หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

ตอนที่ 11 ฝากหัวใจไปกับสายลม



ตอนที่ 11
ฝากหัวใจไปกับสายลม
มือใหญ่จับมือเล็กและพาไปทาบกับแก่นกายระอุร้อน
“อุ้ย!!
“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะน้องรส ในเมื่อทั้งตัวและหัวใจของน้องรสเป็นของพี่นนท์แล้ว ตัวและหัวใจของพี่นนท์ก็เป็นของน้องรสเหมือนกันจ๊ะ ตอนนี้พี่นนท์เพียงแค่ให้น้องรสได้ทำความรู้จักเพียงเล็กน้อยก่อนจ๊ะ” เมื่อเห็นว่ารสรินเขินอายชานนท์ก็รีบบอกกล่าวเสียก่อนและนำพามือเล็กให้เคลื่อนไหวคลึงเคล้นบนแก่นกายระอุร้อนเบาๆ แต่แม่นักเรียนหัวไวจับต้องคลึงเคล้นจนเขาถึงกับเสียงคำรามดังลั่น
“โอ...เบาๆ จะน้องรส พะ...พอก่อนจ๊ะคนดี เดี๋ยวน้องรสค่อยจัดการมันนะ ตอนนี้ขอพี่นนท์มอบรักให้น้องรสก่อนนะจ๊ะคนดี” ชานนท์รีบห้ามเมื่อนักเรียนหัวไวเรียนรู้เสียจนความร้อนแล่นพล่านไปทั่วกาย ลมหายใจหอบแรงเร็วจนอกกว้างกระเพื่อม เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนขมับ
“คะพี่นนท์...” รสรินก็ทำตามอย่างว่าง่ายพร้อมรอยยิ้ม สองแขนเรียวยาวโอบรอบกายใหญ่เตรียมพร้อมรับความเจ็บที่จะต้องมีกับการที่เธอจะถูกชายหนุ่มชอนไชเป็นกายเดียวกัน
“กรี๊ด...พี่นนท์...น้องรสเจ็บคะพี่นนท์...” รู้ว่าการมีอะไรครั้งแรกกับผู้ชายมันเจ็บ แต่ไม่คิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้ น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้าและหยดออกทางหางตา ฟันขาวสะอาดขบกัดริมฝีปากจนแดงจัด สองแขนที่โอบรอบกายใหญ่จิกลากปลายนิ้วเล็กๆ บนแผ่นหลังกว้างเต็มแรงจนชานนท์ถึงกับสะดุ้งไปเหมือนกัน
“...” ชานนท์ถึงกับพูดไม่ออก กรามหนาขบกัดจนแก้มตอบนูนแข็งขึ้นมาด้วยความปวดร้าวกับการต้องค้างคาอยู่เพียงแค่ครึ่งทาง ลมหายใจหอบแรงและเร็ว เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามขมับและร่องรูขุมขน สองมือใหญ่กำผ้าปูเตียงจนลำแขนขึ้นเอ็น
“จ๊ะ...น้องรส...พี่รู้จ๊ะ พี่รู้...ครั้งแรกมันก็เจ็บอย่างนี้แหละจ๊ะ ทนนิดนะน้องรสของพี่” ชานนท์กัดฟันตอบรับ วงหน้าคร้ามแกร่งบูดเบี้ยวเหยเก ข่มกัดฟันขยับเคลื่อนกายใหญ่ออกและพลิกกายลงนอนหงายบนพื้นเตียงให้รสรินอยู่เหนือเขาอย่างแนบชิด อย่างนี้เวลาที่หญิงสาวกลืนกินเขาจนหมดตัว รสรินจะได้ไม่เจ็บมาก
“น้องรสจ๋า...ช่วยพี่หน่อยนะคนดี...” ปากหนาก็ซุกไซ้ลำคอระหงเรื่อยลงไปถึงทรวงอกอวบกลืนกินปลายยอดถันแข็งตัวเป็นไตเคลื่อนขึ้นไปขบกัดติ่งหูเล็ก มือใหญ่ขยำนวดบั้นท้ายงามงอนลากไล้ลงไปถึงต้นขาเคลื่อนขึ้นไปบนแผ่นหลังเนียนนุ่มก่อนจะย้อนกลับมาที่เดิมใหม่อีกระรอกพร้อมกระชับตรึงสะโพกกลมกลึงเอาไว้
“คะ...พี่นนท์...” รู้ว่าชานนท์ต้องอดทนแค่ไหน รสรินตอบรับเสียงหวานแหบพร่า วงหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินคำพูดจากปากหนา เธอต้องเป็นคนครอบครองเขา
“พี่นนท์!!” รสรินร้องเรียกเสียงแหบพร่า เสียวซ่านระคนเจ็บร้าวมาจากกึ่งกลางเรือนกายเมื่อชานนท์พลิกหงายกลับให้เธอนั้นนั่งคร่อมและบดเบียดแก่นกายใหญ่และร้อนผ่าวกับเนินเนื้อบอบบาง สองมือใหญ่ไม่คลายการจับต้องปลุกเร้ามอบสุขให้
พร้อมจะรักพี่หรือยังครับน้องรส สองมือใหญ่ขยำนวดบั้นท้ายกลมกลึง ลากไล้มากดคลึงเกสรสวาทให้มีน้ำหวานหล่อเลี้ยงเส้นทางรักเพื่อที่เวลารสรินครอบครองเขาหญิงสาวจะได้เจ็บไม่มาก
นะ...น้องรสพร้อมแล้วคะ เมื่อลูกไฟร้อนผ่าวไหลพล่านไปทั่วทั่งร่าง ข่มกัดฟันและกลั้นหายใจกดสะโพกครองแก่นกายร้อนผ่าวอย่างช้าๆ ใบหน้าขาวนวลผ่องแดงก่ำสลับสะบัดส่ายศีรษะไปมาด้วยความเจ็บทุกอณูที่ท่อนเนื้อร้อนระอุแทรกฝังตัวในกุหลาบดอกน้อยที่มันอ่อนนุ่มบีบตัวตอบรัด
“น้องรสจ๋า...ขอพี่ชิมเม็ดบัวหน่อยซิจ๊ะ” เพราะอยากผ่อนคลายความเจ็บให้อีกฝ่ายอย่างไม่สนใจว่าตัวเองจะปวดร้าวสักเพียงไหน ชานนท์ร้องขอและหญิงสาวก็จัดให้ดังต้องการ ลำตัวกลมกลึงอ่อนโค้งจนปลายยอดทรวงสีเข้มครัดเครียดไหวระริกตรงหน้าและเขาก็ไม่รีรอที่จะตวัดกลืนกินดูดเม้มปลุกปั่นอารมณ์ปรารถนารสรินจนหญิงสาวร้อนฉ่าเผลอกดเคลื่อนตัวเองกลืนกินเขาจนหมดตัว
"โอ๊ะ!!!” คำแรกที่บอกได้คือมันเจ็บ อึดอัดและคับแน่นไปหมด จนต้องทิ้งตัวลงนอนบนกายใหญ่
ชานนท์กัดฟันกับผนังเนื้ออ่อนนุ่มที่มันบีบกระชับรอบแก่นกายแกร่งและร้อนผ่าว ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังเนียนนุ่ม ขยำนวดบั้นท้ายหนั่นแน่น ลากไล้ต้นขาเนียนเรียวที่ยังสั่นระริกเพราะความเจ็บ ผงกศีรษะทุยเพียงนิดก็ได้จูบซับถ่ายเทเอาความเจ็บจากสองกาย ค่อยๆ สอดปลายลิ้นลากไล้ไปตามไรฟัน กระพุ้งแก้มนุ่ม และเกี่ยวกระหวัดพลิกพลิ้วกับปลายลิ้นเล็กๆ ก่อนจะมีเสียงครวญครางตามมาชายหนุ่มก็บังคับด้วยสองมือใหญ่ให้สะโพกกลมกลึงให้เคลื่อนไหว
“พะ...พี่นนท์ อืม...” จากคำพูดที่จะบอกว่าให้เบาๆ หน่อย เธอยังใหม่รับกับการแนบชิดที่มันแทรกลึกดำดิ่งในความอุ่นนุ่มคับแน่นและฉ่ำชื้น แต่เพียงครู่เดียวมันก็เปลี่ยนให้ทุกอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุม แม่จอมยั่วกลับกลายเป็นจ็อกกิ้งหัดขี่ม้า กายโปร่งบางไหวโยกเอนไหวเคลื่อนขึ้นและลงพอๆ กับที่ชานนท์ขยับสะโพกขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะ หน้าท้องแบนราบเรียบขมวดเป็นลอนพอๆ กับทรวงอกอวบอิ่มที่มันกระเพื่อมไหวทุกจังหวะการขยับเคลื่อน
“โอ...น้องรสจ๋า เบาๆ จ๊ะที่รัก” ชานนท์ร้องครางเสียงหลงด้วยผนังอุ่นนุ่มที่บีบรัดอย่างหนักหน่วง ทาบริมฝีปากขบกัดผิวกายเนียนนุ่มจนลำคอระหงแดงช้ำ
“อ๊า...พี่นนท์ขา” รสรินร้องครางเสียงหลง สองแขนกอดกระชับร่างหนาใหญ่ กายสะท้านไหว ในหัวหมุนติ้วๆ ด้วยความเสียวซ่านรันจวนใจจากการสอดแทรกอย่างลึกล้ำสนิทแน่น จิกปลายเล็บไปบนกายแข็งแกร่งลากเต็มๆ แรงด้วยความเสียวซ่านสุดขั้วหัวใจ
“จ๋า...น้องรส ต้องการอะไรจ๊ะคนดี” ชานนท์ขารับ ขยับเคลื่อนกายแปลเปลี่ยนให้รสรินกลายเป็นคนรับ ใบหน้าคมคร้ามซบซุก ริมฝีปากขบกัดต้นคำระหง สองมือใหญ่ตรงเข้าครอบครองสองเต้าอวบอิ่มกลมกลึง สอดแทรกแก่นกายแข็งร้อนระอุที่มันเคลื่อนขยับออกตอนที่ขยับกายฝังกลับเข้าไปใหม่ในกลีบกายสาวด้วยความเร่าร้อนดุดันที่ดูดกลืนความเป็นตัวตนของเขา ชายหนุ่มถึงกับเปล่งเสียงคำรามดังลั่น มันสุขล้ำจนเขาเอ่ยออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
“บอกรักน้องรสอีกครั้งได้ไหมคะพี่นนท์ขา” ถึงจะเร่าร้อนด้วยเพลิงพิศวาส ในกายมีแต่ลูกไฟร้อนผ่าวไหลวิ่งวนอยู่ จิกเกร็งร่างทั้งร่างเพื่อเพราะอารมณ์ที่มันแผดเผาจนลุกเป็นไฟ สะโพกกลมกลึงขยับส่ายรับจังหวะรักอันเร่าร้อนมุทะลุและดุดันแต่รสรินก็ยังอยากได้ยินเสียงคำว่ารักจากปากชานนท์ก่อนจะก้าวล้ำไปพานพบกับจุดสูงสุดยอดแห่งอารมณ์
“จ๊ะ...พี่นนท์รักน้องรสจ๊ะ...” ชานนท์ก็ตอบกลับอย่างเร็วรี่ ในสมองหมุนคว้างไปกับกายสาวที่มันตอดรัดถี่ยิบ ดำดิ่งในอารมณ์ปรารถนาที่ทำให้เขานั้นแทบจะกลายเป็นท้องทะเลอันบ้าคลั่ง สะบัดสะโพกสอดส่ายอย่างไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย แม้ในห้องจะเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศที่ทำงานมิได้บกพร่องเลยสักนิดแต่สองกายกลับมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้น
อ๊า...สุดท้ายสองกายที่มันเคลื่อนไหวอย่างไม่บันยะบันยังก็หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน เริงร่ายพลิ้วไหวเหมือนหงส์ไปทะยานลิ่วไปบนฟ้า เสียงคำรามสอดแทรกเสียงหวานแผ่วพลิ้ว ในสมองหมุนคว้าง กระตุกเกร็งถี่ยิบและระเบิดแตกตัวเองกลายเป็นสะเก็ดไฟสีรุ้ง
“เจ็บมากไหมน้องรส” เมื่ออารมณ์ในกายเริ่มที่จะกลับเข้าที่ชานนท์ก็อดที่จะเอ่ยถามรสรินด้วยความสงสาร ปลายนิ้วยาวใหญ่ไล้คลึงต้นแขนของคนในอ้อมแขนที่เบียดแระแซะกายแนบชิดบดเบียดเรือนกายและเต้าอุ่นๆ ให้เขาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครา
“เจ็บคะ แต่นิดเดียว พี่นนท์ถามทำไมคะ”
ชานนท์พลิกกายขึ้นทาบทับบนร่างกลึงกลึง ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้จากหน้าท้องแบนราบเรียบขึ้นไปไล้วนรอบสองเต้าอวบอิ่มขึ้นไปตามลำคอระหงหยุดตรงริมฝีปากอวบอิ่มเห่อบวมแดงช้ำ วงหน้าคร้ามแกร่งแต่งแต้มรอยยิ้มจนดวงตาเป็นประกายโน้มไปแนบชิดใบหูเล็ก
“พี่อยากกินรสรินหวานๆ อีกได้ไหม”
“พี่นนท์อ่ะ” มือเล็กยกขึ้นทุบลำตัวใหญ่ด้วยความกระดากอาย ส่วนคำอนุญาตนั้นได้หายไปอุ้งปากหนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สุดท้ายเธอก็กลับกายเป็นอาหารหวานให้ชานนท์ได้กัดกินอย่างอิ่มหนำจนเกือบจะรุ่งสางถึงได้ถูกอีกฝ่ายช้อนร่างกลับไปส่งที่ห้องอย่างเสียงดาย แต่...
พี่รักน้องรส...แล้วคืนนี้พบกันนะที่รัก
รสรินหลับไปพร้อมกับคำว่ารักที่มันแทรกซึมลึกในทุกอณูของเรือนกายและในความทรงจำอันหวานล้ำ

รวิกานต์เดินบิดขี้เกียจออกจากห้องนอนด้วยชุดนอนซีทรูสีดำสายเดี่ยวที่บางเบาและสั้นปิดเพียงแค่แก้มก้นกลมมนหนั่นแน่น ผ้าที่มันปกปิดสัดส่วนอวบอิ่มสวยงามบนกายสาวไว้ไม่มิดอย่างลืมไปว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในบ้านเพียงลำพังแต่มีผู้ชายหุ่นน่าปล้ำเอาเป็นสามีนอนอยู่ในห้องรับแขกคนด้วย
มือเล็กยกขึ้นปิดปากกลั้นอาการหาวนอนทั้งที่ดวงตากลมโตยังไม่ยอมลืมตาตื่นมองดูเส้นทางด้วยซ้ำ ก็บ้านเธอนี่น่า เธออยู่มาตั้งแต่เด็กๆ จำได้ทุกซอกทุกซอกทุกมุม ให้เดินหลับตาก็ยังจะไม่ชนโน่นนี่ให้มันเจ็บตัว เท้าเล็กพาร่างโปร่งบางเดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อต้มน้ำร้อนกินกาแฟตอนเช้าด้วยความคิดที่ว่าให้กระติกน้ำร้อนมันทำงานของมันไป ส่วนเธอกลับไปนอนเอาแรงต่ออีกสักเล็กน้อยด้วยความง่วงที่มันยังปกคลุมโดยไม่รู้เลยว่าตัวเองได้กลายเป็นอาหารตาให้กับอีกคน
รัฐภาสตื่นนอนตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากห้องนอนหญิงสาวแล้วและเมื่อหญิงสาวเปิดประตูห้องนอนออกมาก็ผงกศีรษะขึ้นดู แล้วเขาก็พบกับอาหารตาที่พาเอาหัวใจเต้นกระหน่ำรัวเร็วเหมือนกับปืนกลเมื่อได้ยลความงามของเลขานุการสาว
ร่างหนาผุดลุกจากที่นอนปิกนิกที่นอนแล้วไม่สบายตัวเพราะขาเขาที่มันยาวเลยเบาะ กายใหญ่เคลื่อนตัวขึ้นทิ้งน้ำหนักตัวบนศอกข้างหนึ่ง ผ้าห่มนวมที่ใช้คลุมกายมาตลอดทั้งคืนเคลื่อนตัวลงไปกองบนสะโพกสอบอย่างหมิ่นเหม่เผยให้เห็นลอนกล้ามเนื้อซิกแพ็ก ตวัดสายตาคมกริบจับจ้องมองตามร่างโปร่งบางไปอย่างสบายใจสบายตา และเมื่อรวิกานต์เดินกลับมาด้วยอาการเดิมๆ
“อรุณสวัสดิ์ก้อย อากาศวันนี้ดีจริงๆ เลยนะ มีอาหารตาให้มองแต่เช้าเลย” รัฐภาสเอ่ยทักเสียงกลั้วหัวเราะ
“อ๊ะ...” รวิกานต์ซึ่งเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าในบ้านวันนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เธอคนเดียวร้องครางอย่างลืมตัว ดวงตากลมโตเบิกกว้างกับความทรงจำที่มันหลั่งไหลมาเหมือนกับสายน้ำ 
“เจ้านาย...กินเสร็จแล้วก็กลับบ้านได้แล้วซิคะ” รวิกานต์เอ่ยปากไล่รัฐภาสที่กินต้มมาม่าเสร็จก็ตั้งนานแล้วแต่ยังคงนอนเอกเขนกนอนเล่นในบ้านเธอหน้าตาเฉย จากตอนแรกที่ไม่คิดจะเอ่ยปากไล่ก็จำต้องเอ่ยปากเมื่อเห็นเวลาที่มันดึกเรื่อยๆ จนจะถึงเที่ยงคืนแต่อีกฝ่ายก็ยังนอนดูทีวีหน้าระรื่นอยู่ “ก้อยเหนื่อยอยากอาบน้านอนพักผ่อน”
“ไม่กลับ” รัฐภาสตอบกลับทันควัน สีหน้ายิ้มๆ สองมือใหญ่ยกขึ้นสอดเข้าหากันก่อนจะสอดไปใต้ศีรษะ ขาแข็งแกร่งสอดไขว้ยกขึ้นพาดบนโต๊ะ
“เจ้านาย!!” รวิกานต์ร้องเสียงสูง โอ๊ย!! อยากจะบ้าตาย เธอจะทำยังไงกับอีตาเจ้านายเอาแต่ใจนี่ดีนะ มือเล็กยกขึ้นจับขมับไล่ไปถึงเส้นผมนุ่ม แสยะเขี้ยวใส่ก็แล้ว ถลึงตาดุๆ ใส่ก็แล้วแต่รัฐภาสยังไม่คิดจะสนใจสักนิด
“ทำไมถึงไม่กลับ เจ้านายรู้ไหมเจ้านายทำอย่างนี้ก้อยเสียชื่อนะ ก้อยเป็นผู้หญิงยังไม่แต่งงานต้องมีผู้ชายมานอนค้างอ้างแรมด้วย เดี๋ยวชาวบ้านเขาก็จะหาว่าก้อยใจง่าย” รวิกานต์พยายามหาเหตุผลชักจูงให้อีกฝ่ายกลับไปเสียที
“กลัวเลขาหาย”
คำตอบสั้นๆ ทำให้รวิกานต์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ยกมือชูสองนิ้วให้คำสัญญาทั้งที่ในใจนั้นหงุดหงิดและมันแสดงออกทางใบหน้าอย่างชัดเจน
“สัญญาว่าวันจันทร์จะไปทำงาน” แต่อีกมือกลับไขว้ไว้ด้านหลัง นิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้กันไว้ ก็เธอโกหกนี่น่า ใครจะบ้าเข้าไปนั่งทำงานกับเจ้านายมือเร็วที่จ้องจะลากเธอขึ้นเตียง เพิ่งจะรู้ว่ารัฐภาสจะพาเธอขึ้นเตียงหลังจากที่สงสัยมานานก็ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี่แหละ เพราะถูกอีกฝ่ายล่วงเกินอยู่ตลอดเวลาที่มีโอกาสและหนักมือจนเธอตัวอ่อนระทวย แต่ที่จะหงุดหงิดมากที่สุดก็เป็นตัวเองที่ยอมให้เขาทำอย่างที่ต้องการด้วย
“ไม่เชื่อ” รัฐภาสตอบกลับอย่างรู้ทัน คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นสูง เหลือบสายตามองร่างโปร่งที่ยืนเกือบจะเต้นได้ด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย วงหน้ารูปไข่แดงปลั่ง ดวงตากลมโตที่อยู่ใต้แว่นตาคันใหญ่สีใสแดงเจิดจ้าเป็นประกายมองเขาอย่างเกรี้ยวกราดมันยั่วยุให้เขาอยากที่จะจัดการเธอให้เร็วที่สุดสมกับการรอคอย
ห๊ะ...อีตาบ้า จะเอายังไงกับฉันกันแน่ยะ รวิกานต์ย่นจมูก มือเล็กยกขึ้นจับขมับพาดยาวไปถึงศีรษะ ฟันขาวสะอาดกลีบปากบางพร้อมถอนหายใจออกยาวๆ
“แล้วเจ้านายจะเอาไง จะมานั่งเฝ้านอนเฝ้าก้อยทั้งวันทั้งคืนเลยหรือไง งั้นไปนั่งเฝ้าในห้องน้ำด้วยไหมคะ” ประชดเข้าให้เสียงสูงลิ่ว หน้าตาแดงก่ำจากเพียงแค่อับอายกลายเป็นโกรธ...โกรธเหมือนกับปรอทที่ถูกลนด้วยไฟและกำลังจะระเบิดออกมาในไม่ช้านี้
“ได้ก็ดีซิ เดี๋ยวจะช่วยอาบน้ำให้ด้วยเลย จะเอาไหมละ” รู้ว่าอีกฝ่ายประชดมาแต่ก็ตอบรับหน้าตาระรื่น ดวงตาเป็นประกายหวานเยิ้มเสียอีก แล้วเผลอเพียงแค่แป๊บเดียวร่างหนาใหญ่ก็ผุดลุกจากที่นอนอยู่ก้าวเดินเหมือนกับเสือกำลังจ้องตะครุบเหยื่อก็ผุดลุกขึ้นเดินมาหา
“กรี๊ด!! หยุดเลยนะเจ้านาย อย่าเข้ามานะ ไม่งั้งๆ ...” รวิกานต์เต้นเร่ายกมือขึ้นชี้หน้า กวาดสายตาหาเครื่องทุนแรงที่จะป้องกันตัวเองจากเจ้านายที่เปลี่ยนตัวเองจากคนสุขุมสุภาพเป็นพวกหื่นกระหายมือไว ก่อนจะพบไม้กวาดบ้านอันเล็กก็รีบคว้ามันมาใช้เป็นอาวุธ “ไม่งั้นก้อยฝาดด้วยไม้กวาดนี่ให้หัวแตกเลยคอยดู”
คิ้วหนาเป็นปื้นเลิกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับสายตาที่มันเลิกมองไปซ้ายทีขวาที ท่าทางเหมือนกำลังระอิดระอาใจ สองมือใหญ่ยกขึ้นเท้าสะเอว “คิดว่าไอ้ไม้กวาดอันขี้ปะติ๋วนั่นจะทำอะไรผมได้หรือก้อย เอาซิถ้าขืนคุณฝาดผมเพียงแค่ครั้งเดียวนะ จะจับเลขาจอมโหดอย่างคุณขึ้นเตียงเลย”
อ๊ายส์...ไอ้เจ้านายบ้า ก้อยไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่เจ้านายควงอยู่นะ เอ๊ะอ๊ะก็ลวนลาม เอ๊ะอ๊ะก็จะลากขึ้นเตียงนะ
เมื่อเห็นว่าถ้าสู้ด้วยกำลังลางแพ้ก็ลอยมาให้เห็นแต่ไกล รวิกานต์เลยต้องคิดหาทางอื่นเพื่อเอาตัวรอดและขับไล่รัฐภาสออกไปจากบ้าน แค่นี้เขาก็ทำเอาเธอนั้นหัวใจหล่นหายไปวันหนึ่งไม่รู้กี่รอบแล้ว ยังจะมาทำป่วนให้เธอไม่เหลือหัวใจอีก
“ทำไมเจ้านายถึงชอบรังแกก้อยนัก” วงหน้าสวยงองุ้มก่อนที่น้ำตาอุ่นร้อนจะไหลอาบสองแก้ม “สนุกนักหรือไงคะที่ได้แกล้งก้อยนะ” รวิกานต์ถามเสียงสั่นและแหบพร่า ขบกัดริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้น ก้มหน้ามองพื้น สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ สองมือยกขึ้นป้ายน้ำตาที่มันไหลอาบสองแก้ม
รัฐภาสถึงกับตกใจที่อยู่ดีๆ คนที่ปากจัดและเก่งกล้าอยู่เมื่อครู่ร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย กายหนาขยับเคลื่อนไป มือใหญ่ดึงไม้กวาดออกโยนทิ้งไป แขนใหญ่สอดกระชับร่างโปร่งมาแนบกายและพาเดินไปนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม รีบจับดึงเอาแว่นตาที่เขามองแล้วว่ามันเกะกะสิ้นดีออกจากวงหน้าสวย ปลายนิ้วกดซับน้ำตาบนพวงแก้มนุ่มแผ่วเบาก่อนจะทาบสองฝ่ามือร้อนบนพวงแก้มนุ่ม
“ไม่เอานะคนเก่ง ไม่ขี้แยซิ” นิ้วโป้งทั้งสองมือกดซับน้ำตาไล่ไปจนถึงหัวตา “ร้องไปเดี๋ยวไม่สวยนะ”
“ไม่ต้องมาพูดเลย เป็นเพราะเจ้านายนั่นแหละที่ทำให้ก้อยร้องไห้ เจ้านายชอบเอาเปรียบและรังแกก้อยอยู่เรื่อยเลย” รวิกานต์ตวัดค้อนด้วยสายตาให้รัฐภาส สองมือเล็กยกขึ้นจับมือใหญ่ออกจากแก้มแต่กลับถูกอีกฝ่ายยึดเอามือเธอไว้เสียแทน
“ก็คนถูกรังแกอยากน่ารักเองนี่น่า ช่วยไม่ได้” และไม่พูดเปล่า ปลายมือใหญ่จับรั้งปลายคางมนขึ้นให้รับจุมพิต
“อือ...ไม่นะเจ้านาย” รวิกานต์รีบร้องห้ามและเบือนหน้าหนี แต่ความพยายามขัดขืนมันก็ไม่เป็นผล ท้ายที่สุดริมฝีปากหนาร้อนเหมือนกับถ่านไฟก็ทาบทับบนกลีบปากอวบอิ่มจนได้ ในหัวใจดวงน้อยเต้นตักๆ เธอไม่เคยที่จะรังเกียจสัมผัสจากรัฐภาสเลยสักครั้ง มีแต่จะเร่งเร้าให้เขารีบพาเธอไปพานพบกับจุดหมายปลายทางแห่งความปรารถนาระหว่างชายและหญิงอย่างน่าละอาย
“อย่าห้ามฉันเลยก้อย ฉันรู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุด เมื่อไหร่ควรจะไปต่อ”
ริมฝีปากหนาขบกัดดูดเม้มกลีบปากอวบอิ่มบนสลับล่าง ช้าเนิบนาบสลับแรงเร็ว ปลายลิ้นสากระคายเหมือนจะสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากอุ่นนุ่ม แต่กลับเปลี่ยนใจทำเพียงแค่ลากไล้ที่ฟันขาวเรียงตัวสวยเหมือนไข่มุก มือใหญ่จับลำคอระหงลูบไล้คลึงเฟ้นผ่อนคลายคนที่นั่งตัวเกร็งอยู่อย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน
“มะ...ไม่นะเจ้านาย...” รวิกานต์พยายามร้องบอกให้หยุด แต่กลังเอนศีรษะไปท้างด้านหลัง ให้รัฐภาสได้ทาบจุมพิตขบเคลื่อนลงไปตามลำคอระหง ก่อนจะฝังตัวระหว่างซอกทรวงอกอวบอิ่มซึ่งไหวกระเพื่อม แม้จะยังมีตัวเสื้อขวางกั้นอยู่แต่ความร้อนผ่าวจากริมฝีปากและลมหายใจที่มันเป่ารดยิ่งทำให้หัวใจที่มันเต้นกระหน่ำรัวเร็วเหมือนกับกลองเพลอยู่แล้วทวีความรุนแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกทรวงเลย
“ก้อยจ๋า...ขอฉันกินเธอเป็นอาหารหวานนิดนะคนดี” เอ่ยขออนุญาตแต่ไม่ได้รอให้อีกฝ่ายอนุญาต สองแขนใหญ่ก็จับร่างโปร่งบางนั่งบนโซฟาและเคลื่อนตัวเองลงนั่งคุกเข่าข้างๆ ผลักรั้งร่างรวิกานต์ให้นอนลงอย่างช้าๆ มือใหญ่เกี่ยวเอาเสื้อทำงานทรงคุณป้าที่รวิกานต์ใส่อยู่ขึ้นไปพำนักบนลำคอระหง
รัฐภาสถึงกับร้องครางในลำคอเมื่อได้ยลความสวยงามอิ่มของดอกบัวตูมเต่งที่อยู่ในกรวยสีหลากสีเหมือนกับลูกกวาด ภายนอกรวิกานต์คือแม่สาวผู้แต่ตัวคร่ำครึและเชยแสนเชย แต่ภายในกลับเลือกใส่ชั้นในที่สุดแสนจะวาบหวิวและเซ็กซี่
ปลายนิ้วยาวใหญ่เคลื่อนไหวทาบทับกดคลึงก้อนเนื้อที่มันเต้นระริกอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยนด้วยกลัวว่าหากเขาจับแรงไปสักนิดมันจะช้ำเสียได้ ปลายยอดทรวงสีชมพูเข้มค่อยๆ ดุดดันบราเซียลายลูกกวาดขึ้นมาสร้างความปวดร้าวให้กับกายใหญ่ที่อยากจะกลืนกินหญิงสาวเสียจนหมดตัว แต่รู้ดีว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะหากว่าทำอะไรมากไปกว่าที่ทำอยู่ เขาจะต้องสูญเสียรวิกานต์ไปเป็นแน่
ดวงตาคมกริบเหลือบขึ้นมองวงหน้ารูปไข่แดงก่ำด้วยความอาย สบตากับรวิกานต์และยิ้มหวานๆ ให้ก่อนจะทาบใบหน้าลงระหว่างสองเต้าสล้างอวบอิ่ม
“อ๊ะ...เจ้านาย...” ปลายเล็กแหลมยาวจิกกดลงไปบนเบาะโซฟาตัวนุ่ม เส้นขนตามเรือนกายลุกชันด้วยความรู้สึกวาบหวามที่มันก่อเกิดขึ้นเมื่อถูกสัมผัสอย่างใกล้ชิดสนิทสนม
รัฐภาสไม่สนใจเสียงหวานแว่วที่ดังแผ่วพลิ้วมาด้วยเขากำลังหลงอยู่ในความหวานของผลไม้ทิพย์ ริมฝีปากขบเม้มดูดกลืนปลายยอดทรวงที่มันดุนดันชั้นในสีลูกกวาดสลับตวัดปลายลิ้นตีไต่ไล้วนปลายยอดจนมันแข็งตัวเป็นไต มือใหญ่เคลื่อนไหวบีบนวดเรื่อยลงไปตามปลีน่องผ่านเนื้อผ้านุ่มนิ่มก่อนจะตวัดชายกระโปรงขึ้นมาพำนักบนลำตัว ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ยำนวดปลีขาเรียวยาว ปลายนิ้วตวัดไล้ต้นขาเนียนนุ่มสอดแทรกไปจนถึงส่วนลี้ลับของกายสาว คลึงเคล้นแผ่วเบา
“อ๊ะ...ไม่นะเจ้านาย” รวิกานต์ร้องเสียงหลง รีบดึงสติที่มันยังพอมีหลงเหลืออยู่ย้อนกลับเข้าที่เข้าทาง สองมือเล็กยกขึ้นผลักกายใหญ่ให้ออกห่าง รีบลุกขึ้นวิ่งไปยืนอยู่ไกลๆ คนเอาแต่ใจ สองขายังคงสั่นเทา วงหน้าแดงปลั่งไปถึงลำคอ มองรัฐภาสตาเขียวระคนวาบหวาม
“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะเจ้านาย แล้วรีบกลับบ้านไปได้แล้ว ก่อนที่ก้อยจะเรียกตำรวจ” เมื่อทำอะไรไม่ได้ ทำอย่างโน้นก็แพ้ อย่างนี้ก็มีปัญหาเลยคิดว่าถ้าขู่เรียกตำรวจจะทำให้อีกฝ่ายนั้นยอมไปจากบ้านได้ง่ายๆ ที่สุด
“บอกแล้วว่าไม่ไป จะนอนที่นี่จนกว่าจะแน่ใจว่าก้อยยังไปทำงาน” กายใหญ่ลุกขึ้นรีบเดินไปคว้ากุญแจบ้านที่เขาเอาไปวางไว้ใกล้ๆ กับทีวีมาถือไว้และเดินกลับไปที่รถ หอบเอาเสื้อผ้าที่เขามักจะมีติดกายกลับมา ท่ามกลางความมึนๆ งงๆ ของคนเป็นเจ้าของบ้าน แขกผู้อาศัยที่ไม่ได้รับเชิญเดินหายไปเข้าไปในห้องนอนใหญ่
รวิกานต์ถึงกับมึนงง พาตัวเองไปนั่งบนโซฟาตัวเมื่อครู่จนรัฐภาสกลับออกมาจากห้องด้วยสภาพที่ทำให้เธอนั้นอายหน้าแดงอีกครั้ง ดวงตากลมโตมองร่างหนาที่มีเพียงแค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวไม่ใหญ่ติดกายเพียงตัวเดียว น้ำลายเหนียวๆ ไหลติดลำคอ ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าค้างจนต้องรีบหุบลงอย่างรวดเร็วเมื่อคนถูกจ้องไม่มีทีท่าว่าจะเขินอายแถมยังจะส่งยิ้มให้อีก เป็นเธอที่อายจนคิดว่าพวงแก้มแดงปลั่งเหมือนกับกุ้งถูกต้มสุขแล้ว สองมือเล็กรีบยกขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ
ตื่นๆ ยัยก้อย ตื่น อย่าหลงกับไอ้กล้ามเนื้อเป็นลอน กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ นั่นนะยะ เดี๋ยวก็ถูกกินเป็นอาหารรอบดึกหรอกแต่ถึงจะบอกกับตัวเองอย่างนั้นกว่าที่รวิกานต์จะเรียกคืนสติและถอนสายตาจากอีกฝ่ายได้ก็เป็นตอนที่รัฐภาสเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ จนได้กลิ่นสบู่ที่เธอใช้นั่นแหละ
“กลัวอะไรหรือก้อย” รัฐภาสเอ่ยถามกลั้วหัวเราะ มองคนขี้กลัวที่ขยับหนีเขาไปสุดขอบโซฟาและรีบลุกขึ้นไปหยุดยืนที่หน้าห้องตัวเองด้วยท่าทางตื่นตระหนกและขลาดกลัวอารมณ์ที่มันอยู่ในกายตัวเอง
“ตกลงเจ้านายจะนอนที่บ้านก้อยใช่ไหม”
“อือ...” มือใหญ่หยิบรีโมททีวีมาเปิดและเลื่อนหาช่องดูอย่างสบายอารมณ์
เสียงที่ดังจากลำคอแกร่งและศีรษะทุยที่ผงกรับทำให้รวิกานต์ถึงกับถอนหายใจและเบะหน้าอย่างเบื่อๆ เดินกลับเข้าไปในห้องและเดินออกมาใหม่อีกครั้งพร้อมกับที่นอนปิกนิกเก่าๆ ที่แทบจะใช้การไม่ได้กับผ้านวลอุ่นนุ่มมาโยนให้อีกฝ่ายท่าทางตะบึงตะบอน
“งั้นก็คิดว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองเสียเลยนะคะเจ้านาย จะไปจะมา จะหาอะไรกินก็ตามสบาย” ประชดพร้อมค้อนขวับให้ก่อนจะสะบัดหน้ากลับเข้าไปในห้องนอนอย่างไม่สนใจพร้อมกดล็อกประตูห้องเสร็จสรรพ แต่ไม่วานหันกลับมามองประตูห้อง นิ้วโป้งทั้งสองนิ้วกดบนพวงแก้ม ปลายนิ้วทั้งสี่นิ้วชูขึ้นด้านบนกระดิกพร้อมกับปลายลิ้นที่ยื่นออกมาทำเสียงแบลๆ ใส่คนนอกห้องที่ตอนนี้นอนยิ้มกริ่ม

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ29 มกราคม 2555 เวลา 02:45

    ความหวานมีมากล้น

    ตอบลบ
  2. หวานจนมดขึ้นเต็มหน้าจอแล้ว

    ตอบลบ
  3. หวานไม่มีที่สิ้นสุดจะหวานไปถึงไหน

    ตอบลบ