หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ตอนที่ 12 ใจสลาย


ตอนที่ 12
ใจสลาย
แสงสว่างที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างมาส่องกระทบเปลือกตาอ่อนๆ ทำให้นันทิยาถึงกับต้องหรี่ตาและเมินหน้าหลบหนีจนไปชนกับอะไรบางอย่างที่ร้อนระอุ ทำให้ความทรงจำที่ขาดหายไปชั่วระยะเวลาหนึ่งย้อนกลับคืนมาพร้อมๆ กันน้ำตาที่มันเอ่อล้นไหลซึมจากสองดวงตา ฟันขาวสะอาดขบกัดริมฝีปากอวบอิ่มแดงช้ำและเจ็บร้าวด้วยเพราะถูกบดขยี้อย่างรุนแรงอย่างไม่ต้องการให้คนที่นอนกอดเธออย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตื่นลืมตามมามองด้วยความดูถูกและเยาะเย้ยถากถางด้วยคำพูด
เพียงแค่ขยับกายนิดเดียวเท่านั้นมือเล็กต้องรีบยกขึ้นมาปิดปากตัวเองได้ทันก่อนคำว่าอุ้ยจะหลุดออกจากปากเพราะความเจ็บร้าวจากส่วนกลางของเรือนกายก่อนจะแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง บวกกับความอึดอัดที่มาจากแขนใหญ่ที่โอบกอดกระชับจนเธอได้ยินเสียงหัวใจของภามเต้นเป็นจังหวะจนเธออยากจะนอนฟังมันเต้นทั้งวันทั้งคืนแต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ขอเวลาสักนิด ให้เธอได้เก็บเอาความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเคยได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของภาม
แสงแดดที่แผดจ้าขึ้นทำให้นันทิยารู้ว่าเวลาของเธอนั้นคงจะหมดลงแล้ว มือเล็กค่อยๆ จับแขนใหญ่ออกจากกายแต่กลับได้รับเป็นเสียงประท้วงดังอือๆ อาๆ มาจากกายใหญ่จนเธอกลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมามองเธอด้วยสายตาเหยียดหยามและประณามด้วยคำพูด ก่อนที่จะหักหาญน้ำใจจนเธอต้องยอมตกเป็นเบี้ยล่างอีกครั้ง แต่แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกจากปอดเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายเพียงแค่ประท้วงนิดๆ และกายใหญ่ก็พลิกนอนหงายให้เธอเป็นอิสระอย่างที่กายต้องการแต่ไม่ใช่หัวใจที่มันเรียกร้องยากแต่จะซุกกายกับอกกว้างตลอดไป
นันทิยาค่อยๆ ดันตัวเองลุกจากเตียงอย่างช้าๆ เพียงแค่ขยับกายเท่านั้นร่างกายเธอเหมือนว่ามันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กว่าที่จะลุกจากเตียงได้ก็เล่นเอาเหงื่อเม็ดเล็กๆ ไหลซึมตามขมับและแผ่นหลัง สองมือกำหมัดแน่น ฟันขาวสะอาดขบกัดริมฝีปากจนเจ็บด้วยไม่ต้องการให้น้ำเสียงแห่งความเจ็บที่หลุดออกจากกาย
เพียงแค่ขาเรียวยาวยกขึ้นก้าวไปหวังจะหยิบเอาผ้าขนหนูและเสื้อคลุมมาปกปิดร่างกาย น้ำตาอุ่นร้อนก็หยดจากดวงตา กลีบกายน้อยๆ เจ็บร้าวจากการรุกล้ำเอาแต่ใจจนขาเรียวยาวถึงกับสั่นเทาและไม่คิดที่จะทะนุถนอม หญิงสาวก้มลงมองร่างกายตัวเองว่าทำไมมันถึงได้เจ็บปวดนัก ทำไมถึงไม่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขเหมือนที่ผู้หญิงคนอื่นๆ ซึ่งเธอเห็นเดินหน้าตาระรื่นออกจากห้องภามหรือแม้แต่ชานนท์
น้ำตาอุ่นร้อนอาบไหลตามร่องแก้ม สภาพของร่างกายตัวเอง เรือนกายที่เคยขาวผ่องเป็นยองใยกลับแดงช้ำไปเกือบจะทั้งตัว ทำไมภามถึงได้โหดร้ายกับเธอแบบนี้
ใช่...เธอไม่เถียงเลยว่ายามที่สองกายมันเคลื่อนไหวสอดประสานกันด้วยท่วงทำนองแห่งความพิศวาสมันเร่าร้อนและโอบล้อมไปด้วยความสุขแต่มันก็แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดอยู่บ่อยครั้งเพราะการจับต้องอย่างหนักมือและรุนแรงของอีกฝ่าย นันทิยาเกือบจะหมดแรงพาตัวเองไปหาในสิ่งที่ต้องการ แต่ก็จำต้องข่มกลั้นกัดฟันข่มความเจ็บนำพาเอาร่างกายที่มันอ่อนระโหยโรยแรงเดินไปหยิบเอาผ้ามาคลุมร่างกายจนได้
กายโปร่งบางเดินกลับมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าเตียงนอนใหญ่อีกครั้ง ค่อยๆ ไล่มองวงหน้าคมคร้ามจากหน้าผากเรื่อยลงมาถึงจมูกโด่งเป็นสัน สุดท้ายก็หยุดที่กลีบปากหนาแดงฉ่ำที่มันมอบทั้งความสุขและเร่าร้อนให้ แต่อย่าให้มันเอ่ยขยับเพราะน้ำเสียงที่ออกมาจะเป็นคำเยาะเย้ยถากถางทำให้เธอเจ็บช้ำตลอดจนหัวใจแทบจะแตกสลาย
“หวังว่าสิ่งที่ไทนี่จะทำให้พี่ภามหลังจากวันนี้จะเป็นสิ่งที่พี่ภามยินดีและพอใจที่สุดนะคะ ลาก่อนคะพี่ภาม” นันทิยาเอ่ยลากอีกฝ่ายเสียงเศร้าก่อนจะลากร่างกายบอบช้ำไม่แพ้จิตใจของตัวเองเดินออกมาจากห้องด้วยน้ำตาที่มันไหลนองหน้า
แม้จะเป็นเวลาค่อนข้างสายแล้วแต่วันนี้ดูเหมือนมันจะปลอดโปร่งให้เธอนั้นไปจากเกาะแห่งนี้โดยง่าย เพราะตั้งแต่เปิดประตูห้องภามออกมาตามระเบียบห้องก็ไม่มีใครเดินผ่านไปมาทักทายให้เธอนั้นต้องอับอาย จบจนถึงห้องพักนันทิยารีบอาบน้ำล้างคราบคาวๆ ที่เกาะติดอยู่บนร่างกายออกไปจนหมดสิ้นแต่สายน้ำเย็นๆ ไม่ได้ช่วยชะล้างคราบคาวที่เกาะกุมอยู่ในหัวใจได้เลย
มือเล็กทุบไปบนผนังห้องพร้อมกับน้ำตาและเสียงร้องไห้โฮดังลั่น เป็นนานกว่าที่นันทิยาจะระงับสติอารมณ์ตัวเองให้กลับเข้าที่และพาร่างกายบอบช้ำสวมใส่เสื้อผ้าพาตัวเองออกจากบ้านพักหลังเกาะ พาตัวเองก้าวขึ้นเรือที่มีนักท่องเที่ยวหลายคนนั่งอยู่ด้วยหน้าตาแดงก่ำ น้ำตาอุ่นร้อนของคนที่หลงระเริงไปในเปลวไฟก็เอ่อล้นไหลซึมออกจากสองตาอย่างไม่ขาดสายโดยไม่คิดที่จะยกมือขึ้นมากดซับ อยากให้น้ำตาเป็นเครื่องเตือนใจว่าตัวเองนั้นใจง่ายและโง่เง่าสักเพียงไหนที่ยอมปล่อยตัวปล่อยใจให้ภามย่ำยีเอาตามแต่ใจ
นันทิยานั่งคู้ตัวงอ พยายามบังคับศีรษะตัวเองไม่ให้หันกลับไปมองยังที่จากมาด้วยรู้ตัวเองดีว่าถ้าทำอย่างนั้นเธอจะไม่สามารถนั่งเรือออกไปจากเกาะนี้ได้โดยที่ไม่วิ่งย้อนกลับลงไปพบเจอกับความเจ็บปวด อับอายขายหน้า ถูกภามเหยียดหยามรังแกเอาอย่างไม่มีวันจบสิ้น เพียงแค่นี้เธอก็อายตัวเองพอแล้วที่ยอมให้เขาทำอะไรๆ อย่างไม่คิดที่จะห้ามปราม
เสียงเครื่องยนต์ทำงานเพียงไม่นานเรือก็วิ่งออกไปให้นันทิยาทิ้งความรัก ความสุขและความเศร้าไว้เบื้องหลัง “ลาก่อนคะพี่ภาม ขอเวลาให้ไทนี่ทำใจลืมเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ลืมว่าไทนี่เคยถูกพี่ทำร้ายยังไงบ้าง ลืมว่าครั้งหนึ่งไทนี่เคยรักพี่ เมื่อถึงวันนั้น...วันที่ไทนี่ฟังกลบพี่เอาไว้ลึกสุดใจ ไทนี่ลืมพี่ได้ แล้ววันนั้นไทนี่จะกลับมา” นันทิยาบอกกับหัวใจตัวเองและเอ่ยกับสายลมให้ไปบอกคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงได้รับรู้
ต่อไปนี้จะไม่มีเธออยู่เกะกะสายตาอีกแล้ว

“ว่าไง คิดอะไรอยู่ หน้าถึงได้แดงเหมือนกับเชอรี่เลยละ” รัฐภาสถามกลั้วหัวเราะ ดวงตาจับจ้องมองวงหน้าเนียนเรียวรูปไข่ตาวาวและอย่างรวดเร็วที่รวิกานต์คิดไม่ถึงร่างหนาใหญ่เคลื่อนตัวขึ้นมาคว้าแขนเล็กเรียวกระตุกเพียงเล็กน้อยร่างโปร่งก็ปลิวมานอนใต้ร่าง
“ปะ...ปล่อยก้อยนะเจ้านาย” รวิกานต์รีบพูดจนลิ้นพัวพันกัน รีบดึงแขนออกจากมือใหญ่มาผลักดันอกกว้างที่แนบทับลงมาจนเธอแทบจะไม่กล้าหายใจ
“หืม...ทำไมต้องปล่อยละ ฉันยังไม่ได้รับจูบอรุณสวัสดิ์หวานๆ จากเธอเลยนะ” ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ปฏิเสธใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปจนปากหนาร้อนประกบปากอวบอิ่มอย่างไม่ถือว่าหญิงสาวจะยังไม่ได้ล้างหน้าแปลงฟัน มือใหญ่จับสองแขนเล็กเรียวที่ยกขึ้นประทุษร้ายกายใหญ่ขึ้นไว้เหนือศีรษะ ไม่ได้เจ็บหรอกนะแต่ว่ามันรำคาญเท่าและมันทำให้เขาจูบรวิกานต์ได้ไม่ถนัดด้วย
“อือ...อือ...” พยายามเบือนหน้าหนีแต่กับถูกมือใหญ่จับรั้งปลายคางเอาไว้ ริมฝีปากหนาร้อนขบกัดกลีบปากบ่นล่างสลับกัน วาดมือใหญ่ไล้มาจากหางตา พวงแก้มอิ่มเต็มเนียนนุ่ม ไล่ถึงลำคอระหง รวิกานต์ตัวสั่นเมื่อทรวงอกอวบถูกจับต้องครอบครองอย่างถือสิทธิ์ ดวงตากลมโตเบิกกว้างพยายามส่ายศีรษะห้ามปรามพร้อมกับเสียงร้องในลำคอ
ปลายลิ้นสากระคายเปิดแยกสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากอุ่นนุ่ม ตวัดพลิกพลิ้วเลาะเลี้ยวเที่ยวท่องไปทั่วโพรงปากนุ่มเกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นเล็กๆ ฝ่ามือร้อนระอุทาบทับคลึงเคล้นปทุมอวบอิ่ม ไปจนถึงปลายยอดถันนูนเด่นผ่านตัวผ้าพลิ้วเนียนนุ่มหนักสลับเบา
จูบร้อนผ่าวกดซับไปทั่ววงหน้าเนียนนุ่ม ซุกไซ้ขบกัดลำคอระหง ฝ่ามือใหญ่ยอมเคลื่อนจากสองทรวงอวบอิ่มชั่วคราว ขยับเคลื่อนสอดไซ้ไปใต้แผ่นหลังเนียนนุ่มคลึงเคล้นผิวกายเนียนละออกขึ้นไปเกี่ยวรั้งเอาสายเสื้อคล้องบ่าลงมาทีละน้อยพร้อมริมฝีปากหนาร้อนผ่าวที่เคลื่อนไหวตามติด
“อือ...ไม่นะเจ้านาย” พยายามห้ามปรามเสียงสั่นพร่าและพลิ้วนุ่ม สองมือที่ไม่รู้ว่าถูกปล่อยตั้งแต่เมื่อไหร่โอบวาดรอบกายใหญ่ ขยับพลิ้วไหวไปตามกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง จิกลากบ้างตามแต่อารมณ์วาบหวิวที่มันผุดขึ้น ซอกซอนเข้าไปพัวพันเส้นผมหนานุ่ม
“อยากห้ามฉันจริงๆ หรือก้อย” รัฐภาสเอ่ยถามเสียงนุ่ม สองมือใหญ่สอดดันลำตัวกลมกลึงจนลอยขึ้นเหนือฟูกนุ่มที่เขาอาศัยหลับนอนเมื่อคืนจนชุดนอนตัวเล็กและบางเบาปกปิดกายสาวจากสายตาเขาก็ไม่ได้หล่นลงไปกองอยู่ระหว่างเอวเล็กคอด แต่ทว่าเขาก็ยังไม่ได้ยลบัวตูมเต่งตึงชัดเจนกระจ่างตาอยู่ดีนั่นแหละเพราะมันยังมีชั้นปกปิดอยู่
รวิกานต์จนปัญญาที่จะเอ่ยพูดออกไป มันบอกไม่ถูก อยากให้เขาหยุดก็ใช่ แต่ใจส่วนหนึ่งก็อยากให้เขาเดินหน้าต่อไปไม่ต้องหยุด ได้แต่ใช้ฟันขาวขบกัดกลีบปากอวบอิ่ม ดวงตากลมโตเป็นประกายสุกสกาวเหมือนกับมีดวงดาวบนท้องฟ้ามาส่องกระพริบอยู่มองสบกับดวงตามคมกริบที่เป็นประกายพราวระยับและหวานเชื่อม ไฟร้อนผ่าววิ่งไหลไปตามกระแสเลือดเน้นหนักที่พวงแก้มอิ่มนุ่ม
“อ๊ะ...” ลำตัวกลมกลึงแอ่นโค้งเล็กน้อยมือปลายมือใหญ่ป่ายปัดเหนือปลายยอดถัดข้างหนึ่ง
“ว่าไงจะก้อย อยากให้ฉันหยุดทำอย่างนี้กับเธอจริงๆ หรือยาหยี” ปลายนิ้วยาวร้อนระอุทาบคลึงเคล้นปลายยอดทรวงที่มันนูนเด่นแข็งตัวเป็นไต พร้อมกับปากหนาและร้อนผ่าวเหมือนกับถ่านไฟทาบลงเหนือขอบชั้นในขบกัดสลับใช้ปลายลิ้นตวัดดูดเม้มผิวเนื้อสีขาวจนมันแดงเป็นจ้ำ
“มะ...ไม่รู้” หน้าท้องแบนราบเรียบเริ่มขมวดเป็นเกลียวด้วยความสยิวซ่านที่มันแผ่กระจายมา สองเท้าขยับถูกไถกับเบาะอุ่นนุ่ม
รัฐภาสยิ้มกว้าง ทุกส่วนบนร่างกายรวิกานต์ถูกใจเขาไปเสียหมด ริมฝีปากที่หวานเหมือนกับน้ำผึ้ง ทรวงอกอวบอิ่มที่ผลิบานในอุ้งมือให้เขาได้ลิ้มลองอย่างไม่มีวันเบื่อหน่าย กายเล็กกลมกลึงและน่าจับต้องไปหมดทุกสัดส่วน แม้กระทั่งนิสัยก็เหมือนกันไม่เซ้าซี้เรื่องมากให้น่าหงุดหงิดและรำคาญใจ แล้วยังเข้าอกเข้าใจอะไรดี เวลาไหนควรรับเวลาไหนควรรุกและเวลาไหนควรที่จะถอย
“งั้นฉันขอ...” ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าวเกี่ยวรั้งเอาสายเสื้อชั้นในตัวเล็กปล่อยอกอวบอิ่มกลมกลึงตัดกับปลายยอดสีชมพูเข้มแข็งนูนเป็นไตชูไสวตรงหน้า ริมฝีปากหนาร้อนขบกัดไปอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา ละเลียดลิ้มชิมรสหวานบนผิวกายเนียนนุ่มดุจใยไหมอย่างเชื่องช้าจนถึงที่หมาย ปากหนาอ้างับผลไม้รสหวานนุ่มที่ติดตรึงใจเขาอยู่มิคลาย จนหวังว่าจะได้กัดกินบ่อยครั้งตามต้องการ
“อ๊ะ...เจ้านาย...”
รวิกานต์รู้สึกเหมือนกับว่าตอนนี้ตัวเธอเป็นปรอทที่ถูกเผาด้วยไฟ มันร้อนรุ่มปั่นป่วนจนไม่รู้ว่าไม่รู้ว่าจะห้ามให้หยุดหรือให้อีกฝ่ายทำอย่างที่กำลังทำอยู่นี่ให้สิ้นสุดเมื่อถึงจุดหมายปลายทางกับความเสียวซ่านไหววูบเหมือนกับมีไฟกองใหญ่ไหลวนเวียนอยู่ในร่างกายไล่ลงมาจากศีรษะจรดปลายเท้า ปลายยอดทรวงเครียดครัดแข็งเป็นไตหายไปในอุ้งปากหนา ลำตัวกลมกลึงแอ่นโค้งงอให้ทรวงอวบเต่งตึงรับปลายลิ้นสากระคายไล้เวียนวนดุดดันป้านบัวนุ่ม ขบกัดสลับดูดเม้มด้วยความหนักหน่วงและเป็นเจ้าของ ไม่รู้ว่าจะห้ามให้หยุดหรือให้อีกฝ่ายทำอย่างที่กำลังทำอยู่นี่ให้สิ้นสุดเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง
รัฐภาสดูดดื่มความหวานจากทรวงอกอวบทั้งสองข้างสลับกับฝ่ามือใหญ่ฟอนเฟ้นเคล้นคลึงจนบัวคู่งามแทบจะบานเบ่งตามติดมือใหญ่ ความหวานจากกายสาวที่ไร้การปรุงแต่งทำเอาเขาถึงกับร้อนผ่าวลำตัวเหมือนจะระเบิดด้วยความกระหายอยากที่จะกดฝังเรือนกายให้แนบชิดสนิทเป็นเนื้อเดียวกัน ลมหายใจหอบรัวแรงเร็วจนอกกว้างไหวกระเพื่อม สัดส่วนความเป็นชายดุดดันกางเกงวอมขาสั้นที่เขาเลือกมาใส่ ถ้านอนอยู่ที่ห้องส่วนตัวเขาจะไม่สวมใส่อะไรเลยแต่นี่เพราะนอนบานรวิกานต์เลยใส่เสียหน่อยกันอุจาดตา
“ก้อยจ๋า...ยาหยี หวานที่สุดเลยสาวน้อย” รัฐภาสร้องครางเหมือนคนละเมอ ฝ่ามือใหญ่เคลื่อนไล้ฟอนเฟ้นไปทั่วเรือนกายกลมกลึง ขยำนวดคลึงบั้นท้ายงามงอนพร้อมเกี่ยวเอาชุดนอนบางเบาออกจากกายสาวตามติดมือที่ลากเรื่อยลงไปตามปลีขาเรียวยาว ริมฝีปากหนาเริ่มละเคลื่อนซุกไซ้ลำคอระหง ประทับบนกลีบปากอวบอิ่ม สอดแทรกปลายลิ้นไปในความอุ่นหวานของโพรงปากนุ่ม เคลื่อนฝ่ามือร้อนผ่าวมาขยำนวดต้นขาด้านใน
อือ...กายโปร่งบางสั่นสะท้านไหวเหมือนกิ่งไผ่ยามต้องลมแรง เนื้อตัวอ่อนระทวยเหมือนกับขี้ผึ้งถูกลนไฟ สองแขนเรียวยาวได้แต่โอบรอบกายใหญ่ สอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปจิกทึ้งเส้นผมหนานุ่มสลวย แม้กระทั่งว่ารัฐภาสช้อนกายขึ้นจากพื้นพาเดินไปในห้องนอนเธอก็ยังแทบจะไม่รู้สึกตัว
“อย่านะเจ้านาย!!” สติที่หายไปกลับคืนมาอย่างรวดเร็วเมื่อแผ่นหลังแตะพื้นเตียงนอนนุ่มๆ รวิกานต์ก็ถลาดันตัวเองขึ้นพร้อมร้องห้ามรัฐภาสเสียงหลง สองมือเล็กยกขึ้นยันกายใหญ่ที่ทาบตัวตามติดไป อับอาย โกรธและเกลียดตัวเองที่ยอมให้อารมณ์พิศวาสของหนุ่มสาวนำพาตัวเองจนเกือบจะต้องสูญเสียสิ่งมีค่าไป น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้าและไหลออกมาอย่างรวดเร็วอย่างที่หักห้ามเอาไว้ไม่ได้
“ไม่เอานะคนเก่ง อย่าร้องซิ” ห้ามพร้อมปลายนิ้วที่ยกขึ้นกดซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“จะไม่ร้องได้ไงเล่า ก็เจ้านายเล่นจะกินก้อยเป็นอาหารเช้าแล้วนิ ก้อยไม่ได้ผู้หญิงในแคตตาล็อกของเจ้านายนะ” ตอบกลับหน้ากระเง้ากระงอดพร้อมตวัดค้อนส่งให้คนเอาเปรียบวงโต อายจนหน้าตาและลำตัวแดงปลั่ง ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว จะยื่นมือไปจับดึงเอาผ้าห่มมาคลุมกายก็ทำไม่ได้ เพราะเธอนอนทับอยู่ เชื่อเถอะพรุ่งนี้เธอคงไม่กล้าไปเจอหน้ารัฐภาสที่ทำงานแน่นอน
“ก็ใครว่าใช่ละ” เธอเป็นมากกว่านั้นก้อย’ คนชอบเอาเปรียบอมยิ้มแก้มตุ่ย กวาดสายตามองไล่ไปทั่วเรือนกายกลมกลึง ไม่ว่าส่วนไหนจุดใดของรวิกานต์มันชั่งถูกใจเขาไปเสียหมดจนกำลังจะยอมจำนนกับความต้องการกลายเป็นสมภารกินไก่วัดเสียแล้ว
“ออกไปจากห้องก้อยได้แล้ว ถ้าให้ดีก็รีบกลับบ้านไปด้วย” เผลอเอ่ยปากไล่โดยลืมสภาพของตัวเองไปเสียสนิท กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อกายโปร่งบางนอนราบบนเตียงนอนโดยมีร่างหนาใหญ่ทาบทับสนิทแนบชิดจนแทบไม่มีที่ว่างให้สายลมพัดผ่าน ไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจด้วยกลัวสองกายที่เสียดสีกันจะทำให้ไฟมันสปาร์คขึ้นอีก
“ยังไม่อยากออกและไม่กลับด้วย ว่าจะฝากท้องไว้ที่บ้านก้อยสักสองสามวัน”
รวิกานต์ไม่สนใจว่ารัฐภาสจะพูดว่าอะไร เพราะเธอจำต้องรับศึกกับมือใหญ่ที่มันลากไล้เคลื่อนไหวไปตามเรือนกายจับไล่จากตรงนี้ก็เคลื่อนไหวไปตรงโน้นจนเธอตามไม่ทันยังกับมีสักสิบมือเหมือนกับทศกันต์อย่างนั้นแหละ จนเหนื่อยรวิกานต์ก็ยังจับมือใหญ่ให้หยุดไม่ได้ เลยต้องหาวิธีการอื่นมาใช้แทน
“เจ้านาย...ถ้าไม่หยุด ก้อยโกรธจริงๆ นะ” หญิงสาวเน้นพูดเสียงดังฟังชัด ประกายในดวงตาวาววับเหมือนกับตาเสือ แต่หน้าตากลับแดงปลั่งด้วยความอายและอีกความรู้สึกที่มันซุกซ่อนอยู่ในหัวใจที่เริ่มจะผุดขึ้นมาเหมือนกับดอกเห็ด
“ไม่ปล่อย ความจริงอยากกินก้อยเป็นอาหารเช้าจริงๆ นะ แต่สงสาร เลยคิดว่าจะขอแค่ได้จับต้องนิดๆ หน่อยๆ ก้อยคงจะไม่ว่านะยาหยี”
“กรี๊ด...ไม่นะเจ้านาย...อย่า...”
เสียงร้องห้ามหายเข้าไปในปากอวบอิ่มที่ถูกปิดทับอย่างรวดเร็ว กายสาวสั่นสะท้านไหวเมื่อรัฐภาสปลุกเร้าอารมณ์ดิบที่มีอยู่ในกายให้ลุกโชนขึ้นมา สองมือเล็กได้แต่จับแขนใหญ่ ขยับเคลื่อนตัวหนีก็ไม่ได้เมื่อถูกทาบทับไว้อย่างแนบชิด ลำขาเสลากลมกลึงสั่นสะท้านด้วยมือใหญ่ที่มันลูบไล้ขยำบั้นท้ายเรื่องลงไปถึงต้นขาด้านใน ระเรื่อยลิ่วเหมือนผีเสื้อกำลังโบยบินเข้าไปแตะต้องเกสรผ่านกางเกงชั้นในตัวเล็กที่ยังไม่ถูกอีกฝ่ายนั้นดึงออก
“ก้อยจ๋า...” รัฐภาสร้องเสียงแหบพร่า ขบกัดกลีบเปลือกปากบนและล่าง สอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากอุ่นนุ่ม พลิ้วพลิ้วเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นเล็กดูดดื่มความหวานจนกลีบปากอวบอิ่มเห่อบวมและแดงช้ำก่อนจะขบเคลื่อนริมฝีปากไปตามลำคอระหง ใบหน้าคมคร้ามซบซุกตรงกลางระหว่างสองเต้าอวบอิ่มกลมกลึง สอดแทรกแยกลำขาเรียวย่างให้ขยับห่างพร้อมเคลื่อนกายไปทาบทับคลึงเคล้นความใหญ่อลังการของเรือนกายที่มันขยายตัวใหญ่ดุนดันกางเกงวอมด้วยอยากจะมอบสุขให้เธอกับปุบผาดอกน้อย
รวิกานต์ไม่ได้ขานรับพร้อมอาการขัดขืนต่อต้านที่เริ่มจะหายไป ปั่นป่วนจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ขยับสะบัดกายไปตามไฟพิศวาสที่อาบล้นทั่วร่าง สะโพกงามงอนขยับส่ายพลิ้วไหว หัวใจเต้นแรงรัวเร็วจนปทุมถันกระเพื่อมไหว ท้องน้อยที่มันบิดเป็นเกลียวคลื่นพอๆ กับลำขากลมกลึงที่มันเทาอย่างรุนแรงด้วยวาบหวิวสยิวซ่านที่มันเป็นเหมือนลาวาร้อนๆ ไหลไปตามกระแสเลือด
สองมือใหญ่สอดกระชับดันทรวงอกอวบอิ่มจนมันลอยไสวอยู่ตรงหน้า “รู้ไหมก้อย...ตรงนี้ของเธอมันบอกกับฉันว่า...” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียแหบและเซ็กซี่ ปลายนิ้วยาวไล้วนกดคลึงรอบป้านเม็ดสีชมพูเข้มที่มันแข็งตัวเป็นไต วงหน้าคร้ามแหงนขึ้นเล็กน้อยมองสบกับดวงตากลมโตเป็นประกายวูบไหวด้วยไม่แน่ใจในตัวเองจนอดที่จะยิ้มไม่ได้ รวิกานต์เก่งไปหมดทุกเรื่อง งานนอกบ้านงานในบ้าน ยกเว้นเพียงแค่เรื่องนี้ที่เขาเท่านั้นจะเป็นผู้ชักนำทางเธอ
อยากให้ฉันทำอย่างนี้จะแย่แล้ว จุมพิตร้อนผ่าวทาบเคลื่อนจากฐานขึ้นไปเวียนวนรอบทรวงอวบเต่งตึง บรรจงทาบริมฝีปากหนาร้อนผ่าวปลายยอดทรวงสีหวานนุ่มที่แข็งตัวตอบสนอง ขบกัดตวัดปลายลิ้นรอบป้านบัวเม็ดนุ่ม ดูดเม้มกลืนกินจนเม็ดทับทิมตั้งชันหายไปในอุ้งปาก กดคลึงปลายนิ้วขยี้อีกเม็ดอย่างชำนาญกาล
“อ๊ะ...เจ้านาย...” เสียววาบจากศีรษะจดปลายเท้า จากเป็นเพียงแค่ลูกไฟขนาดเล็กตอนนี้มันกลับกลายเป็นกองไฟวิ่งไหลเวียนวนอยู่ในท้องน้อยแผ่ซ่านไปตามกระแสเลือด ในหัวสมองขาวโพลนเหมือนกับมีเกล็ดหิมะตกจากฟากฟ้าสีคราม เหมือนกับเธอเป็นดอกไม้ใบหญ้าที่กำลังบานเบ่งรับแสงอรุณรุ่ง แอ่นโค้งลำตัวกลมกลึงจนแผ่นหลังไม่ติดพื้นเตียงสลับกับสะโพกกลมมนที่ขยับส่ายเหมือนนางระบำตอบรับกับมือใหญ่ที่มันนวดเฟ้นต้นขา
รัฐภาสขบกัดกลืนกินเม็ดบัวนุ่มหวานทั้งสองฝากฝั่งสลับฝ่ามือใหญ่คลึงเคล้นจนบัวตูมถึงกับบานเบ่งตามติดมือ ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าวเคลื่อนไปจนได้พบกับดอกไม้บอบบาง สอดแทรกเข้าไประหว่างกลีบเลี้ยงนุ่มและตัวผ้าที่แทบจะปกปิดอะไรไม่ได้ คลึงเคล้นเกสรสวาทเบาๆ ก่อนจะเพิ่มความหนักหน่วงขึ้นทีละน้อย
รวิกานต์ยกแขนโอบกอดร่างใหญ่ ฝ่ามือเล็กเคลื่อนไหวไปตามกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง ขยับกายตอบรับตามจังหวะการจับต้อง ยามที่ปลายนิ้วยาวร้อนเริ่มสอดแทรกกดฝังไปในเรือนกายทีละนิดราวกับต้องการให้เธอคุ้นเคย เคลื่อนไหวในกายาเพียงแค่ปากบ่อน้ำผึ้งมันอึดอัดและเจ็บปวดบ้างตามประสาคนไม่เคย แต่เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้นความเสียวซ่านรัญจวนใจก็กลบฝังมันไปจนมิดจนเธอต้องขยับสะโพกตามติด เว้าวอนด้วยร่างกายอย่างไม่ประสา
“อ๊า...ก้อยจ๋า ยาหยี...” รัฐภาสร่ำๆ ทนไม่ไหวจะมอบกายให้รวิกานต์โอบอุ้มแล้ว แต่หญิงสาวยังใหม่ไม่ประสามือชายอีกทั้งเรือนกายเขามันอลังการใหญ่ยักษ์จนกลัวว่าปุบผาดอกนุ่มจะบอบช้ำกว่าจะใช้งานได้บ่อยครั้งอย่างที่เขาต้องการก็นานจนเกินรอ จึงจำต้องอดทนเอาไว้ กายใหญ่เคลื่อนไหวสอดรับทั้งบนและล่าง ดื่มกินทรวงอวบอิ่มอย่างหลงใหลเพลิดเพลิน แหวกว่ายปลายนิ้วในถ้ำอุ่นนุ่ม โจมตีหญิงสาวด้วยความเก่งฉกาจและช่ำชอง
“...เจ้านาย...” เหมือนว่าเธอกำลังยืนอยู่ริมหน้าผา เบื้องล่างคือท้องทะเลสีฟ้าครามกวักมือเรียกหา กายโปร่งบางแปลงร่างเป็นลูกนกตัวน้อยที่เพิ่งจะหัดบินถลาลอยละลิ่วลงในน้ำเย็นฉ่ำ กลับกลายเปลี่ยนร่างเป็นเงือกน้อยลอยไปในความสดชื่น
น้ำเสียงแหบพร่าที่ดังจากริมฝีปากอวบอิ่มพร้อมถ้ำน้อยที่มันบีบรัดตัวก่อนกายจะกระตุกถี่ยิบบอกให้เขารู้ว่ารวิกานต์เดินทางไปถึงจุดหมายที่เขาต้องการแล้ว สองแขนใหญ่โอบกระชับรอบกายกลมกลึงนุ่มนิ่มเหมือนกับงูรัดเหยื่อผ่อนคลายความร้อนและกระหายอยากในตัวด้วยการผ่อนลมหายใจออกจากปอดช้าๆ แต่หนัก
แม้มันจะทรมานแต่เขาก็คิดว่าผลที่จะได้รับกลับคืนมามันคุ้มค่ากับการที่จะต้องรอคอย ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอด ขยับเคลื่อนกายไปนอนกดกอดร่างโปร่งบางอย่างแนบชิด
เป็นนานกว่าที่รวิกานต์รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ สองมือเล็กรีบยกขึ้นยันร่างใหญ่ด้วยความอับอายและรังเกียจตัวเองที่เผลอยอมให้รัฐภาสล่วงเกิน ไม่ใช่ว่าจะด้อยปัญญาจนไม่รู้เรื่องอะไร สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยของความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง แล้วถ้าขืนยังอยู่สภาพล่อแหลมแบบนี้มันอาจฉุดรั้งความอดทนของรัฐภาสเอาไว้ไม่ได้ชักนำเธอไปสู่บทเรียนพิศวาสที่จำต้องจบด้วยการที่เขาและเธอเป็นหนึ่งเดียวกันละแย่เลย
“ถอยไปนะเจ้านาย อึดอัด”
“ไม่เห็นอึดอัดเลย สบายดีจะตาย” รัฐภาสตอบกลับ ดวงตาคมกริบปิดลงเหมือนคนที่กำลังหลับแต่รวิกานต์รู้ดีว่าไม่ใช่ มันเป็นเพียงแค่พฤติกรรมหลอกตาไว้หลอกล่อเหยื่ออ่อนหัดอย่างเธอเท่านั้นเอง
“ก้อยปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ” กระไอร้อนผ่าวแล่นพล่านมารวมตัวกันที่พวงแก้มนุ่มซึ่งกลายเป็นสีเชอรี่ เบือนหน้าหนีพร้อมดวงตากลมโตหลุบมองไปยังจุดที่ไม่มีใบหน้าคนหน้าเป็นและเอาแต่ใจอยู่
อารมณ์อยากจะแกล้งทำให้รัฐภาสเอ่ยถามออกไป “ให้ฉันไปช่วยไหมก้อย”
“บ้า!!!” ส่งค้อนปะหลับปะเหลือกใส่คนที่ยิ้มกว้างตาพราวเป็นประกาย น่าจะหยิกให้เนื้อเขียวแต่นะขืนทำไปอีตาเจ้านายหื่นกามนี่ก็หาเรื่องเล่นงานเธออีกนะซิ ขืนไม่หยุดกลางคันเหมือนเมื่อครู่ละก็ความสาวที่เก็บรักษามาหลายปีมีหวังโดนปล้นไปด้วยความเต็มใจของเธอนี่แหละ “ถอยออกไปเลยนะคนบ้า ก้อยจะเข้าห้องน้ำ”
รัฐภาสยอมขยับเคลื่อนตัวถอยเล็กน้อยขึ้นนั่งขอบเตียงก่อนสองแขนใหญ่จะตวัดร่างโปร่งบางลอยขึ้นจากเตียง
“ว้าย!! กรี๊ด...เจ้านาย ทำอะไรอะนะ ปล่อยก้อยนะ!!!” รวิกานต์หวีดร้องเสียงดังลั่นจนแสบเข้าไปถึงในช่องหู สองมือระดมทุบไปบนอกกว้างอย่างไม่กลัวจะผลัดตกจากการถูกอุ้ม
“ก็ส่งก้อยเข้าห้องน้ำแล้วช่วยอาบน้ำแต่งตัวไง”
ติ่งต่องๆ ติ่งต่องๆ
รวิกานต์ไม่ทันจะได้ตอบกลับว่าเธอไม่ใช่เด็กที่จะต้องมีคนคอยช่วยอาบน้ำประแป้งให้ก็มีเสียงกริ่งประตูบ้านดังขึ้นมาเสียก่อน “ปล่อยนะเจ้านายก้อยจะรีบแต่งตัวไปเปิดประตูบ้าน” ได้ทีรวิกานต์เลยจิกปลายเล็บบนอกกว้างและลากเต็มแรง
“โอ๊ย!! ผมเจ็บนะยาหยี เดี๋ยวเถอะ” ชายหนุ่มทำเสียงฮึ่มฮ่ำ กดปลายจมูกโด่งไปบนพวงแก้มอิ่มเต็มก่อนจะยอมปล่อยร่างโปร่งบางลงเหยียบพื้น “ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมไปเปิดประตูเอง”
“แต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยละ เดี๋ยวใครเขาจะคิดว่าก้อยนะเสร็จเจ้านายไปแล้ว”
“หือ...ทำไม” สองมือใหญ่ยกขึ้นเท้าสะเอว ก็นะมีแต่คนอยากจะจับเขาทั้งนั้น แต่รวิกานต์กลับพยายามขับไล่ผลักไสเขาออกห่าง แต่ว่าเขาลืมไปได้ยังไงกันรวิกานต์ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ นี่น่า “เอาน่า...คิดมากไปทำไมละก้อย สักวันเธอก็รู้ว่าเรื่องของเรามันก็ต้องมาถึงจุดนี่”
“ไม่จริง ไม่มีวันที่ก้อยจะ...จะ...”
“หือ...จะอะไร” มือใหญ่จับรั้งแขนเรียวของคนที่กำลังจะเดินไปหาผ้าคลุมกายมาหา ดันกายโปร่งจนแผ่นหลังแนบชิดกับผนังห้องเย็นๆ กักกั้นรวิกานต์ไว้ด้วยแขนแข็งแกร่งและลำตัวหนา ปลายนิ้วยาวเรียวจับรั้งปลายคางมน “จะอะไรก้อย จะไม่นอนกับฉันใช่ไหม แล้วเราค่อยดูกัน ตอนนี้แต่ตัวก่อนเถอะ ก่อนที่ฉันจะไม่สนใจไอ้เสียงกริ่งประตูนั่นแล้วก็...” 
ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปแนบชิดใบหู ขบกัดติ่งหูนุ่มและสอดแทรกปลายลิ้นในช่องหูเล็ก ขาแข็งแกร่งขยับแยกสอดแทรกระหว่างสองขาเรียวยาว มือใหญ่ลากไล้จากสันกรามเรื่อยลงมาตามลำคอระหง ไปตามลาดไหล่กว้าง ต้นแขนกลมกลึงและวกกลับมากอบกุมทรวงอกอวบอิ่ม รับรู้ถึงจังหวะการเต้นที่รัวแรงและเร็วจนแทบจะทะลุออกมา
“จับเธอโยนขึ้นเตียงแล้วเราก็...” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าและเซ็กซี่อย่างเหลือร้าย “มาทำอย่างว่ากันให้มันลืมวันเวลาเลยละยาหยี”
ความรู้สึกในตอนนี้รวิกานต์คือมันไหววูบวาบ ลูกไฟขนาดเล็กวิ่งจากศีรษะจรดปลายเท้า ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ ในลำคอแห้งผากเหมือนกับคนกำลังกระหายน้ำ ฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากอวบอิ่มที่สั่นระริกด้วยความกลัวแต่มันก็อยากรู้อยากลอง
“เอาไว้เราค่อยมาต่อกันความหลังนะก้อย” รัฐภาสมองอย่างรู้ความนัย อยากจะจูบอีกฝ่ายสักครั้งแต่กลัวคนที่มากดกริ่งเรียกจะรอนานเลยจำทำเพียงแค่กดริมฝีปากบนหน้าผากกว้างก่อนจะยอมปล่อยและเดินออกจากห้องไป
เพียงแค่ลับร่างหนาสูงชะลูดราวกับเสาไฟฟ้าไปร่างโปร่งบางก็สั่นสะท้านเหมือนกับคนกำลังจับไข้ ทรุดตัวลงกองกับพื้น เป็นครู่เธอจึงตั้งสติได้และรีบจัดการตัวเองให้สะอาดเรียบร้อยเพื่อออกไปรับคนที่มาช่วยเหลือเธอทันเวลา
 ***********
พรุ่งนี้แล้วนะที่จะได้คำตอบจากสนพ.ว่าผ่านหรือเปล่า
คืนนี้จะลุ้นจนนอนไม่หลับหรือเปล่านะ เห้อ...ลุ้นจริงๆๆ 

6 ความคิดเห็น:

  1. เศร้าอีกแล้ว
    ง่อยเลยทีนี้

    ขอสมน้ำหน้าพี่ถามล่วงหน้า

    ตอบลบ
  2. เดี๋ยวให้น้องไทนี่จัดหนักคะ
    งานนี้พี่ภามงอมพระรามแน่นอน
    หุหุ
    ต้องตามต่อ...

    ตอบลบ
  3. อ่านะ...หนี้จนได้สิน่า

    ตอบลบ
  4. น่าสงสารจัง อยากอ่านต่อนต่อไปเร็วๆๆ

    ตอบลบ
  5. อย่าใจอ่อนนะไทนี่ เขาทำเจ็บหลายครั้งแล้ว

    ตอบลบ
  6. ชิ
    เป็นเค้าจะจับอีตาภามเจี๋ยน
    จะยืนมองมันเฉย ๆ ทำมั้ยยย
    สันดานเสียอย่างผู้ชายคนนี้เนี่ย
    มันต้องทำให้หลาบจำ
    โฮะ ๆ ๆ

    ตอบลบ