อนไหวสอดยกปลีน่องเรียวยาวให้โอบรอบสะโพกสอบ ให้สองกายที่ยังแนบชิดแนบชิดเข้าไปอีก
“อ๊ะ...เจ็บ” การเคลื่อนไหวไม่คิดถนอมนำพาความเจ็บปวดระคนสยิวซ่านให้กับนันทิยาได้ไม่น้อย
“ใช่...เธอจะเจ็บถ้ากล้าคิดขัดใจฉัน” ความจริงแล้วการมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรกนั้นเจ็บใช่ แต่ครั้งต่อไปมันจะคลายความเจ็บลงจนท้ายที่สุดก็จะไม่เจ็บ ยกเว้นว่าถูกข่มขืน แต่สำหรับนันทิยาขู่เอาไว้ก่อนเป็นดีที่สุด “แล้วตอนนี้ฉันก็อยากให้เธอทำให้ฉันสบายตัวที่สุดด้วยไทนี่” 
“เอ่อ...คือ...” ใช่...รู้ดีว่าถ้าขัดขืนก็เป็นตัวเธอเองนั่นแหละที่จะเจ็บโดยที่ภามไม่คิดที่จะสนใจอยู่แล้ว ดังนั้นทางที่ดีก็ควรที่จะทำให้ร่างกายตัวเองบอบช้ำน้อยที่สุด เผื่อวันพรุ่งนี้เธอทำอะไรลงไปจะได้มีแรงทำให้สำเร็จ “ไทนี่ยังเจ็บอยู่เลย ขอไทนี่พักสักนิดได้ไหมคะ” อาย...อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว แต่ก็ต้องกัดฟันทำ
“เจ็บมากไหม” นอกจากเขาจะหนักมือไปนิดส่วนสัดนั้นของเขามันก็อลังการด้วยแหละเลยทำให้นันทิยาเจ็บขนาดนี้ คิดแล้วก็อดที่จะสงสารขึ้นมานิดๆ ไม่ได้ ก็ดูซิเนื้อตัวแดงช้ำเป็นจ้ำๆ เพราะฝีมือเขาซะขนาดนี้
“คะ จะ...เจ็บมากคะ พี่ภามสงสารไทนี่สักนิดนะคะ ให้ไทนี่พักผ่อนก่อนแล้ว...” เมื่อก้มหน้าไม่ได้ คงจะทำได้เพียงแค่ยกหมอนขึ้นมาปิดหน้าที่มันร้อนผ่าวเหมือนยื่นหน้าไปอังไฟร้อนๆ “แล้วไทนี่จะทำตามที่พี่ภามต้องการ”
เสียงอ่อยๆ และเบาหวิวที่ดังมาแทบจะไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทหูของภามแต่ริมฝีปากอวบอิ่มที่แดงระเรื่อที่ขยับอยู่ต่างหากละทำให้เขาเข้าใจ “หืม...จะยอมถึงขนาดนั้นเชียวหรือไทนี่ แน่ใจ...” ถามย้ำอย่างไม่แน่นันทิยาจะยอมเขาโดยไม่อิดออดและไม่มีเงื่อนไข แต่เพียงแค่คิดเท่านั้นมันก็ทำให้เขาคิดถึงความสุขที่จะได้จนนัยน์ตาพราวระยับเป็นประกาย “ก็ได้...เดี๋ยวจะช่วยคลายเจ็บให้” ขยับเคลื่อนกายลุกขึ้นยืนโดยไม่คิดที่จะหาอะไรปกปิดเรือนกาย
“พี่ภาม!!” เช่นเดิมเป็นนันทิยาที่อับอายกับการกระทำของชายหนุ่ม แต่ก็ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร “ว้าย!!! ปะ...ปล่อยไทนี่นะคะพี่ภาม จะพาไทนี่ไปไหน” นันทิยาถามเสียงสั่นด้วยความตกใจกลัว...กลัวใจของภามจริงๆ ก็ชายหนุ่มอยากจะทำอะไรก็ทำไม่เคยคิดที่จะนึกถึงใจเธอเลยสักนิด
“ก็ช่วยให้เธอหายเจ็บไงไทนี่” ภามพูดน้ำเสียงนุ่มทุ้มกลั้วหัวเราะในลำคอเล็กๆ ก้มมองคนในอ้อมแขนตาพราวระยับ ร่างหน้าใหญ่ก้าวเพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องน้ำ มือใหญ่ยื่นไปเปิดน้ำใส่อ่าง Jacuzzi ให้สายน้ำวนในอ่างช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่มันเกร็งอยู่ให้คลายลงอย่างเร็ว ได้นวดอีกสักหน่อยอีกประเดี๋ยวมันก็ได้เรื่อง ราตรีนี้ยังอีกยาวนานให้เขาได้มีความสุขจนลืมไม่ลง
“พี่ภามจะทำอะไรคะ” ยังเอ่ยถามด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ เท้าเรียวก้าวถอยไปด้านหลัง สองมือยกขึ้นปิดบังสัดส่วนเนินกายที่มันถูกอีกฝ่ายจ้องจนตาวาวด้วยความอายจนคิดว่าเรือนกายแดงเป็นกุ้งถูกต้มสุข
ภามไม่ตอบแต่กลับยกเท้าก้าวขึ้นไปในอ่างและนั่งลงชันเข่าขึ้นแยกกว้างเล็กน้อย ยื่นมือใหญ่ไปหานันทิยา วงหน้าคร้ามแกร่งไม่แข็งขืนเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดเหมือนคราแรกและมีรอยยิ้มแพรวพราวเต็มไปด้วยเสน่ห์จนนันทิยาใจสั่น อยากได้รอยยิ้มแบบนี้จากชายหนุ่มมานมากแล้ว แม้จะอายจนต้องหลบหน้าแต่มือเล็กก็ยื่นออกไปวางทับบนมือใหญ่และก้าวลงในอ่างตามชายหนุ่มไปด้วยขาที่มันสั่นเทารีบย่อตัวลงจนทรวงอกอวบลอยปริ่มน้ำ
“หันหลังแล้วเดินมาหาฉันซิไทนี่ ภามเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระเส่าเซ็กซี่ยั่วใจ
นันทิยาทำตามอย่างว่าง่ายด้วยท่าทีเอียงอาย พวงแก้มอิ่มเต็มแดงปลั่ง แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยประกายตาสดใสแจ่มจรัสเหมือนกับมีดวงดาวนับสิบนับร้อยมาสาดส่อง “อุ้ย!! พี่ภาม”
“หืม... ภามรับคำเสียงแหบพร่า สองมือใหญ่เคลื่อนไล้ลูบไปตามผิวกายเนียนนุ่มจากลำคอระหง แผ่นหลังเนียนนุ่ม สีข้างไปด้านหน้าเคลื่อนจากหน้าท้องแบนราบเรียบตรงเข้าหาเนินทรวงสล้าง ค่อยๆ ครอบครองปทุมอวบอิ่มเต่งอย่างนุ่มนวลเคล้นคลึงเบาๆ ริมฝีปากหนาทาบทับต้นคอระหง เคลื่อนไหวเหมือนกับผีเสื้อโบยบินเสาะหาอาหาร “พี่จะทำให้เธอมีความสุขจนลืมไม่ลงทีเดียวไทนี่”
“คะ” นันทิยารับคำเสียงหวานแหบพร่า ปล่อยตัวปล่อยใจให้ภามนำทางเธอไปเก็บดวงดาวบนฟ้ามาใส่ในกล่องแห่งความทรงจำที่ดีและงดงาม เก็บเอาความทรงจำของการได้อยู่ในอ้อมแขนของคนที่รักไว้ตลอดนับตั้งแต่เวลานี้ นาทีนี้เป็นต้นไปเพราะเมื่อถึงวันพรุ่งนี้เธอไม่มีหน้าจะไปสู้ใครได้และไม่กล้าสู้หน้าภามด้วย สองมือเล็กทาบไปบนมือใหญ่
“ไทนี่จะทำให้พี่ภามมีความสุขอย่างที่พี่ภามต้องการคะ” นันทิยาเอียงหน้าไปรับจุมพิตหวานแผดร้อนจากปากหนา ปล่อยตัวเองลอยละล่องไปในเพลิงพิศวาสอย่างไม่หวงเนื้อหวงตัว ให้ภามร้อนเป็นเพลิงไฟและจดจำคืนที่มีเธอร่วมเตียงตลอดไป

“ขอบคุณคะเจ้านาย” เพียงแค่รถเลี้ยวเข้ายังไม่ทันจะได้จอดที่หน้าประตูรั้วรวิกานต์ก็เอ่ยขึ้นทันทีด้วยวงหน้าหงิกงองุ้ม ดวงตากลมโตตวัดค้อนส่งให้เจ้านายผู้แสนจะเอาแต่ใจเป็นระยะ ริมฝีปากอวบอิ่มขมุบขมิบ มือเล็กปลดเข็มขัดออกพร้อมกับยื่นมือไปเตรียมเปิดประตูบ้าน คิดว่าพอรถหยุดจอดสนิทก็จะก้าวลงไปทันที แต่กลับต้องทำหน้าเหวอหันกลับไปมองรัฐภาสตาโตเกือบจะเท่าไข่ห่าน
“ขอกุญแจบ้านด้วยก้อย”
“คะ” รวิกานต์ตอบกลับเสียงสูง ศีรษะทุยส่ายแรงๆ สองมือกำกระเป๋าไว้แน่น เมื่อคิดได้ว่ารัฐภาสกำลังจะเข้าไปก่อกวนปั่นป่วนเธอในบ้านอีกระรอก แค่ตื่นเช้ามาก็มีอีกฝ่ายมานั่งรอกินกาแฟในบ้าน นั่งรถไปทำงานคันเดียวกัน อยู่ในห้องทำงานตลอดทั้งวัน ไม่รับรวมถึงต้องนั่งรับประทานอาหารเที่ยงและเย็นแล้วกลับบ้านก็รถคันเดียวกัน นี่ถ้าหากว่าอีกฝ่ายย้ายตัวเองมานอนในบ้านและนอนเตียงเดียวกันก็เป็นสามีเธอดีๆ นี่เอง
“ขอกุญแจบ้านด้วยก้อย” รวิภาสขอเสียงนุ่มทุ้ม นัยน์ตาคมกริบแพรวพราวระยับมีเลศนัย แล้วก็คิดได้ว่าหญิงสาวคงจะไม่ทำตามคำสั่งเขาง่ายๆ เลยเลือกที่จะยื่นมือไปดึงเอากระเป๋าจากมือเล็กมาควานหากุญแจบ้านของสาวเจ้าเสียเอง
“ไม่นะเจ้านาย ปล่อยนะคนบ้า!!
รวิกานต์หวีดร้องเสียงดังลั่นสองมือยกกระเป๋าหนีอย่างสุดแรง แต่สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้ให้กับอีตาเจ้านายบ้าอำนาจ ที่เอะอะก็มาทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอหวั่นไหวแล้วไม่เคยรับผิดชอบ วงหน้าขาวสวยแดงปลั่งงองุ้มอย่างกับจวักตักแกงส่งค้อนให้รัฐภาสขวับๆ ที่ไม่คิดจะสนใจมองด้วยซ้ำไป
ร่างหนาใหญ่สูงชะลูดราวกับเสาไฟฟ้าก้าวลงไปจากรถ ปิดและล็อกเรียบร้อยจนคนที่พยายามจะเปิดประตูรถออกมาถึงกับหน้าหงิกงอยิ่งกว่าจวักตักแกงอีกครั้ง พ่นคำเจริญพรให้ยาวเป็นชุดด้วยความหงุดหงิด แต่เมื่อชายหนุ่มก้าวกลับขึ้นมาบนรถใหม่ก็หุบเงียบทันควัน เพราะกลัวจะถูกอีกฝ่ายหาเรื่องลงทัณฑ์ให้ตัวอ่อนระทวยเหมือนขี้ผึ้งถูกลนด้วยไฟ
“มีอะไรหรือก้อย” แกล้งถามอย่างคนไม่ทุกข์ไม่ร้อนทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรก็มันแสดงออกมาทางสายตาที่ส่องกระทบแสงไฟซึ่งมีน้อยนิดบริเวณนี้บอกได้ดี
“เปล่า” รวิกานต์ตอบกลับเสียงแหลมเล็กสูงลิ่ว วงหน้างองุ้มเชิดขึ้นสูงและหันไปอีกฝั่งที่ไม่ทีหน้ายิ้มของคนที่มันชอบเข้ามาวิ่งเล่นก่อกวนในหัวใจ
“แล้วเห็นทำหน้าตาบึ้งตึงราวกับว่าไปโกรธใครมาสักสิบชาติอย่างนั้นแหละ” เปรยเสียงนุ่มกลั้วหัวเราะในลำคอ นำพารถเข้าไปจอดในบ้านหลังกะทัดรัด เล็กแต่ร่มรื่นน่าอยู่ด้วยต้นไม้ใบหญ้าเล็กใหญ่ที่ตัวเจ้าของบ้านปลูกเอาไว้ กลางวันก็เย็นจนแทบจะไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศด้วย ยิ่งกลางคืนแบบนี้ไม่จำเป็นเลย
ชิ...ตาเจ้านายบ้า ถามยังกับไม่รู้ว่าก้อยโกรธใคร
จมูกโด่งได้รูปยู่ย่น ดวงตากลมโตใต้กรอบแว่นสีดำคันใหญ่พยายามทำให้มันดุ แต่สุดท้ายก็เป็นได้เพียงแค่พอดุ รีบก้าวลงจากรถด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียดบึ้งตึงและยังต้องรอให้อีกฝ่ายล็อกรถเสร็จเพื่อจะได้ยื่นมือไปขอรับกุญแจแต่ก็เหมือนกับยื่นเนื้อเข้าปากเสือ รัฐภาสคว้าแขนเล็กดึงเข้าหาตัวสอดแขนใหญ่ระหว่างลำตัวกลมกลึงพาเดินไปไขประตูบ้านและเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาตัวนุ่มราวกับเป็นเจ้าของบ้านเสียเองอย่างนั้นแหละ
“หิว มีอะไรให้กินบ้างละก้อย” สองมือใหญ่ยกขึ้นสอดจับกันไว้รองใต้ฐานศีรษะ เท้าแข็งแกร่งทาบทับกันยกขึ้นวางบนโต๊ะ เอนตัวจนแผ่นหลังแนบชิดติดเบาะนุ่มๆ
“ถ้าหิวทำไมเจ้านายถึงไม่กินที่ร้านละ ตามก้อยกลับมาที่บ้านทำไม” รวิกานต์ถามกลับและไม่คิดที่จะหาอะไรให้อีกฝ่ายทาน “อีกอย่างถ้าหิวก็กลับไปหากินเองที่บ้านซิ บ้านก้อยไม่ใช่มูลนิธิที่จะมีให้เจ้านายกินหรอกนะ” พูดแบบตัดเยื่อใยไปเลย
“ไม่มีใครทำอร่อยเหมือนก้อยนี่น่า” รัฐภาตอบกลับสีหน้ายิ้มๆ ไม่เชื่อสักนิดเดียวว่าบ้านหลังนี้จะไม่มีอาหารติดตู้เย็นด้วยรวิกานต์เป็นคนชอบทำอาหาร เวลาที่เธอไปจับจ่ายซื้ออาหารเข้าบ้านจะยิ้มอย่างมีความสุข แล้วเขาก็เคยเห็นว่าในตู้เย็นของหญิงสาวไม่เคยที่จะขาดของที่นำมาประกอบอาหารเลย
รวิกานต์เซ็งสุดขีดเมื่อคนหน้าหนาไม่มีทีท่าว่าจะสนใจคำพูดของเธอกลับยิ้มอย่างเฉยเมยซะงั้น วงหน้าสวยเบะเล็กน้อย อยากกินใช่ไหมละเดี๋ยวทำให้ก็ได้ ดูซิจะทนกินได้ไหม “ก็ได้...งั้นเจ้านายก็อย่าบ่นละกัน เพราะเจ้านายใช้งานก้อยหนักจนไม่มีเวลาไปซื้อกับข้าวมาใส่ตู้เย็นเลยมีแต่มาม่า จะกินไหมละคะมาม่านะ”
“อะไรก็ได้ฝีมือก้อย ผมกินทั้งนั้น”
ได้เลยค่าคุณเจ้านาย เดี๋ยวจะทำให้เผ็ดจนปากแดงหูแดงเลยคอยดูซิรวิกานต์คิดอย่างมาดมั่น ด้วยรู้ดีว่ารัฐภาสนั้นแพ้อาหารเผ็ดทุกชนิด ขนาดส้มตำก็ยังใส่พริกแค่เม็ดสองเม็ดเหมือนกับเด็กๆ อยู่เลย หญิงสาวรีบซ่อนหน้ารีบหันหน้ามุ่งไปที่ห้องครัวแต่ก็ต้องหยุดกึกเมื่อเสียงนุ่มทุ้มดังมาให้ต้องหงุดหงิดใจอีกระรอก
“ถ้าทำแล้วผมกินไม่ได้ระวังจะถูกผมกินเป็นอาหารแทนนะก้อย” รัฐภาสตะโกนไล่หลังบางไปด้วยรู้ดีว่ารวิกานต์นะแสบใช่เล่นเหมือนกัน ว่าแล้วแทนที่เขาจะนอนรอสู้ลุกไปช่วยอีกฝ่ายดีกว่าจะได้หากำไรเล็กน้อยๆ ด้วย

“น้องรสครับ...น้องรสจะไม่เปลี่ยนใจใช่ไหมคนดี” ชานนท์ถามเสียงนุ่มทุ้ม ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนแขนข้างหนึ่ง ปลายนิ้วยาวเรียวยกขึ้นลูบไล้วงหน้ารูปไข่ที่แดงปลั่งด้วยความกระดากและอาย แต่ประกายในดวงตากลับสดในระยิบระยับเหมือนกับลูกแก้วยาวที่มันสะท้อนแสงไฟ ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้จากดวงตากลมโต พวงแก้มนิ่มและหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่ม กดย้ำลงไปเบาๆ หวังว่าจะได้ยินคำตอบที่ทำให้หัวใจพองโต
มือเล็กยกขึ้นทาบทับบนมือใหญ่ ยิ้มหวานส่งให้ก่อนริมฝีปากจะขบกัดปลายนิ้วยาวใหญ่ “ไม่คะ น้องรสไม่เปลี่ยนใจ น้องรสรักพี่นนท์”
สิ้นคำบอกรักรสรินที่ทำเอาใจชายหนุ่มซึ่งพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วที่จะตัดเธอออกไปจากใจ แต่ไม่เคยที่จะทำได้ เมื่อไหร่ที่หญิงสาวโทรมา แม้จะบอกว่าไม่ว่าง เดี๋ยวค่อยโทรกลับและยื่นให้พี่สาวคุย ส่วนตัวเองนั้นคอยฟังเสียงหวานๆ ให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ เป็นกำลังใจให้เขาสู้ฝ่าฝันกับอุปสรรคและปัญหานานัปการที่มันก้าวเข้ามาทดสอบความแข็งแกร่ง มั่นคงและความสามารถก็ทาบทับริมฝีปากลงไปบนกลีบปากอวบอิ่มแผ่วเบาและนุ่มนวล
“พี่รักน้องรสนะครับคนดี” ริมฝีปากหนาร้อนขบกัดไปบนกลีบปากบนและล่าง มือใหญ่เคลื่อนไหวไปตามเรือนกายกลมกลึงนุ่มนิ่ม แทบจะไม่ต้องสอดฝ่ามือร้อนระอุเข้าไปใต้ตัวผ้าเพราะสาบเสื้อซีทรูแยกออกจากกันเรียบร้อยแล้ว มือใหญ่คลึงไคล้ไล้วนบนหน้าท้องแบนราบเรียบเคลื่อนตัวลงไปด้านล่างลากไล้ตามขอบกางเกงชั้นในสีเดียวกับตัวผ้า
“อืม...” เป็นสุขอย่างนี้เองการได้อยู่ในอ้อมกอดของคนที่รัก รสรินคิดด้วยหัวใจอบอวนอิ่มเต็มไปความสุขที่มันโอบล้อมรอบเรือนกาย สะโพกงามงอนลอยขึ้นจากพื้นตามติดมือใหญ่ที่มันเคลื่อนลงไปขยำนวดปลีน่องกลมกลึงก่อนจะเคลื่อนกลับขึ้นไปบีบนวดบั้นท้ายหนั่นแน่น สีข้างก่อนจะครอบครองทรวงอกอวบอิ่มซึ่งไหวกระเพื่อมตามอัตราการหายใจแรงและเร็ว
ดวงตากลมโตหลับพริ้ม เผยแย้มริมฝีปากอวบอิ่มให้ปลายลิ้นสากระคายสอดแทรกเข้าไปเที่ยวท่องตามไรฟันสีขาวเหมือนกับไข่มุก กระพุ้งแก้มนุ่ม เกี่ยวกระหวัดพัวพันกับลิ้นเล็กๆ ดูดดุดเรื่อยไปถึงโคนลิ้นทำให้รสรินถึงกับสั่นสะท้านไหวด้วยความวาบหวิวสยิวซ่าน มือเล็กเคลื่อนไหวตามเรือนกายใหญ่เต็มแน่นตึงไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ อย่างคนที่มีซิกแพ็กให้หัวใจสาวน้อยสาวใหญ่ละลายเหมือนกับน้ำแข็งยามที่เห็น
จุมพิตร้อนผ่าวเคลื่อนไปทั่ววงหน้าเนียนนุ่มเรื่อยลงไปถึงลำคอระหง ปลายลิ้นสากระคายตวัดไล้เลียผิดกายนุ่มแผ่วเบาๆ ริมฝีปากหนาร้อนขบกัดพร้อมไล้ปลายนิ้วร้อนผ่าวเกี่ยวเอาสายเสื้อให้เคลื่อนตัวหลุดจากลาดไหล่กว้าง
ชานนท์ผงกศีรษะส่งยิ้มให้รสรินที่ตอนนี้ความกล้าเหือดหายเหลือเพียงความอายจนแดงปลั่งไปทั้งวงหน้าและลำตัวยิ่งทำให้น่ากินเป็นที่สุด ปลายนิ้วยาวร้อนไล้วนเหนือเนินทรวงอวบอิ่มตามขอบเสื้อชั้นในผ้าลูกไม้สีดำสนิทตัดกับผิวเนื้อสีขาวละเอียดลออ
“คืนนี้พี่นนท์จะทำอย่างนี้...” ริมฝีปากหนาร้อนทาบทับลงไปตามขอบเสื้อชั้นผ้าลูกไม้สีดำ ตวัดลากไล้ปลายลิ้นจนทั้งผิวเนื้อและตัวผ้าเปียกชื้น ปลายนิ้วสอดแทรกล้วงล้ำเข้าไปหยอกล้อกับเม็ดทับทิมนุ่มจนแข็งตัวเป็นไตอย่างเร็วไว จุมพิตร้อนผ่าวเคลื่อนตามติดไปจนถึงปลายยอดทรวงนุ่ม “พี่นนท์จะจูบน้องรสไปทั่วตัว ไม่ให้มีที่ไหนที่พี่นนท์จะไม่ได้แตะต้องน้องรส”
เพียงแค่คิดตามเท่านั้นเพลิงไฟปรารถนาแล่นพล่านไปตามกระแสเลือด วาบหวิวปั่นป่วนเหมือนกับน้ำที่มันถูกต้มจนเดือดแล้วถ้าชานนท์ทำตามที่พูดรสรินไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นอย่างไรบ้าง ลำตัวกลมกลึงแอ่นโค้งจนแผ่นหลังไม่ติดเตียงนอนนุ่มเมื่อฝ่ามือใหญ่ครอบครองฟอนเฟ้นทรวงสล้างพร้อมกับริมฝีปากหนาร้อนที่อ้างับกัดกลืนกินปลายยอดถันที่มันชูชันดันผ้าลูกไม้
“พี่นนท์ขา...ปราณีน้องรสบ้างนะคะ” รสรินเว้าวอนเสียงหวาน มือเล็กลากไล้โอบรอบกายใหญ่อย่างคนไม่ประสาแต่มันสร้างความร้อนรุ่มให้กับชานนท์ถึงกับเปล่งเสียงคำรามออกมาน้อยๆ
“ได้ซิจะ...พี่นนท์จะปราณีให้น้องรสกลายเป็นอาหารหวานที่พี่นนท์จะกินทั้งคืนเลยจะคนดี”
ปากหนาขยับเคลื่อนไปกลืนกินปทุมถันอีกข้างอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน ปลายมือใหญ่ข้างที่ว่างเริ่มต้นนำทางไปหาบางส่วนของเรือนกายสาวที่เขาอยากจะรู้นักว่ามันจะตอบสนองเขาอย่างไรบ้าง ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าวเหมือนกับถ่านติดไฟคลึงเคล้นหน้าท้องแบนราบเรียบ สอดแทรกเข้าไปในสายชั้นในตัวเองหยอกเย้าเส้นไหมนุ่ม กายใหญ่ขยับเคลื่อนแทรกระหว่างสองขาเรียว ปลายนิ้วเคลื่อนไหวแผ่วเบาเหมือนกับสายลมที่มันกำลังพัดแผ่วพลิ้วมาแตะต้องสองกาย
“อ๊ะ...พะ...พี่นนท์ขา...” เพียงความร้อนผ่าวสัมผัสถูกตรงเนินเนื้อบอบบางก็เหมือนกับมีไฟร้อนผ่าวแล่นผ่านศีรษะจรดปาลายเท้า เรือนกายโปร่งกลมกลึงสั่นระริก “น้องรส...น้องรส...” มันทำเอาเธอถึงกับพูดไม่ออกเมื่อความวาบหวิวรัญจวนใจโอบรอบเรือนกาย
“จ๋า...น้องรสต้องการอะไรจะ” ชานนท์ขารับเสียงหวาน สอดแทรกปลายนิ้วผ่านกลีบดอกไม้ที่มันยังไม่ผลิบานเข้าไปจับต้องคลึงเคล้นเกสรที่มันหลบซ่อนอยู่ ในขณะที่ริมฝีปากก็ไม่ยอมละจากการกลืนกินสองยอดทรวงหวาน ตวัดไล้เลียเบาสลับแรง เนิบนาบ ถี่ยิบ
อ๊าย...จะบอกได้ไงละว่าเธอ...รสรินอายจนพูดไม่ออกมันสยิวซ่านไปถึงทรวง ท้องน้อยแบนราบเรียบขมวดเป็นเกลียว สองขาถูไถกับพื้นเตียง สองมือจิกลากบนแผ่นหลับแข็งแกร่งเต็มแรงจนชานนท์ถึงกับสะดุ้งด้วยความแสบ โอบเคลื่อนสอดแทรกปลายนิ้วเล็กๆ ไปพัวพันจิกทึ้งดึงกดศีรษะทุยให้แนบชิดทรวงอวบอิ่มยิ่งขึ้น
อา...ชานนท์เองก็ร้อนผ่าวเหมือนกับว่าตัวเขาเองไปได้ไปยืนอยู่ที่ปากปล่องภูเขาไฟเดือนระอุ แก่นกายชายร้อนระอุขยายตัวดุดดันผ้าขนหนูที่ปมค่อยๆ คลายออกจนหลุดจากกายไปในที่สุด
“อุ๊ย!!!” รสรินร้องเบาๆ ดวงตากลมโตเบิกกว้างกับบางสิ่งบางอย่างที่ร้อนผ่าวแนบชิดและเคลื่อนไหวอยู่บริเวณต้นขาอ่อน
“อะไรจ๊ะน้องรส” ชานนท์ถามเสียงกลั้วหัวเราะ รู้ทั้งรู้ว่ารสรินตกใจอะไร แต่ก็ยังอยากได้ยินจากปากอีกฝ่าย ปลายมือใหญ่เคลื่อนออกไปบีบนวดบั้นท้ายกลมมน ให้กายใหญ่ทาบทับกลีบกายสาวที่จะไม่สามารถสปาร์กติดได้ในตอนนี้ด้วยยังมีสิ่งขวางกั้นอยู่ถึงสองชั้นนั่นคือกางเกงชั้นในตัวบางเบาที่จะใส่หรือไม่ใส่มันก็ค่าเท่ากันกับพรมจารีของรสรินที่เขาจะต้องกำจัดออกไปอย่างนุ่มนวลให้เธอนั้นเจ็บน้อยที่สุดกับการต้องสิ่งล้ำค่านี้ให้แก่เขา
“พี่นนท์นะ แกล้งน้องรสหรือคะ” มือเล็กทุบไหล่กว้างเบาๆ
“เปล่านะครับ ก็พี่เห็นน้องรสตกใจ พี่ก็นึกว่าน้องรสกลัวนี่ครับคนดี” ชานนท์เอ่ยพูดเสียงนุ่มทุ้ม ฝ่ามือใหญ่ลากไล้สีข้างนุ่มละมุนสอดเคลื่อนไปด้านหลังและปลดตะขอเสื้อชั้นพร้อมดึงเสื้อที่เขายังให้มันค้างอยู่บนกายสาวออกโยนทิ้งไปอย่างไม่สนใจเลยว่ามันจะไปตกที่ไหน ก็มันเกะกะกีดขวางไม่ให้เขาได้เห็นและสัมผัสรสรินอย่างถึงที่สุดนี่น่า
ทรวงอวบอิ่มสปริงตัวขึ้นไหวระริกตรงหน้าคม ปลายยอดทรวงสีชมพูเข้มนูนโดดเด่น “น้องรสจ๋า...อกน้องรสสวยที่สุดเลยจ๊ะคนดี” ชายหนุ่มเอ่ยพูดเหมือนกับคนถูกมนตร์สะกดก็ไม่ปาน ปลายลิ้นสากระคายตวัดลากไล้ริมฝีปาก สองมือใหญ่กอบกวาดให้สองทรวงอวบที่มันใหญ่พอจะให้เขาขยับมาแนบชิด...ปลายยอดทรวงสองเม็ดเทียบเคียงคู่กัน ดวงตาคมกริบเหลือบมองแม่สาวจอมยั่วเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มมีเสน่ห์
“พี่ขอนะจ๊ะน้องรส...”
รสรินเอียงอาย แพขนตายาวงอนกระพริบปริบๆ “คะ” ก่อนจะตอบรับคำขอชานนท์ด้วยเสียงเล็กหวานใสเหมือนกับนกแก้วและเซ็กซี่เรียกร้องให้ชายหนุ่มรีบทำอย่างต้องการในเร็วไว “น้องรสให้พี่นนท์หมดทั้งตัวและหัวใจคะ อ๊ะ...พี่นนท์...”
คำพูดยังไม่ทันจะขาดปากดีรสรินก็ร้องครางเสียงแหบพร่าจนสุดเสียง ลำตัวกลมกลึงแอ่นโค้งจนแผ่นหลังไม่ติดพื้นเตียง เมื่อสองปลายยอดถันทั้งสองข้างถูกกลืนกินหายไปในปากหนาพร้อมกัน ไหนจะความร้อนจากกายใหญ่ที่มันคลึงเคล้นเสียดสีกับส่วนล่างของร่างกายให้ต้องขยับสะโพกส่ายรับด้วยความวาบหวิวปั่นป่วน
ชานนท์ตวัดไล้ปลายลิ้นไล้วนดูดดื่มตักตวงความหวานจากปลายยอดถันนุ่มหวานอย่างตะกรุมตะกราม บดเบียดท่อนเนื้อร้อนระอุกับความนุ่มนิ่มของกลีบดอกไม้ เสียงคำรามดังลั่นลำคอแข็งแกร่ง นี่เพียงแค่ทรวงอวบอิ่มเท่านั้นนะยังหวานนุ่มลิ้นถึงเพียงนี้ ไม่อยากคิดถึงกุหลาบดอกน้อยเลยว่ามันจะหวานขนาดไหน และอย่างไม่คิดจะทนชานนท์ยอมปล่อยมือจากสองปทุมถันอวบอิ่ม ขบกัดไล้จุมพิตลงไปตามหน้าท้องแบนราบเรียบไร้ไขมันส่วนเกิน หยอกเย้ากับช่องเล็กๆ ตรงกลางก่อนจะเคลื่อนเลาะเล็มผิวเนื้อเนียนนุ่มเหมือนกับใยไหมทีละนิด
“พี่นนท์ขา...” อยากจะห้ามว่าอย่าทำอย่างที่เธอกำลังคิดอยู่ แต่ทว่ามือใหญ่ที่มันยังฟ้อนเฟ้นเคล้นคลึงอกอวบเคลื่อนตัวขึ้นไปกดคลึงปลายยอดที่มันแข็งตัวเป็นไตก็ทำให้คำห้ามหายกลับเข้าไปในลำคอเหลือเพียงเสียงร้องแหบพร่าและหวานนุ่มแทน
สองมือใหญ่ละจากอกอวบอิ่มเคลื่อนตัวลงมาสมทบกับริมฝีปากหนาร้อน จับรั้งปลีน่องเรียวยาวงอขึ้นตั้งฉากกับพื้นเตียงและแยกมันออกจนกว้างพอให้กายหนาใหญ่เข้าไปพำนัก ด้วยเพราะชุดนอนซีทรูมีส่วนประกอบเป็นกางเกงชั้นในที่เรียกว่าจีสตริงที่มีแต่สายกับตัวผ้าลูกไม้ผืนเล็กนิดเดียวชานนท์จึงเลือกที่จะปลุกปั่นอารมณ์รสรินให้กระเจิดกระเจิงโดยไม่ยอมกำจัดผ้าชิ้นนี้ออกไปก่อน
ริมฝีปากหนาร้อนทาบทับบนกลีบกายสาวผ่านผ้าลูกไม้สีดำสนิท แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังได้ยินเสียงหวีดร้องเล็กๆ ที่ดังมาจากริมฝีปากอวบอิ่มพร้อมกับสะโพกกลมกลึงที่ขยับเคลื่อนหนี แต่มีหรือที่เขาจะยอมให้หญิงสาวทำอย่างนั้น สองมือใหญ่เคลื่อนไปจับตรึงบั้นท้ายงามงอนพร้อมทาบริมฝีปากขบกัดสลับปลายลิ้นป่ายปัดบางสอดแทรกผ่านไปสัมผัสกลีบกายนุ่มหอมกรุ่นจากทางด้านข้างทั้งสองฝั่งจนผ้าลูกไม้เปียกชื้น
“อืม...” รสรินครางเสียงพร่า สองมือเล็กจิกทึ้งดึงผ้าปูเตียงจนยับย่น แต่มันก็ยังระบายความสยิวซ่านของลูกไฟน้อยที่มันวิ่งไหลวนอยู่ในท้องน้อยไม่ได้ ศีรษะทุยสะบัดส่ายแรงๆ จนเส้นผมกระจาย ก่อนสองเมือเล็กจะเคลื่อนไปหาตัวการ ตอนแรกกว่าจะดึงศีรษะทุยนั้นให้ห่างแต่กลับกลายเป็นว่าเธอกดรั้งให้มันแนบชิดกายยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ชานนท์ยิ้มหวานเยิ้ม สองมือช้อนสะโพกอวบเกี่ยวรูดจีสตริงตัวเล็กรูดลงไปตามลำขาเรียวยาวพร้อมทาบจุมพิตเคลื่อนตามติดไป ขบกัดไล้วนปลายลิ้นกับข้อพับ ปลีน่องขาวเนียนนุ่ม ชายหนุ่มทำอย่างที่พูดไว้ ทาบจุมพิตร้อนผ่าวทุกส่วนของกายสาวจนรสรินถึงกับร้องครางเสียงดังลั่นด้วยความรัญจวนใจ
“น้องรสจ๋า” ปลายนิ้วยาวร้อนเปิดแยกกลีบดอกไม้ที่มันปิดสนิทให้ผลิบานอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมกริบลุกวาวกับความสวยงามของดอกไม้น้อยที่เขาได้ยลโฉมและเป็นเจ้าของคนแรกและคนเดียว 
“ขาพี่นนท์”
“พี่ขอทุกอย่างในตัวน้องรสนะจ๊ะคนดี”
คำพูดหวานๆ ที่ชานนท์มองให้ทำให้หัวใจรสรินเต็มตื้นไปด้วยความสุข “ค่ะพี่นนท์ น้องรสให้พี่นนท์หมดเลยทั้งตัวและหัวใจค่ะ” รสรินตอบกลับเสียงนุ่มหวานไม่แพ้หัวใจที่มันอบอวนไปด้วยความสุข ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องคราญคราง
ชานนท์ตวัดปลายลิ้นปาดไล้มุกมณีอ่อนไหวอย่างนุ่มนวล ขบกัดด้วยริมฝีปากร้อนผ่าว สอดแทรกปลายลิ้นร้อนระอุหายไปในช่องทางอุ่นชื้นและคับแน่นอย่างชำนิชำนาญ...
โอ...น้องรสจ๋า ที่รักของพี่นนท์ ทั้งคับทั้งแน่นและหวานนุ่มมากเลยคนดี หัวสมองหมุนคว้างกับดอกไม้งามที่ผลิบานในอุ้งมือ มันเหมือนกับเขาพานพบสวรรค์ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับรสรินเลย ชายหนุ่มเพิ่มแรงในการแตะต้องกลีบกายสาว ชอนไชแทรกลึกดำดิ่งไปในใจกลางกายจนแม่น้องน้อยตัวสั่นระริกเหมือนกับกิ่งไผ่ที่มันไหวลู่ไปตามกระแสลมพายุแรง
หน้าท้องแบนราบเรียบขมวดเกลียวเหมือนกับท้องทะเลที่กำลังบ้าคลั่งสาดซัดปลายน้ำเข้าหาฝั่ง หนาวสะท้านเหมือนกับไปแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำเย็นฉ่ำสลับร้อนผ่าวเหมือนกับตกลงไปในปล่องภูเขาไฟ ผนังเนื้ออ่อนนุ่มบีบรัดรอบความร้อนผ่าวถี่รัวเร็ว ก่อนระเบิดตัวแตกกระจายเหมือนกับพลุไฟที่ถูกยิงจากพื้นขึ้นฟ้า ขับสายธาราร้อนผ่าวออกมาหายเข้าไปในปากหนาของคนที่รอรับอยู่ก่อนแล้ว
ระเบิดอารมณ์ให้กับรสรินไปแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ยังรู้ดีว่ากุหลาบดอกน้อยจะยังต้องเจ็บกับแก่นกายระอุร้อนที่มันใหญ่โตเกินขนาดทั่วไป ชานนท์อดทนข่มกลั้นความต้องการของตัวเองไว้อีกนิดไม่ยอมที่จะกดฝังตัวเป็นกายเดียวกับรสรินง่ายๆ ปลายลิ้นสากร้อนและริมฝีปากหนายังคงทำหน้าที่ปลุกปั่นอารมณ์สาวน้อยให้หลงระเริงในเปลวไฟแห่งปรารถนาที่มิอาจจะดับลงได้ถ้าเขาและเธอไม่ผสานกายเป็นหนึ่งเดียวกัน
“พี่นนท์ขา...ได้โปรด...ช่วยน้องรสด้วย” รสรินทานทนกับความเพลิงไฟที่มันลุกท่วมเรือนกายไม่ได้แล้ว สองมือไขว่คว้ากายใหญ่ดึงรั้งให้เขามากอดมอบความอบอุ่นให้เธอเสียที
“ได้ซิจ๊ะน้องรส” ตอบรับเสียงนุ่มทุ้ม ประพรมจุมพิตเคลื่อนขึ้นไปพร้อมทามทับกายใหญ่บนกายกลมกลึงอย่างแนบชิดทุกสัดส่วน แต่ก่อนที่เขาจะทำตามที่รสรินต้องการ “น้องรสจ๋า...”
“ขาพี่นนท์...” ดวงตากลมกโตเป็นประกายเหมือนกับดวงดาวนับสิบเป็นส่วนประกอบอยู่ภายใน
“พี่นนท์อยากให้น้องรสทำความรู้จักกับ...”


2 ความคิดเห็น: