หน้าเว็บ

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

ตอนที่ 5 กายและใจที่ต่าง



เพราะห่างหายไปเลยอัพให้อ่านกันเต็มๆ
ฝากผลงานเรื่องทัณฑ์เถื่อนด้วยนะคะ
วางจำหน่ายแล้วใน 7-11 ราคาเล่มละ 99 บาทคะ
***********
ตอนที่ 5
กายและใจที่ต่าง
จากความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียบวกกับความสบายทำให้มณีมณฑ์ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเสียสนิท ทำให้คิดว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงนอนที่บ้าน แต่แล้วก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเมื่อกายที่เหมือนกับได้ซุกอยู่บนกองผ้านวมอุ่นนุ่มโครงเครงตอนแรกก็คิดว่าเกิดแผ่นดินไหวหรืออย่างไรกัน แต่น้ำหนักความโครงเครงที่ได้รับมันกลับมากมายเหลือคณาจนเหมือนกับว่าเธอนั้นกำลังนอนอยู่บนเรือลำเล็กกลางมหาสมุทรและโดนพายุโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งเสียมากกว่า
ไหนจะยังมีเสียงพูดคุยจอกแจกจอแจที่ไม่ใช่ภาษาแม่ปลุกสติให้รับรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหาใช่ความฝัน แต่ความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียจากการต้องปะทะคารมกับคนบางคนที่ยังไม่ยอมแม้แต่จะแนะนำตัวให้รู้จักและการต้องเดินทางไกลข้ามน้ำข้ามประเทศก็ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยจะสมบูรณ์อยู่แล้วกลับลืมตาตื่นได้อย่างยากเย็นเหลือเกินแต่ก็ต้องกัดฟันข่มอาการปวดเมื่อยทางร่างกายที่ผสมปนเปกับอาการปวดริ้วๆ ที่กระบอกตาไล่ไปครอบครองไปทั้งศีรษะ ในลำคอแห้งผากเหมือนกับมีกระดาษทรายขัดอยู่ทุกการกลืนน้ำลายลงคอ
ดวงตากลมโตกระพริบถี่ๆ พยายามปรือตาลืมอย่างเชื่องช้าแต่เมื่อเจอกับแสงแดดที่แผดร้อนก็แสบที่นัยน์ตาจนต้องปิดลงไปใหม่ จนรู้สึกว่าปรับสายตาให้รับกับความร้อนได้แล้วจึงได้ลืมขึ้นใหม่อีกครั้งอย่างเต็มๆ ตา พร้อมกับอาการรับรู้ว่าที่ร่างกายโครงเครงไปมาเหมือนกับกำลังอยู่ท่ามกลางเรือลำเล็กที่กำลังถูกพายุโหมกระหน่ำจนภายในช่องท้องปั่นป่วนด้วยน้ำลายเหนียวๆ ที่ตีขึ้นจากภายในไล่มาถึงลำคอและรวมกันในปากจนต้องส่งเสียงครางออกไปอย่างแผ่วเบานั้นไม่ใช่เพราะแผ่นดินไหว แต่เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใจร้ายต่างหากละ
อพอลโล่ก้มลงมองเมื่อรับรู้ว่าคนในอ้อมแขนนั้นได้รู้สึกตัวตื่นแล้ว ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่วบริเวณที่กำลังก้าวเดินผ่านไป ทางเดินปูด้วยหินอ่อนทอดยาวไปหลายเมตรกว่าจะถึงประตูทางออกที่แบ่งแยกเป็นสองฝั่ง หนึ่งลงไปยังโรงแรมและคาสิโน อีกหนึ่งเปิดไปยังลานจอดรถขับกลับบ้าน ถึงแข็งกระด้างแต่ก็คงจะไม่ทำให้คนที่กำลังหลับสบายอยู่บนอ้อมแขนเขาเจ็บมากมายสักเท่าไหร่
วงหน้าคร้ามแกร่งผุดรอยยิ้มตรงมุมปากข้างหนึ่ง ก่อนที่สองแขนใหญ่ซึ่งเกร็งรับน้ำหนักตัวอันเบาหวิวของมณีมณฑ์ที่แทบไม่น่าจะเชื่อว่าอีกฝ่ายหนักมากกว่าเด็กโตเพียงนิดหน่อยเท่านั้นเองจะเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยร่างเล็กก็หล่นกลิ้งหลุนๆ เหมือนลูกขนุนตกจากที่สูงไปตามพื้นกระเบื้องหินอ่อนเย็นเฉียบก่อนจะไปหยุดเพราะกายเล็กกระแทกเข้ากับขอบผนังเย็นๆ
“ว้าย!!!!!!” มณีมณฑ์อุทานเสียงหลงเมื่อความอบอุ่นจางหายกลายเป็นความเจ็บปวดทางร่างกายที่ไปกระแทกกับอะไรบางอย่างซึ่งเย็นจัดจนขนตามเรือนกายลุกชัน แต่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวเสียงห้าวแกร่งและแข็งกร้าวก็ดังเหนือศีรษะ
“ถ้าตื่นแล้วก็รีบลุก รีบเดินตามมาเร็วๆ ละ เพราะฉันไม่แน่ใจว่าไอ้หน้าตาขี้มูกเกระขี้ตากรังอย่างเธอนี่จะไปกวนบาทาใครเขาจนทนไม่ไหวลากไปโยนลงทะเลหรือไม่ก็ขุดดินฝังกลบเสียก็ไม่รู้” มือใหญ่เหมือนจะคว้าแขนเรียวเพื่อช่วยดึง แต่เพียงแค่นิดเดียวก็กลับแปลเปลี่ยนเป็นผลักไสจนแผ่นหลังและศีรษะได้รูปไปกระแทกเข้ากับผนังเย็นๆ อีกครั้ง ก่อนที่ร่างใหญ่ยักษ์จะลุกเดินจากไป แต่ยังไม่วายปรายสายตากลับมามอง
“รีบๆ หน่อยนะ แถวนี้รู้สึกว่าจะมีพวกเสือหิวขึ้นมาบ่อยๆ หุ่นอย่างนี้ไม่แคล้วคงจะโดนใครสักคนลากเข้าห้องแล้วไม่ได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันเป็นแน่”
น้ำเสียงดุห้าวที่ดังออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ แม้กายจะไม่ไหวด้วยอาการอ่อนล้าและปวดเมื่อยเพราะกำลังครั่นเนื้อครั่นตัวจะเป็นไข้และใจที่กำลังบอบช้ำและกลัดหนองแต่มันก็เรียกความกล้าบวกกับความแค้นเหมือนกับไฟที่มันกำลังสุมอยู่ในทรวงให้อกอวบอิ่มต้องมอดไหม้กลายเป็นผงธุลี
มือเล็กเท้าไปบนพื้นเย็นๆ กัดฟันข่มอาการทางร่างกายเอาไว้พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ แต่มั่นคง เท้าเล็กเรียวที่ก้าวตามร่างหนาใหญ่ที่แม้จะพยายามเร่งฝีเท้ามากเท่าไหร่ก็ยังคงห่างไกลและห่างไกลขึ้นเรื่อยๆ เพราะก้าวเดียวของอีกฝ่ายเป็นสองถึงสามก้าวของเธอ
“นี่...เดินให้มันช้าๆ หน่อยซิคุณ เดินเร็วแบบนั้นจะรีบไปตามควายที่ไหนละ” คนที่เหนื่อยสายตัวแทบขาดร้องเรียก มือเล็กเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่ผุดขึ้นเต็มวงหน้าซึ่งตอนนี้แดงปลั่งเพราะการต้องออกแรงและอาการป่วยจากทางใจที่เป็นตัวสั่งกายให้เป็น
ร่างหนาใหญ่หยุดกึงและก้าวถอยมาด้านหลังจนคนที่ร้องเรียกให้หยุดซึ่งก้าวตามอย่างเร็วรี่จนแทบจะสลับเท้าไม่ทันชนเข้าจังๆ จนมีเสียงดังปึกกับร่างที่ถลาไปด้านหลังก้นกระแทกพื้น
“อูย...!!!” มณีมณฑ์ร้องครางเบาๆ เจ็บทั้งก้นกบที่ลงกระแทกพื้นเต็มๆ และไหนจะเจ็บที่ดั้งจมูกและวงหน้าจนต้องรีบยกมือขึ้นลูบให้ความเจ็บมันคลายลง วงหน้าสวยงององุ้ม ริมฝีปากขบกันจนแทบจะฮ้อเลือด “จะหยุดทำไมไม่บอกกันบ้างเล่าคนบ้า กลัวจะตายช้าไปนักหรือไง”
“ไม่หรอก คนอย่างเธอนะหนังหนาไม่ตายง่ายๆ กับอีเรื่องแค่นี้หรอก” มือใหญ่ยื่นไปคว้าแขนเรียวยาวช่วยดึงขึ้นแรงๆ พร้อมสอดแขนใหญ่เข้าที่สะเอวเล็กที่แตะแรงๆ ไปสักหน่อยก็กลัวจะหักออกเป็นสองท่อน
“อุ้ย!! คุณจะทำอะไรนะ ปล่อยฉันนะ” มือเล็กข้างหนึ่งดึงแกะแขนใหญ่อีกข้างก็ดันกายบอบบางให้ถอยห่างจากสีข้างแข็งแกร่งที่ทาบทับจนก่อกำเนิดความรู้สึกบางอย่างให้กับหัวใจดวงน้อยเต้นรัวเร็วไม่เป็นจังหวะ วงหน้ารูปหัวใจแดงปลั่งลามไปตามลำคอระหงไล่ลงไปถึงเนินเนื้อส่วนที่อยู่ใต้ร่มผ้า
“อย่ามาทำสะบัดสะบิ้ง เขินอายเหมือนไม่เคยมือชายมาหน่อยเลยแม่คุณ เห็นแตะทีไรร้อนยิ่งกว่าไฟที่มันลุกไหม้กองฟางเสียอีก”
มณีมณฑ์หน้าตึงกับคำเปรียบเทียบที่ดูหมิ่นเกียรติความเป็นกุลสตรีของเธอเป็นยิ่งนัก แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะอีกฝ่ายเหนือกว่าในทุกด้าน จนได้แต่เก็บความแค้นสุมเอาไว้ในอกรอวันที่จะชำระ ร่างเล็กจึงได้แต่เดินตามแรงลากจูงของอีกฝ่ายด้วยหัวใจเต้นตึกตักๆ ไม่เป็นจังหวะกับความรู้สึกในหัวใจที่มันควบคุมไม่ได้
คอยดูนะ มีโอกาสเมื่อไหร่ แม่จะเล่นงานให้สะบักสะบอมกลายเป็นหมูย่างเมืองตรังเลย

เพราะได้งีบเล็กน้อยตอนอยู่บนเครื่องทำให้ร่างกายหนุ่มตื่นตัวเหมือนกับได้นอนยาวนาวถึงแปดชั่วโมง อพอลโลจึงเลือกที่จะพักยังห้องพักซึ่งอยู่ด้านหลังคาสิโน อีกอย่างเริ่มต้นทรมานยัยคนใจยักษ์ใจมารจากห้องทำงานนี่ก็ดีเหมือนกัน ห้องเขามีเอกสารสุมทุมทับกันจนเป็นกองเกือบจะเรียกว่าภูเขาลูกย่อมๆ ได้แล้ว ไหนจะคราบฝุ่นผงที่ไม่น่าจะมีได้เลยเกาะอยู่หนาเตอะ ไอ้หน้าสวยๆ ที่ยามเมื่อถูกฝุ่นพวกนี้เกาะคงจะมอบแหมเหมือนแมวคราวกันละ หึ...
ดวงตาคมคร้ามสีสนิมจับจ้องที่วงหน้าเลอะด้วยคราบน้ำมูกน้ำตาที่กำลังกินอาหารเหมือนกับคนตายอดตายอยาก มือเรียวตักอาหารในจานคำโตและถี่ยิบเพียงแค่ไม่นานแป้งพิต้าและสลัดกรีซจานโตก็พร่องไปจนแทบไม่เหลือ ตามด้วยซูฟลากี้ที่พร่องหายไปในท้องมณีมณฑ์อย่างรวดเร็วเช่นกันกินอย่างกับผีอยู่ใน แต่ทำไมถึงไม่อ้วนเลยแฮะ ผอมแห้งอุ้มทีเหมือนกับอุ้มเด็กตัวเล็กๆ เลย
(ซูฟลากี้เป็นอาหารที่ชาวกรีซนิยมกินกัน หน้าตาเหมือนเคบับที่ถือกินได้สบายๆ ซูฟลากี้มีส่วนผสมของเนื้อต่างๆ ให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อแกะ แล้วแต่ทางร้านอาหารแต่ละแห่งจะนำมาใช้ ซึ่งร้านอาหารในโรงแรมของเขาจะใช้เนื้อซูฟลากี้เนื้อไก่กิโรประกอบด้วยไก่กิโร ผักกาดหอม มะเขือเทศ หอมใหญ่ และห่อม้วนด้วยแป้งพิต้าเป็นรูปกรวย แล้วราดด้วยซอสที่ปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษ กัดกินทั้งคำแป้งพิต้าเคี้ยวนิ่มกลมกลืนเข้ากันกับเนื้อไก่กิโรเนื้อนุ่มรสดีออกเค็มนิดๆ และผสานกับรสชาติซอสที่กลมกล่อมลงตัว)
สองมือใหญ่ยกขึ้นกอดอก เอนหลังอิงโซฟาตัวใหญ่นุ่ม เท้าแข็งแกร่งข้างหนึ่งยกขึ้นทาบบนขาแข็งแกร่งอีกข้าง ปลายมือใหญ่ยกขึ้นไล้ปลายคาง ทั้งเอกสารที่ยังสามารถใช้ได้และเอกสารที่จะต้องแยกแยะก่อนจะโละทิ้ง หยากไย่ ฝุ่นละอองซึ่งเกาะอยู่เต็มไปหมด กว่าจะทำความสะอาดเสร็จสิ้นก็คงจะวันเต็มๆ หรืออาจจะต้องใช้เวลามากกว่า แต่เขาจะให้มณีมณฑ์ทำให้เสร็จภายในครึ่งวัน เพราะยังมีงานอีกเพียบที่เขาเตรียมไว้ให้ ไหนจะยังมีแผนการที่ลูกน้องเตรียมไว้อีกเล่า
หึหึ...ยัยคนใจร้ายคงจะต้องคิดกลับไปเกิดใหม่เสียละมั้ง
“จะนั่งแอ๊คท่ายั่วยวนฉันอยู่ทำไมนะ ทานเสร็จแล้วไม่ใช่หรือไง รีบเก็บถ้วยจานไปล้างและรีบมาทำความสะอาดห้องนี้เสียซิ”
“ห๊า...คุณพูดว่าอะไรนะ คุณบอกให้ฉันทำอะไรนะ” มณีมณฑ์แหวถามน้ำเสียงใสแจ๋วเหมือนกับนกแก้ว
เมื่อหนังท้องตึงสมองน้อยๆ ก็เริ่มทำงานทบทวนเรื่องราวตั้งแต่ต้น แวบหนึ่งที่ใจคนซึ่งไม่ได้แข็งเป็นหินอย่างที่คนอื่นเขาประณามรู้สึกถึงความผิดที่ตัวเองได้ก่อขึ้น ความผิดจากความกระหายอยากของตัวเองที่ดึงดันจะเอาของที่ไม่ใช่ของตัวเองมาครอบครองให้จงได้ โดยไม่ฟังคำทัดทานของแม่ ไม่สนใจความรู้สึกของคนที่อยู่รอบข้าง จนทำร้ายผู้หญิงอีกคนต้องได้รับความทุกข์ใจและเจ็บกายจนป่านนี้ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง จะเอ่ยปากถามก็คนตรงหน้าก็ไม่กล้า กลัวคำตอบที่ได้รับจะทำให้เธอนั้นกลายเป็นฆาตกรฆ่าคนไปจริงๆ
แต่ถึงจะมาคิดได้ในตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว เพราะตอนนี้เธอโดนจับตัวมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้จากฝีมือผู้ชายคนหนึ่งที่น่ากลัวเพราะรัศมีแห่งอำนาจและความโกรธแค้นที่แผ่นกระจายมาห้อมลอมรอบกายเธอจนหัวใจทำงานหนัก และคนแปลกหน้าอีกนับสิบที่จ้องแต่จะห้ำหั่นให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ดวงตากลมโตล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอนเป็นแพหนามองชายหนุ่มร่างหนาใหญ่ที่ดูจะรักนิศามณีสุดหัวใจจนสามารถทำร้ายเธอได้เช่นกัน
“หูก็ไม่ได้หนวกนี่น่า ทำไมถึงต้องให้พูดย้ำอีกละ”
“ทำไม่เป็น ไม่เคยทำและไม่ทำด้วย” มณีมณฑ์แหวกลับ คิ้วโก่งสวยได้รูปเลิกขึ้นสูง กายบอบบางนั่งเอนกายให้ด้านหลังแอบอิงเบาะนุ่ม สองแขนเรียวยาวยกขึ้นสอดไขว้ระหว่าง ขาเรียวยาวข้างหนึ่งยกขึ้นพาดบนอีกข้าง ล้านถ้วยล้างจานนะทำได้ เพราะถึงแม้บ้านเธอจะมีคนรับใช้ก็จริง แต่ทว่าพ่อกับแม่กลับชอบที่จะให้เธอนั้นเข้าครัวช่วยทำอาหารและจัดการกับพวกจานชามบ่อยครั้งและเธอเองก็ชอบที่จะทำเหมือนกับเพราะคิดว่าวันหนึ่งจะทำให้สามีซึ่งเธอหวังจะเป็นศรวัณและลูกๆ ได้กิน
“เป็นผู้หญิงประสาอะไร ทำงานบ้านไม่เป็นนะ”
คำดูถูกเหยียดหยามที่ได้รับไม่ได้ทำให้หน้าตาของมณีมณฑ์เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ในทางไม่ดีเพราะมันเป็นรอยยิ้มหยามหยันที่อีกฝ่ายใช้กับเธอบ่อยๆ นั่นเอง “ก็เป็นผู้หญิงสวยแต่ขี้โรค งานหนักไม่เอางานเบาไม่สู้ แล้วจะทำไมละ” อีกฝ่ายสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“อ๋อ...เป็นผู้หญิงประเภทชอบไล่จับผู้ชายมาทำผัวใช่ไหมละ เธอนี่หน้าไม่อายจริงๆ นะผึ้ง หน้าตาฉันก็ยอมรับนะว่าสวยดี แต่มันด้านไปหน่อยจนไอ้พื้นเย็นๆ ที่เธอเหยียบอยู่นี่มันยังสู้ไม่ได้เลย” อพอลโล่ด่ากลับอย่างรังเกียจ “แล้วก็ไม่ต้องมานั่งให้ท่าฉันอยู่หรอกนะ หน้าตาและหุ่นอย่างเธอนะอย่างดีก็เป็นได้แต่โสเภณีบนเตียงนอนฉันและลูกน้องเท่านั้นแหละ”
“แหวะ...น้ำหน้าอย่างคุณนะฉันไม่เอามาทำพันธุ์หรอกคะ หน้าตาก็ไม่เห็นจะหล่อเลยสักนิด ตาก็ลึกโบ๋และใหญ่เกินไปจะดีหน่อยก็ตรงแพขนตาที่ยาวงอนเลยกลบได้นิดหน่อย จมูกก็โด่งจนเกินไปจนเห็นรูโบ๋ๆ เหมือนกับต้องการจะสูดเอาลมดีๆ ที่อยู่รายรอบคนอื่นเข้าปอดคนเดียว ริมฝีปากก็หนาเตอะแล้วแดงยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก สงสัยว่าไอ้ที่ชอบมั่วกับผู้หญิงนะคงจะหาทางบ่ายเบี่ยงว่าตัวเองไม่ใช่ผู้ชายเต็มร้อยละซิ” มณีมณฑ์หาจุดด้อยของอีกฝ่ายมาแขวะกัดให้เจ็บๆ เอาซิว่ามาเธอก็จะหาทางตอบกลับเหมือนกัน แม้จะข้างๆ คูๆ ก็ตามทีเถอะ
“หืม...ฉันนี่นะหรือไม่ใช่ผู้ชาย อย่างนี้มันยั่วให้รีบปล้ำเธอใช่ไหมละ”
“เสียใจยะ อย่างนายนะหุ่นล้ำเหมือนนักมวยปล้ำตกสังเวียน ไม่ใช่สเปกฉัน” มณีมณฑ์ตอบกลับพร้อมกับขยับลุกไปยืนให้อยู่ห่างไกลด้วยต้องการระมัดระวังตัวไม่ให้ถูกอีกฝ่ายจับได้ ด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นไวทายาดเพียงใด และถูกจับได้เมื่อไหร่ นั่นคือหายนะของเธออย่างแท้จริงทีเดียว “สเปกฉันนะต้องพี่สองคนเดียวเท่านั้นยะ”
“อ๋อ...ไม่ชอบคนโสด ชอบผู้ชายมีเจ้าของแล้ว อยากจะเป็นน้อยคนอื่นเขา” ดวงตาสีสนิมจับจ้องมองสาวน้อยร่างเล็กที่ยืนสองมือสอดไขว้ เท้าเล็กเรียวข้างหนึ่งยื่นลำออกมาข้างหน้าเล็กน้อยเหมือนกับเตรียมพร้อมในการต่อสู้ วงหน้ารูปหัวใจที่มีผมยาวสลวยสีดำสนิทรุ่ยร่ายปรกใบหน้าไปเกือบจะซีกแต่ไม่น่าเกลียดมิหนำซ้ำยังน่าปรารถนาเสียอีกด้วยเชิดขึ้นอย่างไม่กลัวว่าลำคอระหงจะหัก
“เธอนี่มันหน้าด้านจริงๆ นะผึ้ง”
“อย่ามาว่าฉันนะ คุณนะดีกว่าฉันเท่าไหร่ละ เพราะผู้หญิงหน้าด้านคนนั้น จับตัวฉันมาทรมานร่างกาย ด่ากราดด้วยคำพูดให้ต้องเจ็บใจ ยังไงคุณมันก็เลวเหมือนกันนั่นแหละ เลวกว่าฉันด้วยเพราะคุณทำร้ายคนไม่มีทางสู้” หญิงสาวแหวกลับเสียงสั่น ประกายในดวงตาลุกโชนเป็นเปลวเพลิงไฟ
“อย่างเธอนะหรือไม่มีทางสู้ เข้าใจผิดเสียแล้วละคนสวย อย่างเธอนะมันนังงูสารพัดพิษเสียมากกว่า เพราะความต้องการของตัวเองถึงจะต้องทำร้ายใครก็ไม่เคยคิดจะสนใจ” วงหน้าคร้ามแกร่งแสยะยิ้มเยาะหยัน
“ว้าย...!!” ขนาดว่าระวังตัวเป็นอย่างดีอยู่แล้วนะ แต่ยังไม่ทันจะกระพริบตาเลยร่างหนาใหญ่ก็ผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่งคว้าแขนเรียวยาวไปตรึงแนบชิดติดข้างฝา มือใหญ่จับสองมือเล็กเรียวที่กำลังพยายามทั้งผลักทั้งดันและทุบตีไปตรึงไว้เหนือศีรษะพร้อมเสียงหัวเราะเหมือนคำรามในลำคอจนคนได้ยินถูกกับตัวสั่นไหวในพริบตา
“ปล่อยฉันนะ คนบ้า ปล่อย...ปล่อยซิโว้ย ไอ้คนบ้า”
“ปล่อยหรือ...ทำไมต้องปล่อยละ” ชายกนุ่มถามเสียงทุ้ม ใบหน้าคมคร้ามเต็มไปด้วยไรหนวดและเคราที่ไม่ได้โกนเปลี่ยนจากจะประทับบนลำคอระหงและค่อยไล่ขึ้นไปอย่างช้าๆ กลับโน้มไปปิดกลีบปากอวบอิ่มที่กำลังขยับขึ้นลงส่งเสียงเหมือนนกหวีดวี๊ดๆ ได้ยินแล้วแสบเข้าไปถึงช่องหู
มณีมณฑ์ขบกัดริมฝีปากพร้อมเบือหน้าหนีไม่ให้อีกฝ่ายได้จุมพิตตัวเองง่ายๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยินยอมเช่นกัน มือใหญ่ยื่นไปจับรั้งปลายคางและบีบแรงๆ จนน้ำตาแทบจะไหลออกมาด้วยความเจ็บ สองขาเรียวยาวที่จะขยับพากายหนีก็ถูกขาแข็งแกร่งทาบทับตรึงไว้จนขยับไม่ได้ จะหายใจก็ยังแทบจะไม่กล้าเพราะขยับทีไรส่วนนูนเด่นบนกายสาวก็บดเบียดเสียดสีกับกล้ามเนื้อแข็งแกร่งและลำลั่นให้ใจมันวาบหวิวเต้นไม่เป็นจังหวะแรงเร็วจนแทบจะทะลุออกจากทรวงเสียทุกทีไป
“จะสะบัดสะบิ้งทำไมกันละ อยากมีผัวจนตัวสั่นไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวจะสนองให้ถึงอกถึงใจเลยผึ้ง รับรองได้ว่ามาอยู่ที่นี่เธอไม่อดอยากปากแห้งจนต้องเร่ไปหาจากคนที่มีเจ้าของแล้วแน่” ชายหนุ่มพูดแนบกดคลึงริมฝีปากอวบอิ่มนุ่มด้วยความรุนแรงด้วยความโกรธที่มันประทุขึ้นในทรวงเพราะความไม่ชอบใจที่เห็นมณีมณฑ์เอาแต่ร้องเรียกหาผู้ชายคนอื่น ทั้งที่เขาดีกว่าไอ้บ้านั่นหลายร้อยหลายพันเท่า แต่ไม่เป็นไรเดียวเจอบทเล้าโลมอันเร่าร้อนแม่ร่านราคะนี่จะทนแข็งขืนไปได้สักกี่น้ำกันเชียว ไม่อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟก็ให้มันรู้ไปซิ 
ปากหนาร้อนระอุขบกัดดูดเม้มกลีบปากบนสลับล่าง ปลายลิ้นลากไล้พยายามสอดแทรกซอกซอนเข้าไปหาความหวานปานน้ำผึ้งที่ยังติดตรึงในความรู้สึก ฝ่ามือใหญ่ขยับเคลื่อนไล้ไปตามลำคอระหงลากไล้ไปตามลาดไหล่กว้างและลำแขนกลมกลึงและนุ่มนิ่มมือเพราะอีกฝ่ายเลือกใช้แต่เครื่องประทินผิวชั้นดี คงจะจัดไว้รอศรวัณให้มาเชยชม
อารมณ์โมโหกราดเกรี้ยว ทำไมผู้หญิงถึงได้ชอบผู้ชายรูปหล่อปากหวานไม่จริงใจนักก็ไม่รู้ อยากจะรู้นักหากว่าไอ้หน้าหม้อนั่นจะต้องพลาดจากหลานสาวเขาที่ตอนนี้ก้างชิ้นใหญ่ได้เดินทางไปขวางคลองไว้เรียบร้อยและจะหันมาหามณีมณฑ์ก็ต้องกินของเหลือเดนจากเขาและลูกน้องที่นี่คงจะกินใช้เสียจนเหลือแต่ชานเหมือนอ้อยที่ถูกดูดกลืนความหวานเสียจนหมดแล้วและถูกทิ้งในถังขยะอันเน่าเหม็น
“อือ...” มณีมณฑ์รู้สึกเหมือนว่าในปากจะมีกลิ่นคาวๆ และรสชาติปะแล่มๆ ของเลือดซึมออกจากจากรอยแยกของกลีบปากเพราะการบดขยี้อย่างไม่มีการถนอมกล่อมเกลี้ยง อีกทั้งมือใหญ่ที่ลูบไล้ไปตามสัดส่วนเรือนกายก็ให้สั่นรัววาบหวิวสยิวไปทั่วทั้งกายา ลำตัวอ่อนระทวยลำขากลมกลึงสั่นเทาจนยืนทรงตัวไม่อยู่ ดีว่าได้ร่างหนาใหญ่ให้พักพิงเลยไม่ร่วงลงไปกอบกับพื้นห้องดังที่คิด
ความหวานนุ่มที่ได้รับทำให้อพอลโล่เผลอลืมตัวไป ใบหน้าคร้ามรกครึ้มด้วยหนวดเคราแข็งๆ ที่ครูดไปตามผิวกายขาวซีดจนตอนนี้ผิวกายขาวผุดผาดผ่องใสแดงปลั่ง พร้อมแขนใหญ่ที่สอดกระชับไปรอบเรือนกายกลมกลึง ลูบไล้ผิวเนื้อนุ่มเหมือนกับไหมชั้นดี ริมฝีปากกัดกลืนไล้ปลายลิ้นผิวเนื้อหอมกรุ่น ปลายนิ้วเกี่ยวเอาเสื้ออยู่บ้านขึ้นทีละน้อยจนเสื้อตัวเล็กได้ไปพักอยู่บนลาดไหล่กว้าง
สองบัวตูมเต่งตึงไหวชูช่องามไสว แม้จะมีชั้นในปกปิดอยู่แต่ความบางของผ้าเนื้อดีกลับปกปิดผิวสีขาวผุดผ่องเป็นยองใยเหมือนกับไข่ปอกตัดกับปลายยอดสีชมพูเข้มเอาไว้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อยนิด ความกระหายพุ่งพล่านในกายหนุ่มจนยากที่จะระงับ กลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากเย็น เขาไม่ใช่ฤษีชีไพลที่ไม่เคยพบเจอกับผู้หญิง แต่กายของมณีมณฑ์นี่ต้องยอมรับจริงๆ ว่าอวบอิ่มงดงามน่าจับต้องเหลือเกิน
กายแม้จะเล็กบอบบางและดูจากภายนอกเหมือนจะผอมแห้งมีแต่หนังหุ้มกระดูก แทบจะไม่น่าเชื่อว่าสัดส่วนบนเรือนกายนั้นกลับอวบอิ่มน่าสัมผัส ทรวงอกไม่เล็กไม่ใหญ่แต่จับต้องไปแล้วนุ่มหยุ่นและกระชับมือ รับกับเอวเล็กคอดที่แทบจะกำได้ด้วยสองมือซึ่งกำลังไหวกระเพื่อมด้วยลมหายใจอันรุนแรงส่งให้ทรวงนุ่มขยับไหวแนบกับใบหน้าแกร่งคร้าม สองขาเรียวขยับเคลื่อนฝ่าเท้ากับพื้นพรมสีน้ำตาลเข้ม
“อือ...” สองมือเล็กที่ถูกปล่อยเมื่อไหร่ไม่รู้ดันบ่ากว้างให้กายใหญ่ถอยห่าง พร้อมกับพยายามดึงเอาชื่อของศรวัณมาเป็นตัวช่วยให้ตัวเองนั้นไม่หลงใหลเผลอไผลไปกับเพลิงพิศวาสร้อนผ่าวที่อีกฝ่ายเป็นผู้จุดขึ้น แต่ทั้งใบหน้าและชื่อของศรวัณกลับเริ่มเลือนหายไปอย่างช้าๆ กับความวาบหวิวปั่นป่วนที่พลุ่งพล่านอยู่ในช่องท้อง
“ได้โปรด...ขอร้อง ยะ...อย่าทำอะไรฉันเลยนะคุณ...”
มณีมณฑ์พยายามอ้อนวอนขอร้องอีกฝ่ายเสียงสั่นเทา สองแขนเล็กลากไล้ไปตามกายแกร่งอย่างสะเปะสะปะ ดวงตากลมโตหลับพริ้มใบหน้าแหงนหงายขึ้นไปด้านบน กับเสียงร้องครางผะแผ่วในลำคอจนต้องรีบส่งฟันขาวสะอาดเรียบตัวกันอย่างสวยงามขบกัดเอาไว้ไม่ให้น้ำเสียงหวานนุ่มและแหบพร่านั้นหลุดรอดออกมาให้อีกฝ่ายนำมาใช้ประหัตประหารตัวเองอีกในอนาคต แต่ความร้อนเร่าที่รุนแรงกลับลามไปทั่วกายจนไม่สามารถที่จะหยุดยั้งความต้องการได้
ริมฝีปากร้อนระอุเหมือนกับเคลือบด้วยลาวาจากภูเขาไฟทาบขึ้นไปขบกัดกลีบปากล่าง ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ผิวกายเนียนนุ่มเหมือนกับผ้าไหมชั้นดี ลำขาแข็งแกร่งแทรกลำขาเสลาให้แยกห่างจากกันพร้อมเคลื่อนปลายนิ้วยาวร้อนไล้ไปถึงบางส่วนของเรือนกายสาว
“แน่ใจหรือว่าต้องการให้ฉันหยุดจริงๆ นะผึ้ง” มือใหญ่บีบเคล้นบัวตูมเต่งตึงหนักเบาอย่างต้องการให้อีกฝ่ายมีอารมณ์ร่วม
มณีมณฑ์กัดปากจนแทบจะฮ้อเลือด เมื่อปลายนิ้วยาวร้อนไล้กลีบกายอ่อนเยาว์ผ่านเนื้อผ้าเก่านุ่มไล้คลึงเบาๆ กายสาวสั่นสะท้านไหวเหมือนกิ่งไผ่ต้องลมพายุแรง สองมือสองเท้าสั่นและอ่อนแรง ร่างกายตกอยู่ภายใต้การควบคุมของร่างใหญ่โดยสิ้นเชิง แต่ทว่าใจสาวน้อยกลับยังพยายามต่อต้าน แม้ว่ามันจะทำได้ยากยิ่งก็ตามที แต่ถึงจะอย่างนั้นความรู้สึกหวงแหงและเสียดายตัวก็มีผลทำให้มณีมณฑ์ต้านทานเพลิงพิศวาสเร่าร้อนอย่างถึงที่สุด
“ชะ...ใช่ ดะ...ได้โปรด...หยุด...ฉันยอมทุกอย่าง ให้ทำอะไรก็ทำ”
น้ำเสียงอ้อนวอนสั่นพร่าและแหบเครือฟังแล้วเซ็กซี่จนอพอลโล่แทบไม่อยากปล่อย แต่ก็อยากรู้หญิงจอมเจ้าเล่ห์ตรงหน้าจะทำอย่างไรเพื่อที่จะหลีเลี่ยงเหตุการณ์อันแสนระทึกในตอนนี้ มือใหญ่ลูบไล้ขยำนวดต้นขาเนียนเรียวแผ่วเบาและอ่อนโยน
“แน่ใจนะ” ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้วนเวียนรอบป้านบัวเม็ดเล็กที่นูนเด่นแข็งเป็นไตดันเสื้อชั้นในสีหวานออกมา
“แน่ใจ” มณีมณฑ์ตอบกลับเสียงหนักแน่น
“แล้วถ้าหากว่าเธอทำไม่ได้ละ จะให้ฉันลงโทษโดยไม่มีอิดออดใช่ไหม” ริมฝีปากหนาร้อนระอุขบกัดติ่งหูเล็ก สอดแทรกปลายลิ้นร้อนผ่าวเข้าไปตวัดไล้หยอกเย้าช่องหูเล็ก
“อือ...” หญิงสาวตอบกลับอย่างรวดเร็วด้วยคิดเพียงแค่ว่าเธอจะทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้ตัวเองหลุดรอดจากสถานการณ์วาบหวิวซ่านซ่าและเสียตัวอยู่แบบนี้ แล้วร่างบอบบางก็ทรุดกองกับพื้นในทันทีที่ร่างหนาใหญ่ขยับออกพร้อมความอบอุ่นที่จางหายไปจนกายสาวหนาวเหน็บ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดีกว่าสิ่งที่สำคัญในชีวิตจะต้องสูญหายไป
อพอลโล่รู้สึกเสียดายเนื้อหวานๆ ไม่น้อย แต่รู้ดีว่าอีกไม่นานเขาจะต้องได้ชิมรสหวานของแม่ดอกไม้พิษนี่อย่างที่สาวเจ้าปิดพลิ้วไม่ได้และยังต้องให้ความร่วมมือด้วย “ลุกขึ้นได้แล้ว ถ้าไม่อยากให้ฉันลากขึ้นเตียงช่วยจัดการทำห้องนี้ให้สะอาดเอี่ยมอ๋องหน่อยซิ ให้เวลาสามชั่วโมง” ตอนแรกกะจะให้สักห้าหกชั่วโมง แต่เห็นแล้วว่ามันยาวนานเกินไป ผู้หญิงที่ทำร้ายหลานสาวเขาให้ต้องเจ็บช้ำทั้งร่างกายและจิตใจจะต้องทุกข์ทรมานจนแทบไม่อยากจะเป็นผู้เป็นคน
มณีมณฑ์สะดุ้งกับเสียงแหบห้าวสั่นพร่าฟังแล้วเซ็กซี่เหลือเกิน อีกทั้งร่างกายหนาบึกบึนที่เปิดเปลือยตัวด้วยเสื้อที่สวมใส่นั้นแกะกระดุมไปครึ่งตัวให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เห็นแล้วหัวใจละลายไม่อาจที่จะถอนสายตาได้เลยจนเผลอมองตาปรอย
“อ๊ะ...มองแบบนั้นจะกินฉันแทนทำความสะอาดห้องใช่ไหมผึ้ง แล้วเสื้อผ้าก็ไม่คิดจะดึงมาปกปิดกายจะยั่วฉันอยู่อย่างนี้ใช่ไหม ดีจังได้เห็นของสวยงามเจริญหูเจริญตาเป็นบ้าเลยแฮะ อืม...” แขนใหญ่ข้างหนึ่งยกขึ้นกอดอก มืออีกข้างยกขึ้นทาบทับปลายมือใหญ่ลูบไล้ปลายคางสากระคายด้วยไรหนวดเคราที่มันผุดขึ้นจนเต็ม “ถ้าให้ดีนะ ตอนที่เธอกำลังทำความสะอาดห้อง ช่วยแบบว่า...ถอดเสื้อผ้าพวกนี้เหลือเพียงแค่เนื้อนางเปล่าๆ ก็ดีนะผึ้ง มันคงจะเจริญหูเจริญตาฉันใช่น้อยเลยละ หึหึ...”
“ว้าย…!! ตายแล้ว ตาบ้าตาคนลามกจกเปรต” มณีมณฑ์ด่ากราดตามมาเป็นชุด สองมือรีบจับดึงเสื้อผ้าให้หล่นกลับมาปกปิดเรือนกาย วงหน้ารูปหัวใจแดงปลั่งด้วยความอายและโกรธ ดวงตาเป็นประกายแวววาวเหมือนกับดวงตาเสือแม่ลูกอ่อน “ไอ้คนบ้า ไอ้คนลามก ขอให้ตาแกบอดมองอะไรไม่เห็น”
“ไม่เห็นจะน่าอายตรงไหนเลย ฉันทั้งเห็นและก็ได้...” มือใหญ่วาดลากไล้เป็นรูปกายสาว
ร่างเล็กขยับลุกอย่างเร็วรี่ ก่อนที่มือเรียวจะยกขึ้นชี้หน้าคมคร้ามที่นั่งหัวเราะเอนตัวอิงโซฟาตัวใหญ่ ขาแข็งแกร่งวาดขึ้นทาบทับบนลำขาอีกข้างด้วยมาดสุขุมนุ่มลึกราวกับนายแบบถ่าย ดวงตาคมสีสนิมคมกริบพราวระยับ “หยุด...หยุดได้เลยไอ้บ้า ห้ามพูดจากลามกจกเปรตอีกนะ ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่” วงหน้ารูปหัวใจงองุ้มเป็นจวักตักแกง พร้อมส่งค้อนขวับๆ ให้คนที่กำลังกวาดสายตามองร่างเธออย่างหื่นกระหาย
“ถ้าฉันไม่หยุดแล้วเธอจะทำอะไรฉันได้ละผึ้ง จะตบจะตี หรือว่าจะใช้แผนการเด็กๆ เช่นว่าขับรถชนฉันเหมือนกับที่ชนนิศามณีอีก” ปลายมือใหญ่ตบบนโซฟาตัวใหญ่เป็นจังหวะเบาๆ อย่างให้รู้ว่ากลั่นแกล้ง เพราะวงหน้าแกร่งคร้ามนั้นมีรอยยิ้มอีกทั้งประกายในดวงตาก็วาววับ
แวบหนึ่งที่มณีมณฑ์อย่างจะพูดออกไปว่า ชนให้มันตายๆ ไปซะเลย แต่ก็พูดไม่ออก ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนฮ้อเลือด “เข้าใจเสียใหม่นะคุณ...ฉันตั้งใจแค่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บ จะได้ยกเลิกการแต่งงานกับพี่สอง ฉันไม่ได้ตั้งใจฆ่าคุณนิศามณี ทำไมถึงไม่มีใครเชื่อกันบ้างเลย” มณีมณฑ์ตอบกลับด้วยน้ำตา สองแขนเรียวยาวโอบกอดรอบกายผอมบางที่กำลังสั่นระริกเหมือนต้องการปกป้องตัวเอง
“ขนาดไม่ตั้งใจนิศามณียังนอนหลับไม่ได้สติอยู่ในโรงพยาบาล ถ้าตั้งใจนิศามณีไม่ต้องไปนอนในโลงฟังเสียงสวดศพหรือไง” อพอลโล่ถามทั้งน้ำเสียงและแววตาแข็งกร้าวและดุร้ายเหมือนกับเสือกำลังคำราม ร่างหนาใหญ่ผุดลุกจากโซฟาที่นั่งก้าวเพียงแค่สองก้าวเท่านั้นก็ไปถึงร่างเล็กบอบบาง มือใหญ่คว้าแขนเรียวยาวลงน้ำหนักบีบไปจนแขนเรียวยาวแทบจะหัก
“โอ๊ย!!! ฉันเจ็บนะคนบ้า” วงหน้าสวยบูดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บจนน้ำตาร่วง
“ก็ทำให้เจ็บไง”
แรงผลักทำให้ร่างเล็กบางเซถลา แผ่นหลังเนียนบางชนเข้ากับขอบโต๊ะซ้ำรอยที่เก่าเมื่อตอนอยู่บนเครื่องบินจนมณีมณฑ์คิดว่าตรงที่โดนคงจะมีรอยเขียวช้ำจนเป็นสีม่วงไปแล้ว แต่หญิงสาวก็กัดฟันข่มความเจ็บเอาไว้ไม่ปริปากให้อีกฝ่ายได้ดีใจว่าสามารถทำร้ายร่างกายเธอได้อีกครั้ง
“ฉันให้เวลาเธอเตรียมตัวสิบนาที แล้วเตรียมตัวทำความสะอาดห้องนี้ ข้าวของเครื่องใช้อยู่ถัดไปจากห้องนี้ไปอีกสองห้อง” อพอลโล่ตอบก่อนจะเดินออกไปยังระเบียบห้องทำงานกวาดสายตามองแผ่นน้ำสีฟ้าใสแจ๋วทอดยาวสุดลูกหูลูกตาอย่างกำลังครุ่นคิดว่าตัวเองคิดผิดไปหรือเปล่าที่จับตัวมณีมณฑ์มาทรมาน เพราะดูเหมือนว่าตัวเขาเองก็ทรมานกับความต้องการทางร่างกายของตัวเองเหมือนกัน
สองแขนใหญ่สอดไขว้พักไว้ระหว่างอกกับร่างหนาใหญ่ผันหน้ากลับมา ดวงตาจับจ้องที่ร่างเล็กบอบบางที่มองเขาด้วยดวงตาแข็งกร้าว ทั้งโกรธเกลียดและเคียดแค้นราวกับถ้าทำได้จะแช่งชักหักกระดูกเขาให้แหลกละเอียดเป็นผุยผง ก่อนที่วงหน้าสวยแดงปลั่งนั่นจะเชิดขึ้นอย่างไม่กลัวคอจะหักและสะบัดก้นออกจากห้องไปด้วยทำท่าทางฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียด



1 ความคิดเห็น: