หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

บ่วงสวาททาสรักอสูร ตอนที่ 13 ใช่หึงหรือเปล่า?

ตอนที่ 13
ใช่หึงหรือเปล่า?
มือใหญ่ควานหาร่างนุ่มของคนที่ทำให้เขามีความสุขจนถึงกับลืมเวลาแล้วก็ต้องเสียอารมณ์เล็กน้อยเมื่อไม่พบนวลนางเนื้ออุ่นนิ่ม คิ้วหนาเข้มเรียงตัวกันสวยเลิกขึ้นพร้อมหนังตาที่มันกระพริบถี่ๆ สู้กับแสงเรืองรองที่สาดส่องเข้ามา แม้จะเหน็ดเหนื่อยกับกิจกรรมใต้ร่มผ้าอันเร่าร้อนหนักหน่วง แต่เพราะได้นอนหลับเต็มอิ่มภามเลยตื่นมาพร้อมกับความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า  ถ้าหากว่านันทิยายังคงนอนอยู่เขาคงจะชักชวนหญิงสาวไปท่องฟากฟ้าได้อีกสักสองสามรอบโดยไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อย ก็หญิงสาวเร่าร้อนเร้าอารมณ์เขาขนาดนั้น
ภามลุกขึ้นนั่งเอนตัวอิงพนักเก้าเตียง สูดปากนิดๆ เมื่อร่องรอยที่นันทิยาทำไว้บนแผ่นหลังกว้าง สีข้างและบางส่วนของแผงอกกว้างที่มีรอยเล็บจิกลากเป็นทางยาวพาดไปถึงสะเอว เธอนี่อารมณ์แรงใช่เล่นนะไทนี่ เล่นเอาหลังฉันแสบระบบเลย ชายหนุ่มบ่นพึมพำ วาดปลายนิ้วไปตามรอยแผล ด้วยรอยยิ้มกระจ่างเต็มใบหน้า
มือใหญ่ยกขึ้นพาดบนเข่า คิดถึงแต่กายเนื้ออุ่นระอุและเสียงร้องหวานหูของนันทิยาให้กายใหญ่เริ่มเกิดอาการคึกคักกระหายอยากขึ้นมาอีกแล้ว ชายหนุ่มบิดกายอย่างเกียจคร้านสองสามครั้งก่อนจะลุกขึ้นพาร่างหนาและใหญ่ราวกับยักษ์ปักหลั่นลุกจากเตียงเดินไปหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งของหน้าต่างบ้านอย่างไม่สนใจที่จะหาผ้ามาปิดบังเรือนกายแข็งแกร่งด้วยอยากเห็นนันทิยาก่อนจะอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าอีกสักเล็กน้อย
จากมุมที่เขายืนอยู่มองออกไปจะเห็นหาดทรายสีขาวสะอาดตา ยามที่มาพักที่บ้านหลังนี้นันทิยาและรสรินจะชวนกันออกไปเดินเล่น วิ่งออกกำลังกายหรือไม่ก็เล่นน้ำทะเลกันตอนเช้าเสมอๆ แต่น่าแปลกที่วันนี้ไม่มีร่างสองสาวมาวิ่งเล่นออกกำลังกายอย่างที่เคย สำหรับนันทิยาเขาไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ คงเพราะหญิงสาวโดนเขารุกเร้าอย่างหนักและรุนแรงจนเกินไปหน่อยทำให้บอบช้ำมากเลยจำต้องงดกิจกรรมที่ชอบไปโดยปริยาย แต่สำหรับรสริน...อาจมีทางคิดได้ว่าหญิงสาวอยากมีเวลาพูดคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบกับคู่หมั้นที่คอยเอาแต่หนีอย่างชานนท์
เขาไม่ได้คิดจะโทษชานนท์ที่อยากจะหลบหน้าหลบตารสริน เป็นเขาเองก็กระอักกระอ่วนใจอยากจะหนีหน้ารสรินเหมือนกัน การที่มีคนรักเป็นคนที่ร่ำรวยกว่า ถูกคนอื่นที่คิดไม่ดีเอาแต่นินทาลับหลังว่าคิดจะตกถังข้าวสาร มันก็ทำให้ชานนท์อึดอัดและคับแค้นใจ บ่อยครั้งที่เขาเห็นชานนท์มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ข่มกลั้นอารมณ์โกรธไม่ให้ลุกขึ้นต่อยปากคนพูด
ศีรษะทุยสะบัดส่ายเบาๆ ปลายมือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางที่ตอนนี้เริ่มมีไรหนวดเคราขึ้นหนาด้วยเพราะไม่ได้โกนตั้งแต่เมื่อคืนอย่างครุ่นคิดว่าทำอย่างไรถึงจะได้อยู่กันสองต่อสองกับนันทิยาให้มากกว่าเดิม ก็เขาชักจะเริ่มติดใจเนื้อหนังนุ่มละมุนหวานลิ้นนั่นแล้วนี่น่า วงหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มยิ้มกว้างทั้งปากและนัยน์ตาเมื่อคิดออก
ก่อนนั้นเขาพยายามปรับเปลี่ยนผลักไสไล่ให้อีกฝ่ายไปไกลๆ แม้กระทั่งโต๊ะทำงานที่อยากให้อยู่ไกลๆ แต่ถูกมารดาสั่งให้ต้องนั่งอยู่ห้องเดียวกันเขาก็ยังเลี่ยงให้อีกฝ่าไปนั่งชิดมุมห้อง ทำยังไงก็ได้ที่เมื่อเขาเดินเข้าเดินออกจากห้องทำงานแล้วจะไม่ต้องเห็นหญิงสาวมาเสนอหน้าให้รำคาญลูกกะตา แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว ย้ายโต๊ะทำงานของแม่เลขาแสนหวานมาทำงานอยู่ห้องเดียวกันดีกว่า จะว่างหรือไม่ว่าง เมื่อไหร่เหนื่อยๆ แล้วหญิงสาวกวนอารมณ์เขานักก็จับเข้าห้องที่อยู่ติดกัน แล้วก็...
ภามยิ้มกว้างจนวงหน้าคร้ามแกร่งกระจ่างสดใส นัยน์ตาแพรวพราวระยับ พากายหนาเดินเข้าไปในห้องน้ำปล่อยให้สายน้ำเย็นๆ จากฝักบัวราดรดร่างกาย ทั้งๆ ที่ความจริงเขาอยากที่จะนอนแช่น้ำนะ แต่เพราะคิดถึงนันทิยาอยากจะกินเธอเป็นอาหารเช้าสักรอบสองรอบเลยอยากได้อะไรที่มันรวดเร็วสักหน่อย
ภามทำเวลาในการอาบน้ำเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนกับเพียงแค่ว่าเขาวิ่งผ่านสายน้ำเย็นๆ นั่นไปเท่านั้นเอง แต่ถึงจะอย่างนั้นก็มั่นใจในความสะอาดสะอ้านอยู่ดี ชายหนุ่มจัดแจงแต่งตัวประแป้งและฉีดน้ำหอมอย่างกับได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาแห่งการเป็นวัยรุ่นที่ริอาจจีบสาวๆ มือใหญ่ยกขึ้นจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเดินออกไปจากห้องนอนมุ่งตรงไปที่ห้องนันทิยาก่อนจะต้องรีบหักหลบเมื่อเห็นชานนท์กำลังยืนเคาะประตูห้องพี่สาวอยู่พอดี
“บ้าชิบ...นนท์นะนนท์ ไม่น่ามาขัดจังหวะเลย” หงุดหงิดเล็กน้อยที่ไม่ได้ทำตามความต้องการ แต่ไอ้ครั้นจะให้เขาถอยไปนะหนีนะมันก็กระไรอยู่ เลยยืนเฝ้าหลบมุมรออยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเห็นชานนท์เดินสะบัดส่ายศีรษะไปอย่างหงุดหงิดที่นันทิยาไม่ยอมเปิดประตูให้
รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนมุมหนึ่งของปากหนา ในเมื่อชานนท์เคาะเรียกแล้วนันทิยาไม่ยอมเปิด แล้วคิดหรือว่าหญิงสาวจะเปิดให้เขาเข้าไปนะ ไม่มีทาง... “เธอคิดว่าประตูห้องแค่นี้จะกันฉันไม่ให้เข้าไปหาเธอในห้องได้หรือไทนี่ คิดผิดแล้วคนสวย คอยดูนะฉันจับตัวเธอได้เมื่อไหร่ละก็...เธอรับศึกหนักไม่ต้องหลับต้องนอนกันละแม่ตัวดี”
ภามเดินออกไปจากบ้านเดินลัดเลาะไปจนถึงห้องพักนันทิยา เหลียวมองซ้ายขวาดูว่ามีใครอยู่บริเวณนั้นหรือเปล่าและเมื่อเห็นว่าปลอดภัยก็รีบห้อยโหนตัวป่ายปีนพาร่างหนาขึ้นไประเบียงบ้านชั้นสองของบ้านอย่างทุลักทุเล ภามถึงกับเหงื่อแตกซิก กลัวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นว่าจะตกลงไปนอนจุกบนพื้นเมื่อยื่นมือออกแล้วคว้าไม้ราวระเบียงไม่ได้
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มๆ ก่อนจะเหวี่ยงร่างหนาไปให้แขนใหญ่ไขว่คว้าระเบียงห้องจนสำเร็จ ภามก้าวขึ้นไปยืนปาดเหงื่อ เมื่อตอนเป็นเด็กเขากับชานนท์ปีนป่ายต้นไม้เสมอ อะไรๆ ก็เป็นเรื่องง่าย แต่ตอนนี้แค่ปีนต้นไม้สูงกว่าเมตรก็เล่นเอาแข้งขาสั่นไปเหมือนกัน ลมหายใจร้อนๆ ผ่อนออกจากปอด รอยยิ้มแต่งแต้มบนวงหน้าคร้ามแกร่งเมื่อเห็นว่าประตูระเบียงเปิดแง้มเอาไว้
เพียงแค่ก้าวเข้าไปในห้องได้ภามก็เดินไปหยุดที่เตียงนอนใหญ่ เพราะคิดว่านันทิยาน่าที่จะยังนอนอยู่แต่ก็ไม่เห็น กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องก็ไม่เห็นวี่แวว อย่างรวดเร็วภามผุดลุกตรงไปห้องน้ำด้วยที่มันคุกรุ่นขึ้นทีละน้อย ชายหนุ่มผลักประตูดังปังแล้วก็ยิ่งอารมณ์เสียเมื่อไม่เห็นนันทิยา
“อยู่ไหนนะไทนี่ ออกมาอย่าให้ฉันต้องมีโมโหนะ” ชายหนุ่มแผดเสียงร้องเรียก แต่ก็ไร้เงาของนันทิยา แล้วสายตาเผอิญเหลือบไปเห็นกระดาษสีขาวพับครึ่งติดอยู่ที่หน้ากระจกเงา เขียนกำกับไว้ถึงชานนท์ แต่ถึงจะอย่างนั้นเขาก็ทำตัวเป็นคนไม่มีมารยาทสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น ยื่นมือไปหยิบอ่านจดหมายมาเปิดอ่าน ก่อนจะแผดเสียงร้องอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อได้อ่านข้อความในจดหมายจบ
“ไทนี่!!!” ประกายในดวงตาคมกริบเป็นสีแดงเจิดจ้าเหมือนกับเพลิงไฟ กรามหนาขบกัดบดเบียดจนแก้มสากนูนเด่น กวาดสายตาแข็งกร้าวไล่มองไปตามตัวอักษรสั้นๆ บนกระดาษสีขาวอีกครั้ง
นนท์น้องรัก...กว่าน้องจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้ พี่คงจะกำลังเดินทางไปพักรักษาตัวเพื่อลืมคนบางคนออกไปจากใจ ให้เขาเป็นเพียงแค่คนที่พี่รู้จัก คนที่พี่จะมองหน้าเขาแล้วไม่มีความรู้สึกเจ็บในหัวใจ คนที่จะเป็นเพียงอดีตเจ้านาย พี่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนนท์แล้วนะ...จำคำสัญญาที่พี่รับปากไว้ได้ใช่ไหม ถ้าหากว่าพี่ภามทำให้พี่เจ็บอีก พี่...พี่จะยอมตัดใจ พี่ทำตามสัญญาแล้วนะ แต่พี่ขอเวลาสักหน่อยเพื่อที่จะลบเขาออกไปจากใจ
เกือบจะขยำกระดาษนั้นทิ้งไปด้วยความโมโหที่มันพุ่งปรี่เหมือนกับปรอทที่ถูกไฟลนแล้วก็ยังนึกได้ว่าถ้าเขาทำจดหมายฉบับนี้เสียหาย แล้วจะถามหาที่อยู่ของนันทิยาจากชานนท์ได้ยังไง
“คิดหรือว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะปล่อยให้เธอลอยนวลไปได้ง่ายๆ ไทนี่ คอยดูนะฉันจับเธอได้เมื่อไหร่เธอไม่ได้ออกจากห้องนอนสามวันสามคืนแน่ยัยตัวดี ภามถือจดหมายออกจากห้องนอนนันทิยาตรงไปหาชานนท์ซึ่งน่าจะอยู่ที่ชายหาดหรือไม่ก็คุยกับรสริน

ตอนแรกรัฐภาสคิดว่าจะเดินออกไปเปิดด้วยสภาพที่ไม่ใส่เสื้อผ้าเพราะคิดว่าอาจมีผู้ชายแวะเวียนมาหารวิกานต์ แต่คิดไปมันก็น่าเกลียดจนเกินไปที่คิดจะใช้วิธีการนั้นกับผู้หญิง จึงยอมหยิบเสื้อมาใส่แต่ก็ยังไม่ยอมติดกระดุม สองมือใหญ่สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เดินด้วยท่าทางเรื่อยๆ เอื่อยเฉื่อยไปที่ประตูบ้านแต่เมื่อเห็นแต่ไกลว่าคนที่มาเยือนไม่ได้เป็นผู้ชายแต่เป็นผู้หญิง สวยเสียด้วย จึงรีบเดินไปหาอย่างเร็วรี่
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าของหญิงตรงหน้า รัฐภาสถึงกับชาวูบ แข็งขาเหมือนกับมีอะไรมายึดไว้ไม่ให้ก้าวเดินต่อ ในหัวใจก็มีอัตราการเต้นที่แปลกๆ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นคนสวย มากกว่านี้เขาก็ได้สอยมานอนด้วยแล้ว แต่กับคนตรงหน้าเพียงแค่วูบเดียวที่มองสบดวงตากลมโตแดงก่ำและฉ่ำน้ำคู่นั้น ก็เกิดความรู้สึกอยากจะปกป้องหญิงสาวแล่นพล่านไปทั้งตัวแบบนี้ หรือว่าจะเป็นเพราะ...
วงหน้าขาวซีด นัยน์ตากลมโตอมโศก หวานปนเศร้าช้ำและแดงก่ำมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่ตลอดแต่ก็ไม่ได้ไหลออกมา วูบหนึ่งที่มันทำให้เขานึกถึงเด็กที่กำลังหลงทาง
“บ้านก้อยใช่ไหมคะ?” นันทิยาถามเสียงเบาหวิวเพราะเจ็บในลำคอจากการร้องไห้มาหลายชั่วโมง
ถึงแม้จะมั่นใจว่าตัวเองมาไม่ผิดบ้าน เพราะเคยมากินอยู่หลับนอนที่นี่หลายครั้ง แต่พอมาถึงได้เห็นผู้ชายเปิดประตูทั้งๆ ที่รวิกานต์บอกว่าตัวเองยังไม่มีใครมาอยู่ร่วมด้วยมันเลยงงๆ แต่ก็นั่นแหละตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะคิดอะไรได้มาก ขนาดเรื่องของตัวเองก็ยังเอาตัวแทบจะไม่รอดจนต้องหนีช้ำเซซังมาขอหลบเร้นหนีกายซ่อมหัวใจที่มันบอบช้ำ แล้วเธอจะเอาสมองส่วนไหนไปคิดเรื่องของคนอื่นได้เล่า
ถ้าเป็นคนอื่นถามเขาคงจะไม่ตอบแต่กับผู้หญิงตรงหน้าไม่รู้เป็นยังไงที่เขาอยากพูดด้วย อยากปลอบโยนให้หายเศร้า... “ใช่ครับ ที่นี่บ้านก้อย ผมเป็นเจ้านายของก้อย เราทำงานดึกกันไปหน่อย ก้อยเลยให้พักด้วย” รัฐภาสโกหกหน้าตาเฉยและรีบเปิดประตูให้นันทิยาเข้ามาในบ้าน
ถ้าเป็นก่อนเกิดเรื่องเมื่อคืนนันทิยาคงจะเอ่ยถามออกไปแล้วว่ารวิกานต์นะหรือให้ผู้ชายมานอนค้างอ้างแรมด้วย ไม่มีทาง ต่อให้นอนกันคนละห้องก็เป็นไปไม่ได้ แต่ในตอนนี้แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะหายใจเข้าไปในปอดเธอก็ยังแทบจะไม่มีแรงเลย
“อุ๊ย!!” เพราะความไม่ระมัดระวังและใจที่มันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ลอยไปที่ไหนก็ไม่รู้ได้ทำให้เธอไม่มีกะจิตกะใจที่จะมองสิ่งใดเลยสะดุดก้อนหินก้อนไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กทำให้ร่างถลาไปด้านหน้าและคงจะล้มตะครุบกบให้อายคนที่มาเปิดตูบ้านให้ถ้าไม่ได้แขนใหญ่สอดเข้ามากระชับเอวเอาไว้ทันเสียก่อน
“เป็นอะไรบ้างหรือเปล่าคุณ”
“ปะ...เปล่าคะ ไม่เป็นอะไร ขอบคุณนะคะ” นันทิยารีบตอบ รีบขยับกายให้ถอยห่าง แต่นอกจากจะไม่มีเรี่ยวแรงแล้วเธอรู้สึกเคล็ดขัดยอกที่ข้อเท้าด้วย แม้มันจะไม่มากแต่ก็ทำให้เดินเหินไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร แต่การจะให้เธอปล่อยตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของคนที่เพิ่งจะเจอก็ไม่ได้เหมือนกัน
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าคุณดูท่าจะเจ็บ ให้ผมช่วยดีกว่านะครับ” เห็นขาเล็กเรียวที่สั่นแม้จะยืนก็แทบจะไม่อยู่แล้วและถึงแม้ระยะทางจากประตูรั้วและประตูบ้านเพียงแค่ไม่กี่ก้าวแต่ก็ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะเดินไปถึงหรือเปล่า “ขอโทษนะครับ” รัฐภาสเอ่ยขอโทษเบาๆ เปลี่ยนจากยื่นมือไปจับแขนเล็กเรียวช่วยพยุงร่างโปร่งบางเดินเข้าไปในบ้านเปลี่ยนเป็นช้อนร่างโปร่งบางขึ้นจากพื้นพาเดินไปในบ้านแทน
แม้อยากจะเอ่ยปากห้าม แต่ตอนนี้เธอรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเดี๋ยวก็ร้อนเดี๋ยวก็หนาวเหมือนกำลังจับไข้ อีกทั้งเหนื่อยจากการเดินทาง ร่างกายก็ประท้วงอันเนื่องมาจากไม่มีอาหารตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อคืน เพราะมัวแต่คอยระวังและจับตามองภาม รวมถึงอาการปวดแถวๆ กระบอกตาพาให้เกิดอาการคลื่นไส้จากการนั่งรถ จึงยอมให้อีกฝ่ายอุ้มแต่โดยดี
“ว้าย!!! เจ้านาย!!!” รวิกานต์ร้องเสียงดังเมื่อเห็นรัฐภาสอุ้มใครก็ไม่รู้เข้ามาในบ้าน แต่เพียงแค่ได้เห็นหน้าคนในอ้อมกอดชายหนุ่มชัดๆ เท่านั้นเอง แม้แวบหนึ่งที่ได้เห็นจะก่อเกิดความรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อนแต่เธอก็สลัดมันทิ้งไปได้อย่างรวดเร็วและเรียกมาดแม่เสือสาวที่หวงเพื่อนขึ้นมาแทนที่
“เจ้านาย เจ้านายทำอะไรเพื่อนก้อยนะ ปล่อยเพื่อนก้อยนะ” รวิกานต์ตวาดแวดเสียงเขียว ถลาร่างพุ่งไปดึงร่างหนาใหญ่ที่ผ่อนวางร่างนันทิยาลงบนโซฟาตัวยาวตรงมุมห้องให้ถอยไปไกลๆ
“เจ้านายทำอะไรเพื่อนก้อย ถอยออกไปเลยนะคนบ้า” หญิงสาวหันไปแวดถามเสียงเขียวอีกครั้งพร้อมส่งสายตาเป็นประกายเจิดจ้าบอกให้รู้ว่ากำลังโกรธระคนเจ็บจี๊ดๆ เหมือนกับมีเข็มกำลังทิ่มแทงอยู่ในใจโดยที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกอย่างนั้นและตอนนี้ก็ไม่คิดที่จะหาคำตอบด้วย
“เพื่อนคุณล้มนะ ผมเลยช่วยก็เท่านั้นเอง” รัฐภาสตอบ สองมือใหญ่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง พาร่างหนาใหญ่ของตัวเองเดินไปหยุดที่ประตูบ้าน แนบแผ่นหลังกับขอบประตู ดวงตาจับจ้องมองร่างสาวคนที่นอนอยู่ก่อนจะตวัดไปมองรวิกานต์ที่ชักสีหน้ายักษ์ใส่เขา
แต่รัฐภาสกลับยิ้มใส่อย่างรู้สึกชอบใจที่รวิกานต์มีอาการกระฟัดกระเฟียดเหมือนหึง ดวงตาคมกริบไล่มองการแต่งกายของอีกฝ่าย เสื้อยืดตัวใหญ่หลวมโคร่งที่แม้จะผ่านการใช้งานดูได้จากขอบชายทั้งแขนและด้านล่างยองตัวเสื้อยืดจนย้วยแต่ก็ยังคงความสะอาดสะอ้าน ไล่ลงไปคือกางเกงขาสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยอย่างโลมเลีย
“งั้นก็ขอบคุณ” พูดเสร็จแล้วก็ทำเป็นไม่สนใจหวังว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าไม่เป็นที่ต้องการของเธอแล้วจะได้รีบๆ กลับบ้านไปซะ แต่ดูเหมือนว่ารัฐภาสยามนี้จะหน้าหนาเหลือเกิน ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยแม้กระทั่งว่าเธอชักสีหน้าบึ้งใส่ดวงตาขุ่นเขียวแล้วก็ยังได้รับเป็นรอยยิ้มยั่วอารมณ์โกรธให้ประทุขึ้นมาเสียอีก รวิกานต์ผ่อนลมหายใจออกจากปอดด้วยความเหน็ดเหนื่อยใจ พูดมากไปหรือทำอะไรมากไปก็ถูกอีกฝ่ายเล่นงานถึงเนื้อถึงตัว เธอมีแต่เสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งล่อง หวังว่าการได้เจอกับนันทิยาในคราวนี้คงจะทำให้มีอะไรดีๆ ขึ้นบ้างนะ
“ไทนี่ แกเป็นอะไรบ้าง” เมื่อเห็นว่าทำอะไรรัฐภาสไม่ได้รวิกานต์ก็เลยหันไปให้ความสนใจกับนันทิยาที่ดูท่าเหมือนกับคนไม่สบายหนัก มือเล็กเรียวทาบบนวงหน้าไล่มาถึงลำคอรับรู้ถึงกระไอร้อนผ่าวนันทิยาคงจะพอมีอาการป่วยน้อยๆ จากการเดินทางและร่องรอยเขียวช้ำตามร่างกายที่เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนทำร้ายนันทิยาถึงขนาดนี้ คงจะต้องให้ทานอาหารแล้วก็ทานยาจะได้นอนพักก่อนจะซักฟอกความจริงให้จงได้
“ต้องพาไปหาหมอไหมก้อย” เสียงถามเหมือนหวังดี ไม่รู้ทำไมมันถึงได้ทำให้เธอหงุดหงิดนัก ศีรษะทุยตวัดค้อนส่งไปให้วงโต
นันทิยาที่เมื่อถูกวางลงบนโซฟาก็ปิดตาลงทันทีเพราะเริ่มรู้สึกเหมือนกับว่าหลังคาบ้านกำลังเคลื่อนไหวจนเธออยากจะอาเจียนปรือขึ้นเล็กน้อย “ฉันไม่ได้เป็นไรหรอกก้อย แค่เหนื่อยกับจากการเดินทางเท่านั้นเอง ไม่ต้องไปหาหมอหรอก ได้นอนสักเดี๋ยวก็คงจะหาย” ตอบกลับมาเสียงแผ่ว หลบหน้าหลบตาคนเป็นเพื่อนที่มองมาอย่างค้นหาคำตอบ ในอกมันยังอัดแน่นไปด้วยความเจ็บร้าวจากการกระทำของภามจนน้ำตาอุ่นร้อนมันกำลังจะไหลจากสองตาอย่างที่เธอสะกดกลั้นมันเอาไว้แทบไม่ได้
“แน่ใจนะไทนี่ แกไม่ได้ปิดบังอะไรฉันใช่ไหม”
“ให้เพื่อนพักผ่อนก่อนดีกว่าไหมก้อย แล้วค่อยถาม”
คนที่สมควรจะตอบกลับไม่ตอบ กลายเป็นอีกคนที่สอเสือใส่เกือกแทน หงุดหงิดโว้ย!!! แต่ไม่รู้ว่าจะหาทางออกยังไงดี แนะยังจะมายิ้มอีก โอ๊ย!! อยากจะบ้าจริงๆ โว้ยรวิกานต์ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่งค้อนขวับๆ เลยตัดสินใจหันมาคุยกับเพื่อนดีกว่า แต่พอเห็นสภาพอ่อนระโหยโรยแรงของเพื่อนแล้วก็ตัดสินใจว่าควรให้นันทิยาพักก่อน เรื่องอื่นๆ ค่อยมาเคลียร์กันภายหลัง
“งั้นแกนอนตรงนี้ก่อนนะไทนี่ ฉันจะไปทำอะไรร้อนๆ ให้แกทาน แกจะได้กินยาและนอนพัก”
“ไม่ทานยาได้ไหมก้อย”
แนะ...คนที่ทำท่าเหมือนจะป่วยเป็นไข้ ยังมีหน้ามาต่อรองอีกแนะ รวิกานต์ถึงกับส่ายศีรษะๆ กี่ปีๆ นันทิยาไม่เคยเปลี่ยนเลยเรื่องที่ไม่ชอบกินยานี่นะ แต่ไม่ทันจะได้ตอบอะไรอีกคนก็เอ่ยถามขึ้นมาทันควัน ทำเอาคนถูกถามได้แต่หงุดหงิด กรอกตาขึ้นมองเพดานห้อง กลีบปากเรียวสวยห่ออู้ยู่ย่น
“ต้องให้ช่วยไหมก้อย”
“ไม่ได้เลยไทนี่ แกนะดื้อยาประจำ” คนแรกที่เธอหันไปปรามก็คือเพื่อนรักที่ดื้อยาเก่งเป็นที่หนึ่ง ไม่ต้องมายุ่งเลยเจ้านายนะ กลับบ้านไปได้แล้วไป ก้อยกับเพื่อนจะพักผ่อน ไม่ใช่บ้านตัวสักหน่อยหัดเกรงใจซะบ้างซิ มายืนเสนอหน้าอยู่ได้” พอได้พูดแล้วรวิกานต์ก็พูดยาวอย่างไม่ค่อยจะกลัวสักเท่าไหร่ ก็นะมีเพื่อนเธออยู่ด้วยรัฐภาสคงไม่คิดทำอะไรประเจิดประเจ้อหรอก ดูสายตาก็รู้ว่าชักจะหวั่นไหวไปกับความสวยน่ารักของนันทิยาแล้ว อย่างนี้แหละผู้ชายเห็นผู้หญิงสวยหน่อยเป็นไม่ได้ต้องเขวต้องเหล่ตามองแล้วก็สานความสัมพันธ์ต่อ
“พูดซ้ำอีกทีได้ไหมก้อย”
น้ำเสียงห้าวทุ้มเหมือนกับจะขู่เล็กๆ ที่ดังมาจากคนร่างใหญ่ทำให้รวิกานต์สั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ รีบสาวเท้ากลับไปนั่งใกล้ๆ กับนันทิยา “พูดอะไร” แกล้งทำไขสือลอยหน้าลอยตาด้วย “ก้อยยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ เจ้านายหูเพี้ยนไปหรือเปล่า”
นันทิยาเหลือบสายตามองเพื่อนที่กระแซะร่างเข้ามาหา ก่อนจะเหลือบตาไปมองคนที่อุ้มเธอมาเมื่อครู่ แม้จะอยู่ในสภาพอารมณ์ที่ไม่อยากจะรับรู้อะไรแต่ความรู้สึกมันก็บอกว่าระหว่างสองคนนี้ เจ้านายหนุ่มหล่อมาดดีกับเลขาสาวที่ซุกซ่อนเอาความน่ารักไว้หลังกรอบแว่นและเสื้อผ้าเชยๆ
รัฐภาสได้แต่ง่ำๆ งึ่มๆ ในลำคอกับคำตอบกวนของรวิกานต์แล้วแกล้งโฉบเข้าไปใกล้เล็กน้อยแม่สาวปากกล้าก็รีบใช้เพื่อนซึ่งนอนอยู่เป็นตัวช่วยทำเอาเขาถึงกับหัวเราะหึหึในลำคอ “ผมกลับก็ได้แต่ช่วยไปส่งหน้าบ้านหน่อยได้ไหมละ ถ้าไม่ไปส่งก็ไม่กลับนะ จะนั่งจะนอนทำตัวเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้มันเสียเลย”
มีอะไรให้ฉันช่วยไหมก้อย นันทิยาเอ่ยถามด้วยความหวังดีเมื่อเห็นว่าหน้าตาของเพื่อนไม่ค่อยจะสู้ดี ฮึดฮัด เหมือนกำลังขัดอกขัดใจอะไรสักอย่าง คิ้วโก่งสวยได้รูปเลิกขึ้นสูง เหลือบตาไปมองหนุ่มที่ยืนยิ้มกรุ่มกริ่มแล้วรู้สึกแปลกๆ ในใจ หรือว่าเจ้านายของรวิกานต์จะคิดเกินเลยกับรวิกานต์เสียแล้ว
เปล่า...ไม่มีอะไร ตอบนันทิยาก็จริงแต่กลับหันไปถลึงตาขุ่นเขียวใส่คนที่ยืนยิ้มกริ่ม อารมณ์ดีเหลือเกิน แล้วอยากจะหาอะไรทุ่มใส่หน้าเป็นนั่นให้มันเจ็บเป็นแผลเป็นซะให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่รู้ดีว่าอีตาเจ้านายมือไวและเอาแต่ใจนี่ไม่ยอมให้เธอทำแบบนั้นโดยไม่เอาคืนหรอก
กลับก็ได้ แต่ออกไปส่งหน่อยซิ
แกอยู่คนเดียวไปก่อนนะไทนี่ เดี๋ยวฉันขอไปส่งคนนอกออกจากบ้านฉันก่อน รวิกานต์เดินตามร่างหนาใหญ่ไปติดๆ เกือบจะแซงหน้าด้วยซ้ำเพราะความที่อยากจะให้รัฐภาสกลับออกไปจากบ้านอย่างเร็วที่สุด
“ทำไมละก้อยแค่เดินมาส่งผมนิดเดียวเองทำหน้าเหมือนกับถ่ายไม่ออกอย่างนั้นแหละ เอ๊ะ...หรือว่าไม่อยากให้ผมกลับก็ได้นะ” ดวงตาคมกริบเหลียวมองหน้าของคนที่เดินมาส่งเขาบูดบึ้งแล้วทนไม่ไหวอยากจะยั่วให้อีกฝ่ายสติขาดผึง ด่าเขามาได้ก็ดี
“ไม่ใช่สักหน่อย เจ้านายนะอย่ามาตีขรุมใส่ก้อยนะ รีบๆ กลับไปนั่นแหละดีแล้ว ก้อยจะได้มีเวลาคุยกับเพื่อน ถ้าให้ดีนะ พรุ่งนี้ลางานสักวันได้ไหมละ”
“ไม่ได้” รัฐภาสตอบกลับในทันที แถมชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนถามด้วย มือใหญ่คว้าเอาแขนยาวเรียวของคนที่ฉกตัวถอยหนีแต่ก็ไม่ทัน กักกันร่างโปร่งบางด้วยหนึ่งแขนและกายใหญ่ ปลายมือใหญ่อีกข้างจับรั้งปลายคางมนขึ้น “อย่าให้รู้นะว่าคิดจะขาดงานอีก ไม่งั้นเจอดีแน่”
“เจ้านายไม่ใช้เจ้าชีวิตของก้อยนะ ที่จะมาจำกัดว่าต้องทำโน่นทำนี่นะ” รวิกานต์ส่งค้อนด้วยสายตา วงหน้าสวยงองุ้มจนปากและจมูกแทบจะถึงกันอยู่แล้ว ในหัวใจเริ่มสั่นขึ้นมาอีกแล้ว ไม่รู้ทำไมรัฐภาสถึงได้ชอบทำให้เธอใจเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่เรื่อยเลย ไฟร้อนผ่าวเริ่มที่จะไหลไปรวมกันที่พวงแก้มอิ่มนุ่มจนต้องพยายามปัดมือใหญ่หลบหน้าลงมองแค่อกกว้างที่ยังไม่ยอมติดกระดุมเสือให้เรียบร้อย ยิ่งทำให้เธอนั้นใจสั่นจนแทบจะทะลุออกมาจากทรวง
“ก็อยากจะเป็นอยู่นะ จะได้จับเด็กดื้อฝาดก้นสักทีสองที”
“ก้อยไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“ก็ถ้าไม่ใช่เด็กต้องพูดกับรู้เรื่องซิ” รัฐภาสมันเขี้ยวอยากจะจูบคนหน้างออีกสักฟอดสองฟอดแต่มันอยู่ในสถานที่โล่งแจ้งเลยได้แต่เก็บต้นไว้ทบดอก แต่มันก็อดไมได้จริงๆ เมื่อเห็นพวงแก้มนุ่มจนเมื่อเหลียวมองออกไปนอกบ้านแล้วไม่เห็นมีใครผ่านไปมาจมูกโด่งเป็นสันก็กดลงบนพวงแก้มนุ่มก่อนจะยอมปล่อยร่างโปร่งบางออกอย่างเสียดาย เกือบจะขับรถออกไปแล้วแต่นึกได้ว่าลืมบอกสิ่งสำคัญกับรวิกานต์
“มีอะไรอีกเจ้านาย” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกดกระจกรถลงมาพร้อมชะโงกหน้าออกมา
“เดี๋ยวตอนเย็นจะมารับไปทานอาหารด้วย อ๊ะๆ...ถ้าจะปฏิเสธคิดให้ดีนะก้อย” ชายหนุ่มรีบดักคอเอาไว้เสียก่อนเมื่อเห็นอีกฝ่ายชักสีหน้าใส่และอ้าปากจะพูด วงหน้าคมคร้ามกระจ่างสดใส รีบนำรถออกไปจากบ้านเลขานุการสาวอย่างไม่รอฟังว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมายังไง เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็จะบังคับเธอให้ทำตามใจจนได้

เพียงแค่รสรินเปิดประตูห้องนอนคนที่เตร็ดเตร่อยู่หน้าห้องก็รีบตรงเข้าหา แขนใหญ่สอดรัดระหว่างเอวเล็กคอดดันคนที่จะก้าวออกกลับเข้าไปในห้องใหม่อีกครั้ง
“ว้าย!! พี่นนท์ทำอะไรคะ น้องรสตกใจหมดเลย” รสรินต่อว่าอย่างตกใจนิดๆ แต่กลับดีใจจนหัวใจพองโตเหมือนกับลูกโป่ง วงหน้าขาวนวลเนียนแดงปลั่ง สองแขนเล็กเรียวรีบยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง เอนตัวเองเข้าหาร่างใหญ่พร้อมริมฝีปากอวบอิ่มจู๋เล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้จูบหวานๆ ไปเป็นรางวัลที่ทำให้เธอนั้นมีความสุขแทบจะสำลัก
ชานนท์ไม่ปล่อยโอกาสให้มันผ่านไป ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปประทับบนกลีบปากอวบอิ่ม ดูดกลืนความหวานจากโพรงปากนุ่ม มือใหญ่ลูบไล้ลำแขนกลมกลึงไล่ลงไปถึงสีข้างสอดเข้าไปเกี่ยวเอาชายเสื้อตัวเล็กนุ่มเคลื่อนขึ้นทีละน้อยพร้อมฝ่ามือใหญ่ที่ค่อยๆ ควานหาก้อนเนื้อนุ่มนิ่ม
“อืม...” รสรินร้องครางในลำคอ เสียดายถ้าเธอไม่เหน็ดเหนื่อยจากบทรักหวานๆ ที่ชานนท์มอบให้จนนอนตื่นสายละก็ป่านนี้เธอคงจะละลายเหมือนกับน้ำผึ้งในโถที่ถูกอีกฝ่ายกินเป็นอาหารตอนเช้าอีกสักรอบ แล้วเธอก็คงจะต้องขอบคุณชานนท์ที่อุ้มกลับมานอนที่ห้องก่อนที่จะมีคนอื่นๆ ในตื่นแล้วพบว่าเธอไม่อยู่ในห้อง และดันไปนอนอยู่ในห้องชานนท์ด้วย ถึงจะไม่อายเพราะรักอีกฝ่ายแต่ยังไงก็ยังอยากจะรักสาหน้าตาของพ่อกับแม่ไว้ แค่ที่ลูกสาวปล่อยตัวปล่อยใจให้ผู้ชายเชยชมก่อนจะได้แต่งงานมันก็เกินพอแล้ว
ดูเหมือนว่าการยืนอยู่แบบนี้จะทำให้ชานนท์ใกล้ชิดกับเธอไม่เพียงพอ แขนใหญ่ตวัดขาเรียวยาวทีละข้างให้โอบกระชับรอบสะเอวและพาเดินไปทั้งที่ยังไม่ยอมถอนจุมพิต วางร่างโปร่งบางลงบนโซฟาตัวนุ่มปลายเตียงใหญ่ ปลายนิ้วสะกิดกระดุมเสื้อจนหลุดออกจากราง
ปลายนิ้วเล็กๆ สอดเข้าไปจิกทึ้งพัวพันกับเส้นผมหนานุ่ม ใบหน้าแหงนหงายไปด้านหลัง ให้ริมฝีปากหนาที่มันเคลื่อนลงไปตามลำคอระหง “พี่นนท์ขา...” เพียงแค่ริมฝีปากหนาร้อนทาบทับเหนือเนินทรวงอวบอิ่มรสรินก็ร้องครางเสียงหวาน อยากเปลี่ยนเวลานี้ให้เป็นยามค่ำคืนที่เธอนั้นจะได้นอนซุกขอไออุ่นจากกายใหญ่และแข็งแกร่ง ตอบรับบทรักหวานซาบซ่านที่ติดตรึงร่างกายและหัวใจ
“จ๋า...” ชานนท์ตอบรับเสียงหวานเฉกเช่นเดียวกัน เขาเหมือนกับคนติดยาเสพติดเพียงแค่ครั้งเดียวทุกลมหายใจเข้าออกของเขาก็มีแต่รสริน อยากแต่จะกินหญิงสาวเป็นอาหารตลอดเวลา ฝ่ามือใหญ่คลึงเคล้นทรวงอกอวบที่แม้จะอยู่ในเสื้อชั้นก็ยังผลิบานเหมือนดอกไม้ ปลายยอดชูชันดุดดันตัวผ้าให้เขาได้ใช้ปลายนิ้วคลึงคีบออกมาเล่นแล้วหวนคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้
รสรินตอบสนองเขาอย่างอ่อนหวานไร้เดียงสาแต่พ่วงความเร่าร้อนถึงใจ จนเขานั้นแทบจะลุกจากเตียงอุ้มร่างหญิงสาวกลับมานอนที่ห้องส่วนตัวของเธอแทบไม่ไหว กว่าที่จะตัดใจยอมปล่อยให้หญิงสาวนอนหลับอย่างเป็นสุขอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ ก็แทบจะเรียกได้ว่าหืดขึ้นคอ ใจมันร่ำๆ แต่จะลงไปอิงแอบแนบชิดกายอุ่นๆ เริงร่าไปในสายลมแห่งความปรารถนาอย่างไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย
“อ๊ะ...” เสียวซาบซ่านจากศีรษะจรดปลายเท้า ปลายเท้าเล็กจิกลงไปบนพื้นพรมนุ่ม เรือนกายสั่นสะท้านจนต้องรีบโอบแขนรอบกายใหญ่ ฟันขาวสะอาดขบกัดริมฝีปากเบาๆ อยากให้เขาทำเหมือนอย่างเมื่อคืนจังเลย...แต่รู้ดีว่ามันคงจะไม่ได้ในตอนนี้นะ เพราะคืนนี้นะหรือพี่นนท์จะต้องมาหาเธอที่ห้อง แอบเล่นตัวสักหน่อยดีไหมน้า ถึงจะคิดอย่างนั้นเพียงแค่ได้เห็นหน้าชานนท์เธอก็อ่อนระทวยเหมือนกับขี้ผึ้งถูกลนด้วยไฟแล้ว คงทำอย่างที่คิดไม่ได้
ดวงตาหลับพริ้มเหมือนตกอยู่ในห้องแห่งความฝัน กายโปร่งบางเอนลงไปตามความยาวนุ่มของโซฟา สองแขนเรียวโอบรัดรอบกายใหญ่ กดรั้งศีรษะทุยให้ปากหนาร้อนได้แนบชิดกับทรวงอกอวบอิ่มอย่างถนัดถนี่ สองขาเรียวยาวแยกห่างจนกายใหญ่เคลื่อนไปพำนักอย่างแนบชิด ในท้องน้อยเหมือนกับมีลูกไฟไหลเวียนวนอยู่
ชานนท์หลงเพลิดอยู่ในความหวานนุ่ม ฝ่ามือใหญ่สอดไปด้านหลังปลดตะขอเสื้อชั้นในที่ตอนนี้บางส่วนเปียกชื้นจากน้ำลายเขาปลดปล่อยบัวตูมเต่งตึงให้เป็นอิสระ สองมือตระคองช้อนทรวงสล้างจนชูชันตรงหน้า ทาบทับริมฝีปากหนาร้อนไล่จากฐานทรวงถึงปลายยอด ขบกัดดูดเม้มปลายยอดสีทับทิมจนมาแข็งตัวเป็นไตหายไปในอุ้งปากหนา ลูบไล้ฝ่ามือไปตามผิวกานเนียนนุ่มเหมือนกับใยไหม
ปลายนิ้วคลึงเคล้นผิวหน้าท้องแบนราบเรียบเกือบจะสอดแทรกเข้าไปในตัวกางเกงแล้วแต่ก็ชะงักเอาไว้ได้ทัน รู้ดีว่าถ้าขืนแย่นิ้วไปที่ส่วนลี้ลับของกายสาวเมื่อไหร่ มีหวังเขารักหญิงสาวจนลืมเวลาอีกแน่ แล้วคราวนี้เรื่องที่ยังไม่อยากให้ใครรู้ ไม่ใช่ไม่อยากให้รู้แต่เพราะต้องการให้ความสัมพันธ์ของเขากับรสรินยังคงเป็นความลับไปก่อนจนกว่าจะได้แต่งงานกันให้ถูกต้องต่างหาก ไม่อยากให้หญิงสาวถูกคนอื่นมองไม่ดี
“หยุดทำไมละคะพี่นนท์” คนที่หลงเพลิดในความวาบหวิวสยิวซ่านเอ่ยถามขึ้นเมื่อกายใหญ่ผุดลุกและรีบเดินไปสงบสติอารมณ์ที่ใกล้ๆ กับหน้าต่างห้อง เพียงแค่เธอลุกขึ้นโดยที่ยังไม่ได้จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางคนที่เห็นกายสาวอิ่มอวบสล้างก็ถึงกายอายจนหน้าแดงไปถึงใบหูรีบเมินหน้าหนีออกไปมองด้านอกแทน
อดที่จะอมยิ้มไมได้ นิสัยแปลกที่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของชานนท์นั่นก็คือ เวลาอายเขามักจะหน้าแดงไปตลอดจนถึงใบหู แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นอกจากเธอที่รู้โดยบังเอิญ ตอนที่เขาแอบมองเธอแล้วพอเธอมองกลับก็จะรีบหลบหน้าหนีพร้อมกับพวงแก้มที่มันแดงปลั่งเหมือนกับผลเชอรี่ไล่ไปถึงใบหู
แรกๆ ก็แปลกใจเลยบ่อยเพราะอยากเห็นและอยากรู้ว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้เป็นแบบนั้น มันแปลกเกินไปที่หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ซึ่งเคยแต่ชม้ายชายตาให้สาวๆ คนอื่น เหนืออื่นใดก็คือว่ามันหงุดหงิดเฟ้ย ทีกับผู้หญิงคนอื่นมองได้แต่มองเธอที่ไรต้องหลบหน้าหลบตาทุกทีเลยฟะและอย่างเธอก็เมื่อหงุดหงิดมากๆ เข้ามันก็ต้องหาที่มาของอาการนั้น แต่ตัวปัญหาก็คือชานนท์ที่คอยแต่จะหลบหน้าหลบตาอยู่ตลอดเวลา แต่มีหรือที่เธอจะยอมแพ้ สุดท้ายเธอก็สามารถจับตัวชายหนุ่มเพื่อถามไถ่ถึงสิ่งที่อยากจะรู้จนได้  
สองมือเล็กเรียวยกขึ้นสอดไขว้ระหว่างอก ดวงตาจับจ้องที่ร่างหนาใหญ่ของชานนท์ซึ่งตอนนี้มีเพียงแค่กางเกงขาสั้นเปียกน้ำตัวเดียวปกปิดอยู่ ริมฝีปากอวบอิ่มขยับไปซ้ายขวาอย่างกำลังใช้ความคิดก่อนที่จะเห็นเป็นโอกาสเมื่อทั้งภามและนันทิยาต่างก็กระโดดตูมลงไปในน้ำและพ่อตัวดีก็กำลังจะกระโดดตาม เธอก็รีบถลาวิ่งยิ่งกว่านักวิ่งลมกรดคว้าแขนใหญ่ จิกดึงด้วยปลายเล็บแหลมๆ ที่กดลงไปลากชานนท์มาซักฟอกด้วยมาดแม่สาวน้อยเจ้าปัญหาในชุดว่ายน้ำแบบเนื้อแนบเนื้อ
“ทำไมห๊าพี่นนท์ มองหน้าน้องรสแล้วทำไมต้องหลบหน้าหลบตาตลอดเลย ไม่ชอบใจอะไรไหนบอกมาซิ” ทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอชานนท์จะต้องพยายามหลบหน้าหลบตาเหมือนดังเช่นทุกครั้ง แต่พอเห็นสาวๆ คนอื่นละมองตาปรอยเชียว มันเลยทำให้เธอหวี่ขึ้น สาวเท้าก้าวไปหากักร่างหนาใหญ่ไว้ด้วยสองแขนเล็ก แม้ว่าตัวเธอจะเล็กกว่าและเตี้ยกว่า แต่ทำไมละตอนนี้ต่อให้ช้างเธอก็เป็นตัวเล็กเท่ามด
“เปล่านี่จ๊ะน้องรส พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย เอาเราไว้คุยกันดีไหมจ๊ะ ตอนนี้พี่ขอไปว่ายน้ำก่อนนะ ใกล้ชิดรสรินทีไรมือไม้มันเกะกะไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหนดี จะจับตัวสาวตรงหน้าก็ไม่ได้ในหัวใจมันสั่นไหวรุนแรงเหมือนกับยืนอยู่บนท้องน้ำที่มีพายุโหมกระหน่ำ
“ไม่ต้องเลยพี่นนท์ไม่ต้องไปไหนเลย มือเล็กจับแขนใหญ่ของคนที่พยายามหลีกเลี่ยง อยู่คุยกับน้องรสก่อน น้องรสน่าเกลียดมาเลยหรือคะ เห็นเวลาพี่นนท์เจอน้องรสที่ไรจะต้องหน้าแดงทุกทีนะ” ตรงจุดเป๊ะๆ ไม่มีแตกแถวไปไหน วงหน้าสวยบึ้งตึงและดุกร้าว มองสบตาคมกริบไม่ยอมแพ้
“ว่าไงคะ ถ้าไม่ตอบให้รู้นะ น้องรสจะตามติดพี่นนท์ทุกที่ เข้าห้องน้ำก็จะเข้าตาม ดีไม่ดีอาจจะอาบน้ำให้ด้วยเลย เอาไหม”
“เฮ้ย ยัยรส อย่าขู่เจ้านนท์มากซิ เห็นไหมมันกลัวจนหัวหดแล้วนะ เดี๋ยวมันหนีไปไม่ยอมแต่งงานด้วย พี่ไม่ช่วยไปตีหัวมันมาเขาหอกับแกนะโว้ย” ภามที่ว่ายน้ำแข่งกับนันทิยาและเขาเป็นฝ่ายชนะถึงเส้นชัยก่อนตะโกนกระเซ้าพร้อมเสียงหัวเราะ
“หยุดเลยนะพี่ภาม ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของน้องรส พี่นะไปปรับความเข้าใจกับพี่ไทนี่โน่นไป ว่าแต่คนอื่น ตัวเองนะหาแต่เรื่องไม่เว้นแต่ละวัน ระวังเถอะพี่ไทนี่ทนไม่ไหวขึ้นมาถอนหมั้นเมื่อไหร่น้องรสจะหัวเราะให้ฟันหักเหมือนกันแหละ” รสรินหันไปชี้หน้าพี่ชายก่อนจะหันไปค้อนพี่ชายก่อนจะหันมาจัดการกับคนตรงหน้าเธอต่อ
“ว่าไงค่ะพี่นนท์ ตอบน้องรสมาได้หรือยัง หรือว่าจะให้น้องรสลงมือทุบพี่ให้เหมือนกับลูกกระท้อนที่ต้องทุบก่อนจะกิน” หญิงสาวแยกเขี้ยวใส่ชานนท์ที่ยังยืนหน้าแดงแต่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
ภามเลิกคิ้วสูงก่อนจะหันไปมองนันทิยาซึ่งยังคงมุ่นมั่นกับการว่ายน้ำจนไม่สนใจสิ่งใด คงจะให้สายน้ำเย็นๆ ช่วยระบายความร้อนรุ่มที่มันมีอยู่ในใจออกไปจนหมดละมั้ง
วงหน้าคร้ามแกร่งเหยียดยิ้มหยามหยัน เป็นไปไม่ได้เลยที่นันทิยาจะทำอย่างที่รสรินพูด ก็รักเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตาขนาดนั้น ขนาดเขาควงผู้หญิงกอดรัดฟัดจูบกันตรงหน้าอีกฝ่ายก็ยังแค่ยืนตาแดงก่ำน้ำตาไหลพรากอย่างน่าสมเพชอยู่เลย ต่อให้โดนเขาทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจนน้ำตาไหลอาบเป็นสายเลือด นันทิยาก็ไม่มีทางที่จะยอมปล่อยเขาไปจากชีวิต คิดเรื่องหญิงสาวแล้วหงุดหงิดใจ หันไปหาเรื่องอื่นทำให้มันสบายใจดีกว่า
“ทำไมไม่ตอบไปละนนท์ว่าที่หน้าแดงนะเพราะอายยัยรสนะ” ภามไม่วายล้อชานนท์ ตอนแรกที่เขาสังเกตเห็นและบังคับถามกว่าชานนท์จะยอมตอบก็เล่นเอาเขาต้องงัดทุกวิถีทางเหมือนกัน พอได้รับคำตอบแล้วก็หัวเราะจนท้องคับท้องแข็ง ก็ใครมันจะไปคิดละว่าชานนท์จะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้นะ
รักเขา...แต่พอเห็นเขา อยู่ใกล้เขาทีไรหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกเสียทุกทีไป แต่คิดไปคิดมาก็น่ารักดีใช่หยอก น้องสาวเขาในส่วนที่เกี่ยวกับชานนท์จะทำตัวเหมือนกับผู้ชายเสียเอง ในขณะที่ชานนท์ก็เปลี่ยนตัวเองเป็นผู้หญิง ลงล็อกและเข้ากันดีเป็นที่สุด
“ค่ะ” รสรินตอบกลับเสียงสู้ ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าค้าง หันมองพี่ชายสลับกับชานนท์อย่างไม่ค่อยจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ก็มันงงนี่หน่า “ที่พี่ภามพูดหมายความว่ายังไงคะพี่นนท์ พี่อายน้องรสจริงๆ หรือคะ
จ้องเข้าไปในดวงตาคมกริบ เอานะพอจะรู้แล้วว่าจุดอ่อนชานนท์คืออะไร อย่างนี้ก็สนุกซิ พวงแก้มอิ่มเต็มป่องออก ปลายนิ้วยาวเรียวยกขึ้นลากไล้บนอกกว้าง ดวงตากลมโตแพรวพราวระยับเหมือนกับดวงดาวนับสิบมาส่องสว่างอยู่ ว่าไงคะพี่นนท์ขา...ถ้าไม่ตอบนะ น้องรสจะจูบพี่นนท์โชว์พี่ภามและพี่ไทนี่เลย เอาไหมคะ” ถามอย่างก๋ากั่นทั้งที่ความจริงนะไม่กล้าทำหรอก
“คะครับ...น้องรส พี่นนท์อายน้องรสครับ” ชานนท์รีบตอบรับไปทันทีเมื่อมือเล็กเริ่มที่จะเคลื่อนไหวตามร่างกายทีละน้อย จนสองแขนเรียวยาวโอบรอบลำคอแกร่ง
“พี่นนท์อายอะไรคะ น้องรสก็เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นนี่น่า” มันอดที่จะสงสัยไม่ได้จริงๆ
ชานนท์พูดไม่ออก จะบอกยังไงเล่าว่าที่เขาอายเพราะเขารักแม่สาวตัวแสบนี่นะ มือใหญ่ยกขึ้นเกาศีรษะยิกๆ ย่างคิดว่าจะทำยังไงดี ก็พอดีเห็นศีรษะของพี่สาวที่ผลุบๆ โผล่ๆ กับสองแขนที่สะบัดไหวๆ อยู่ในท้องน้ำเย็นๆ “แย่แล้ว พี่ภามช่วยพี่ไทนี่หน่อยครับ พี่ไทนี่จะจมน้ำแล้ว” ชานนท์ตะโกนบอกพร้อมเหวี่ยงร่างหนีแขนเล็กเรียวพาตัวเองพุ่งไปช่วยเหลือพี่สาวที่ตอนนี้ถูกภามช่วยขึ้นมานอนบนพื้น
นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะคะ พี่นนท์ยังไม่เลิกอายน้องรสอีกหรือคะ” รสรินเอ่ยถามเสียงนุ่ม ความรู้สึกอยากจะแกล้งชายหนุ่มพลุ่งพล่านขึ้น พวงแก้มอิ่มเต็มป่องออกเล็กน้อยพร้อมประกายในดวงตากลมโตแพรวพราวระยับ แทนที่จะจัดเนินเนื้อขาวสล้างให้อยู่ในเสื้อชั้นในลูกไม้และติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อยเธอกลับเอาไว้อย่างนั้นแล้วเดินไปหาชายหนุ่ม รสรินกลับเลือกที่จะปล่อยมันไว้แบบนั้นและเดินย่างเท้าอย่างกับนางพญาไปหาชานนท์ช้าๆ เมื่อถึงสองแขนเรียวยาวโอบรัดรอบกายใหญ่บดเบียดความนุ่มนิ่มของกายสาวอุ่นระอุจนร้อนทาบกับแผ่นหลังกว้าง ขยับเคลื่อนมือเล็กน้อยสอดเข้าไปใต้ตัวเสื้อเผื่อลูบไล้แผ่นอกกว้างลำสัน
“ครับ มันจะแปลกไหมที่ถึงตอนนี้พี่ก็ยังอายน้องรส” มือใหญ่ทาบไปบนมือเล็ก หงุดหงิดตัวเองเสมอที่ไม่กล้าสู้หน้ารสริน “พี่อายเพราะพี่รักน้องรส”
“ไม่แปลกเลยคะ น้องรสว่าเป็นแบบนี้พี่นนท์น่ารักที่สุดด้วย” รสรินตอบกลับเสียงหวาน หันกายใหญ่ให้มาประจันหน้ากับตนเอง จับมือใหญ่มาวางทาบทับบนทรวงอกด้านที่มีหัวใจเต้นอยู่ “น้องรสก็รักพี่นนท์คะ อยากอยู่อย่างนี้กับพี่นนท์ตลอดไป”
ไม่รู้ว่าจะเอ่ยคำพูดไหนได้ดีไปกว่าคำว่า... “พี่รักน้องรสครับ แล้วตอนนี้น้องรสก็ควรจะแต่งตัวให้เรียบร้อยได้แล้วนะครับคนดี ก่อนที่พี่จะอดใจไม่ไหวจับโยนน้องรสบนเตียงแล้วเราก็ไม่ต้องออกจากห้องนอนกันเลย แต่พี่คงทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะไม่อยากให้น้องรสถูกมองไม่ดี นะครับ”
ปลายเสียงเว้าวอนเล็กน้อยจนรสรินใจอ่อนยอมที่จะทำอย่างที่ชานนท์ขอ แต่ว่า...ดวงตากลมโตกลับเปล่งประกายระยิบระยับและมีเลศนัย “จำได้ว่าเมื่อกี้พี่นนท์เป็นคนทำให้มันเป็นอย่างนี้เองนี่ค่ะ งั้นพี่นนท์ก็ต้องเป็นคนจัดการเข้าที่เข้าทางใช่ไหมคะ”
ว่าแล้วเชียว...ชานนท์ไม่รู้ว่าจะตอบกลับคำพูดรสรินยังไงดี จึงได้แต่ยืนอึ้งหน้าแดง หมดรูปหนุ่มเจ้าเสน่ห์กลายเป็นแค่แมวน้อยไม่มีพิษสงไปเลย มือใหญ่สั่นระริกยามที่สะกิดถูกผิวเนื้อเนียนนุ่มยามที่จะต้องติดตะขอเสื้อชั้นในและกลัดกระดุมเสื้อให้เขาที่
รสรินหัวเราะชอบใจ “แหม...ตอนถอดให้นะเร้วเร็วนะคะ แต่พอใส่กลับนี่ทำไมถึงได้ช้าแถมมือก็ยังสั่นด้วย ทำไมก็ไม่รู้”
“น้องรสนะ”
“ค่า น้องรสไม่แกล้งพี่นนท์แล้ว รสรินช่วยชานนท์แต่งตัวจนเรียบร้อย ไปกันดีกว่าคะ ป่านนี้พี่ไทนี่และพี่ภามรอจนหิวไส้กิ่วแล้ว” สองแขนเล็กสอดจับแขนใหญ่เดินออกจากห้องนอนสีหน้าระรื่นสดใส
**** เพราะวันนี้คือวันแห่งความรัก ไรเตอร์รักทุกๆ คนเลยมอบนิยายให้อ่านกันเต็มๆ หมดทั้งเรื่อง หวังว่าจะชอบกันนะคะ 
ฝากผลงาน...
และวันนี้เป็นแห่งความรัก ไรเตอร์ก็มีอะไรดีๆ อีกเล็กน้อย
ใครยังไม่มี เพลิงร้ายใต้ปีกรักและเล่ห์ร้ายทรายสิเน่หากันบ้างคะ ยกมือหน่อย
เม้นท์ลุ้นรับหนังสือกันดีกว่า...อืม จะให้เรื่องละเท่าไหร่ดีนะ 
5555++ ยังไม่บอก ต้องลุ้นกันนะจ๊ะ 
หมดเขตเล่นเกมส์วันที่ 22 กุมภาพันธ์จร้า 


15 ความคิดเห็น:

  1. ชื่อจูลี่ค่ะ คุณใหม่มาลงชื่อจับสลากหนังสือค่ะ อยากได้เรื่อง เพลิงร้ายใต้ปีกรักค่ะ ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  2. ไทนี่หนีไปได้แล้ว สมหน้านายภามอิอิ

    ตอบลบ
  3. มายกมืออยากได้หนังสือนิยายด้วยคนค่ะ
    ติดตามมาโดยตลอด ต้องเข้ามาดูทุกวนว่าอัพรึยัง ลุ้นคู่พี่ภาพกะน้องไทนี่มากๆ
    ส่วรคู่ของเจ้านายกะเลขาก้อย ก็แอบหงุดหงิด ตกลงเจ้านายเอางัยเนี่ย พอเห็นน้องไทนี่เริ่มออกลายเสียละ จะทำให้ก้อยเสียใจมั๊ยเนี่ย

    ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่วันนี้อัพให้อย่างเยอะ จุใจสุดๆ ขอบคุณนะคะ :D .... จาก Tiffy

    ตอบลบ
  4. ลงชื่อด้วยคนค่ะ แต่ว่าเรื่องนี้แต่ละคู่ต้องให้ได้ลุ้นจัง แต่ผู้ชายอย่างนายภามไม่ไหวค่ะ ไม่คู่ควรแก่ความรักที่ได้รับไปเลย ต้องโดนทำโทษหนักหน่อยนะค่ะ

    ตอบลบ
  5. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  6. ลงชื่อรับหนังสือค่ะ ควรแก้เผ็ดพระเอกให้เข็ดหลาบ

    ตอบลบ
  7. ลงชื่อค่ะ
    ออย

    ตอบลบ
  8. ลงชื่อด้วยคนค่ะ อยากอ่านเรื่องคุณใหญ่ กับน้องว่าวต่อค่ะ

    ตอบลบ
  9. เกลียดไอ้เบื๊อกภามเข้าไส้ไถลลงไปถึงเซี่ยงจี๊
    สารเลวไปถึงไหน
    ชั่ว ๆ แบบนี้เนี่ย
    เวลาคนเค้าด่า
    เค้าก่นถึงบุพการีแกนะอีภาม
    ไรเตอร์ฮ้า
    ขอช่วงเอาคืนแบบให้อีภามสาหัสกระอักเป็นเลือดเลยนะฮ้า
    ถ้ามันไม่เจ็บหนัก
    เค้าจะเฉ่งไรเตอร์

    ตอบลบ
  10. ปล.น้องรสฮ้า
    พี่ชายน้องมันเลวนะฮ้า
    จะช่วยมันเหยียบย่ำซ้ำเติมคนเพศเดียวกันทำไมกัน
    นิสัย

    ตอบลบ
  11. \(o.o)/ ทั้งลงชื่อทั้งยกมือด้วยคนค่า
    ยังไม่ได้ซักกะเล่มเลยอ่ะ พี่ใหม่ขา
    น้องอุตส่าห์ตามทวงเอ๊ยถามถึงนิยายเกือบทุกกวัน

    ตอบลบ
  12. ลงชื่อลุ้นด้วนค่ะ

    ตอบลบ
  13. ยังไม่เคยอ่านทั้ง 2 เรื่องเลยค่ะ ไรเตอร์ เรื่องนี้สนุกมากมาย พระเอก ใจร้ายมาก ต้องจัดหนัก ๆ เลย แกล้งนางเอก นิสัยไม่ดี เคยอ่านเรื่อง เล่ห์รักไฟพิศวาส เห็นแจ้งว่าออกกับ สนพ. เซกซี่บีมายด์ ปกสวยมากค่ะ รอ ติดตามไปซื้อเล่มนี้ อยากรุ้ว่า พี่เบนนิโต้ จะจำนางเอกได้เมื่อไหร่
    แล้วไรเตอร์ให้ลุ้นเล่มเกมยังไงค่ะ รายงานตัวที่เวบของไรเตอร์ ลงชื่อ สุ ค่ะ morgana3770@gmail.com ต้องสมัครสมาชิกยังไงค่ะ เข้ามาแรก ๆ งง อยุ่ค่ะ แต่เพื่อนิยายสู้ ค่ะ

    ตอบลบ
  14. ยกมือด้วยคนค่ะ ว่าอยากได้เหมือนกัน ตามอ่านมาเป็นระยะค่ะ

    ตอบลบ
  15. มาลงชื่อรายงานเล่มเกมกับไรเตอร์อะค่ะ แต่ว่าข้อความไม่รุ้หายไปไหน ลงใหม่ได้ป่าวค่ะ
    ชื่อ สุ คุ่ะ

    ตอบลบ