ตอนที่ 17
เกมส์ลงโทษ เกมส์เอาคืน
ร่างสูงชะลูดราวกับยักษ์ปักหลั่นย่อตัวลง มือใหญ่ทางบนขาแข็งแกร่งข้างหนึ่ง กลั้นยิ้มที่เห็นคู่แค้นถูกนันทิยาเล่นงานเสียจนงอมพระราม หมดสภาพหนุ่มหล่อไปเลย ดวงตาคมกริบเป็นประกายพราวระยับซุกซ่อนความรื่นเริงเอาไว้ไม่มิด ใครจะคิดว่าอยู่ดีๆ แม่แมวน้อยที่ขลาดกลัวจะกลายเป็นเสือขึ้นมาในฉับพลันกล้าทำร้ายสิงโตเจ้าป่าอย่างไม่กลัวจะถูกอีกฝ่ายจับตัวได้แล้วฉีกทึ้งกัดกินเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย
“เป็นยังไงบ้างคุณ ไหวไหม”
ภามปัดมือที่ยื่นส่งมาให้ “ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นอะไร” กัดฟันบอกเสียงยังคงสั่นด้วยความเจ็บและจุกที่กึ่งกลางของเรือนกายซึ่งถูกนันทิยากระแทกแบบไม่มียังมือ ‘คอยดูนะไทนี่ ฉันจับเธอได้เมื่อไหร่ละก็...’ กรามหนาขบกัดบดเบียดจนแก้มตอบนูนเด่น นัยน์ตาเป็นประกายแข็งกร้าวและดุร้ายด้วยความเจ็บใจนันทิยา หนีมาไม่เท่าไหร่ยังจะมาทำร้ายเขาท่ามกลางผู้คนให้ต้องอับอายอีก อย่างนี้มันเอาไว้ไม่ได้แล้ว มันต้องลงโทษให้หลาบจำ
“โธ่คุณ จะมาเล่นแง่อะไรตอนนี้เล่า เห็นไหมคนมองดูกันเต็มแล้ว คุณก็ยังเจ็บอยู่ไม่ใช่หรือ ถ้าไม่รีบเดี๋ยวตามสองสาวไม่ทันนะ คุณจับตัวไทนี่ไม่ได้จะมาโทษผมไม่ได้นะ”
ภามยันตัวเองลุกขึ้นยืนจนสำเร็จ แม้ร่างกายจะยังเจ็บปวดอยู่บ้างแต่ก็รีบเดินตามร่างรัฐภาสไปติดๆ เพื่อที่จะตามจับตัวนันทิยาก่อนที่ยัยตัวแสบจะเล่นแง่หนีไปที่อื่นแล้วจนเขาตามหาไม่เจอ
“คุณคิดว่าไทนี่จะไปไหนบ้าง” รัฐภาสเอ่ยถามเพื่อหาข้อมูลไว้ก่อนเพื่อรวิกานต์คิดจะหนีเขาจะได้ตามหาตัวถูก
“ทำไม สนใจเมียผมหรือไง” ภามตะคอกกลับไปอย่างไม่รู้ตัวว่าเขายอมรับแล้วว่านันทิยาคือเมียไม่ใช่นางบำเรออย่างที่คิด
“คุณนี่มันหึงไม่ดูตาม้าตาเรือเอาซะเลยนะคุณภาม” รัฐภาสถึงกับสายศีรษะอย่างระอิดระหนาระอาใจ แต่ใจหนึ่งก็สมน้ำหน้าอยู่หรอกนะ รักเขาแต่ทำร้ายเขาต่างนานา แถมยังจะปากแข็งไม่ยอมรับอีก ถ้าหากนันทิยาหนีไปได้อีกครั้งมันก็สมควรอยู่หรอกนะ แต่ถ้าจะพารวิกานต์ไปด้วยนี่ไม่ค่อยจะดีสำหรับเขาเท่าไหร่
“รู้ไว้เลยนะคุณภาม เมียคุณ...ไทนี่นะผมไม่คิดจะสนใจหรอก คนที่ผมสนใจมีเพียงคนเดียวคือก้อย แล้วไอ้ที่ถามนะเผื่อไว้...เผื่อว่าก้อยคิดจะหนีไปกับไทนี่ ผมกับคุณจะได้ตามหาตัวถูก”
“อือ...แล้วไป” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพูดยืนยันอย่างหนักแน่นทำให้ภามคลายความกังวลใจลงไปได้เล็กน้อย เริ่มที่จะพูดคุยถึงเรื่องของสองสาวในส่วนที่ตัวเองรู้ให้ฟังพร้อมกับเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องของรวิกานต์ในส่วนที่เขาจำเป็นจะต้องรู้ หากว่าหานันทิยาไม่เจอจะได้ตามรอยถูกว่าอีกฝ่ายไปที่ใด
ภามไม่หยุดคิดเลยว่าที่เขาตามนันทิยามาเพราะเหตุใด แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ก็คือว่าเขาไม่สามารถปล่อยหญิงสาวให้หลุดรอดมือไปได้ เพียงแค่คิดว่ามือนุ่มนิ่มที่เขาเคยจับถูกผู้ชายคนอื่นแตะต้องในอกมันก็ร้อนรุ่มจนแทบจะทนไม่ได้ แล้วถ้าหากว่าหญิงสาวจะต้องตกเป็นของคนอื่นจริงๆ เขาคงจะคลั่งอาจถึงกับเป็นบ้าเพราะความร้อนเหมือนกับมีไฟที่มันเผาหัวใจให้มอดไหม้
“หายไปไหนนะไทนี่ เดี๋ยวเถอะยัยตัวแสบ ฉันจับได้ละก็น่าดู” ภามบ่นพึมพำ สองมือใหญ่ยกขึ้นเท้าสะเอว สอดส่ายสายตามองหาสองสาวตัวแสบอย่างเป็นห่วงกลัวว่าการเดินทางในชุดที่มองเห็นเนื้อหนังถึงจะไม่มากมายแต่มันก็ยังล่อตาล่อใจพวกคนไม่ดีได้
“จะเอาไงดีไทนี่ เราจะไปทางไหนดี” รวิกานต์เอ่ยถามเสียงเครียดขัดขึ้นมากลางคัน วงหน้าสวยหันมองหลังอยู่ตลอดเวลาด้วยความกลัวว่าสองคนนั้นจะตามมาทัน
“แกติดต่อยัยตาลบ้างไหมก้อย” นันทิยาเอ่ยถามถึงเอวิตราเพื่อนรักอีกคนที่เธอเองไม่ได้ติดต่อไปเลยหลังจากที่เรียนจบ ไม่รู้ว่าเพื่อนสาวจะเป็นยังไงบ้าง “ไปหาตาลกันไหมก้อย”
“หือ...เปล่า แต่เคยเจอมันเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นมันกำลังเฮิร์ตหนัก” ศีรษะทุยพยักรับเมื่อเห็นประกายตาสงสัยจากนันทิยา “เออ...อย่างที่แกคิดนั่นแหละ ยัยตาลมีปัญหากับสามี มันเลยหนีมาพร้อมกับลูกในท้อง แล้วอีตาสามีมันก็ตามหาตัวจนเจอแล้วก็บังคับเอาตัวไป”
“แกจำคนผิดหรือเปล่า ไหนยัยตาลบอกว่ามันจะไม่แต่งงานไงชาตินี้” ยังจำได้ว่าเอวิตราเคยพูดอย่างหนักแน่นว่าชาตินี้เธอจะไม่ขอรักผู้ชายคนไหน จะไม่ยอมกลายเป็นยัยแจ๋วทำงานบ้านและเลี้ยงลูกงกๆ ส่วนสามีนะลอยหน้าลอยตาจีบหญิงไปวันๆ เพื่อนเธอคนนี้มีครอบครัวแตกแยกเลยไม่ศรัทธาในสถาบันครอบครัวและไม่เชื่อมั่นในตัวผู้ชาย
“ความรักและความต้องการของผู้ชายเวลามันมาแกคิดว่ามันจะขวางได้หรือไงไทนี่” รวิกานต์ถามตรงๆ ก็ตัวเธอนี่ไงเป็นตัวอย่างที่ดีเลยละ เข้าใกล้รัฐภาสทีไรเหมือนกับขี้ผึ้งถูกลนไฟพร้อมที่จะหลอมละลายในพริบตา วงหน้าสวยแหงนขึ้นมองท้องฟ้ายามราตรีของเมืองหลวงที่ไม่มีแสงดาวให้เห็นเลย มีแต่แสงไฟหลากสีสันที่ประดับประดาไปทั่วทุกหัวระแหง ในหัวใจเหงาเศร้าและโดดเดี่ยวขึ้นมาทันควัน
ชั่วเวลาหนึ่งเธอก็คิดอยากมีใครสักคนที่จะคอยอยู่เคียงข้าง คอยแบ่งปันทุกข์และสุก ได้มีวันเวลาอยู่ด้วยกันตามประสา ไปเที่ยว ดูหนัง ไม่ต้องนั่งทานอาหารคนเดียว แต่รู้ว่าในความเป็นจริงมันเป็นไปได้ยากเย็น สองมือเล็กยกขึ้นแนบอก ฝ่ามือเล็กๆ ยกขึ้นลูบไล้ลำแขนที่สะท้านขึ้นเพราะสายลมแรงที่พัดมาแตะต้องจนขนลุกชัน แต่มันคงจะสู้ความเย็นที่เกาะกุมหัวใจเธอไม่ได้ มันหนาวเหน็บเหมือนกับมีก้อนน้ำแข็งห่อหุ้มอยู่
“คิดอะไรหรือก้อย” เมื่อเห็นว่าเพื่อนเงียบไป นันทิยาเลยเอ่ยถามเพื่อนทำลายความเงียบของบรรยากาศ
“แค่กำลังคิดว่าถ้าเราไปหายัยตาลจริงๆ มันคงจะทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกเนอะ”
“นั่นซิ แต่ฉันว่าก็ดีเหมือนกันนะ ถึงจะไปแล้วไม่เจอ เราก็ถือโอกาสไปเที่ยวพักผ่อนสักระยะก็ดีเหมือนกัน ห่างไกลคนที่มองเห็นเราเป็นเหมือนกับของไม่มีค่าจะทำยังไงก็ได้เพราะมันไร้หัวใจ” สุดท้ายนันทิยาก็ไพล่ไปคิดถึงภาม ไม่อยากจะคิดถึงอนาคตถ้าหากถูกอีกฝ่ายจับได้ รอยยิ้มเยาะหยันผุดขึ้นบนวงหน้า เธอคงไม่แคล้วจะต้องกลายเป็นเพียงแค่ตุ๊กตามีชีวิตเป็นของเล่นให้ภามใช้จนเบื่อแล้วก็ถูกโละทิ้งพร้อมกับความบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ
“ไม่เอาน่าไทนี่ ไม่คิดเรื่องเศร้าๆ ซิแก เห็นแล้วหมดอารมณ์เลย” สองสาวเพื่อนซี้เดินไปเรื่อยๆ พร้อมกับเหลียวมองด้านหลังอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามมาก็เลยค่อยโล่งอกโล่งใจขึ้นมาหน่อย
“อือ...” นันทิยาตอบรับรีบสลัดความคิดถึงภามทิ้งไป ยกแขนเรียวโอวาดไปรอบกายเพื่อน อีกมือก็ยื่นไปกวักเรียกรถแท็กซี่จะกลับบ้านไปเก็บข้าวของแต่กลับมีรถสองคันจอดเทียบท้ายพร้อมกับร่างของรัฐภาสลงมาจากรถคันแรกและภามลงจากรถคันหลัง นันทิยาส่ายศีรษะอย่างคิดไม่ถึงว่าภามจะฟื้นตัวได้เร็วถึงเพียงนี้ อารามตกใจขามันเลยแข็งก้าวไม่ออกกลายเป็นว่ายืนให้สองหนุ่มจับตัวได้ง่ายๆ
มือใหญ่เกี่ยวสะเอวเล็กคอดถึงกายโปร่งบางแนบชิดร่างหนาใหญ่ ใบหน้าคร้ามแกร่งโน้มลงไปจนลมหายใจอุ่นร้อนระอุเปารถใบหูและเส้นผมหนุ่ม ริมฝีปากหนาขบกัดติ่งหูเล็ก “คิดว่าจะหนีฉันพ้นหรือก้อย” น้ำเสียงเซ็กซี่และแหบพร่าบวกกับประกายตาร้อนแรงที่ส่งมอบมาทำให้คนที่ตกใจอยู่ฟื้นคืนสติเร็วพลัน
“ว้าย!!! ปล่อยก้อยนะเจ้านาย” สองมือเล็กรีบยกขึ้นยันร่างหนาใหญ่ที่รัดแน่นเหมือนกับงูรัดเหยื่อจนเธอได้กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของผู้ชายที่เต็มไปด้วยคุณลักษณะของบุรุษเพศอันเร้าใจและโคโลนหอมๆ ในหัวใจเต้นตักตักๆ รัวเร็วเหมือนักปืนกล พวงแก้มอิ่มเต็มแดงระเรื่อขึ้นอย่างกะทันหัน ในลำคอแห้งผากเหมือนกับคนที่หิวกระหายน้ำ
“ปล่อยซิคนบ้า รัดมาได้ อึดอัดนะโว้ย” สองมือเล็กสอดแทรกยันร่างหนาที่ยิ่งกระชับร่างเธอเข้าหาจนแทบจะหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน รวิกานต์หนาวสั่นด้วยกระไอร้อนและเย็นที่มันโอบรอบเรือนกายและเสียงหัวเราะที่ดังมาจากลำคอแกร่ง
“ปล่อยเพื่อนไทนี่นะคุณรัฐภาส” นันทิยาถลาจะไปช่วยรวิกานต์แต่ทว่าร่างกายที่มันควรจะไปด้านหน้ากลับถอยไปด้านหลังและชนเข้ากับบางสิ่งบางอย่างจนมีเสียงดังปึก ก่อนจะรู้สึกตัวว่ามีคีมเหล็กสอดรัดเข้ามาระหว่างเอวเล็กคอด ไม่ทันจะได้หันไปมองก็มีเสียงแข็งและกระด้างแต่เซ็กซี่จนหัวใจเต้นผิดปกติดังขึ้นข้างใบหูเสียก่อน
“หึ...ในที่สุดฉันก็จับตัวเธอได้แล้วไทนี่” ปลายนิ้วร้อนผ่าวเคลื่อนไหวเป็นวงกลมบริเวณสะเอวและสีข้าง วงหน้าคร้ามแกร่งที่เคยกระด้างและดุร้ายระคนเป็นห่วงกังวลผ่อนคลายลงเล็กน้อยและแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มกระหายอยาก นัยน์ตาแพรวพราวระยับ เพียงแค่คิดว่าจะได้ทำโทษนันทิยาอย่างเร่าร้อนบนเตียงนอนร่างกายมันก็รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในแทบจะทันที
“ฉันจะลงโทษเธอยังไงดีจ๊ะยาหยี...หนีมาอันนี้ไม่เท่าไหร่ แต่ทำร้ายร่างกายและทำให้ฉันอับอายผู้คนนี่จะเอาไงดี โต้รุ่งเลยไหมอ๊ะ...” ทาบริมฝีปากบนพวงแก้มนุ่มนิ่มและหอมกรุ่งไล่ไปตาจนถึงใบหูเล็ก สอดแทรกปลายลิ้นไปในช่องหูเล็ก แค่ได้กลิ่นกายนันทิยาก็ทำเอาเขาปวดร้าวอยากจะฝังกายแข็งแกร่งเคลื่อนไหวในเส้นทางลี้ลับแห่งกายสาวที่จะบีบกระชับตอดรัดถี่ๆ โอ๊ย...ยิ่งคิดแก่นกายมันก็ร้อนผ่าวขยายตัวดุดดันกางเกงแนบชิดบั้นทายกลมกลึง อยากเปลี่ยนที่ตรงนี้ให้เป็นห้องนอนจริงๆ
“สงสัยจะน้อยไปเอาเป็นคืนนี้ พรุ่งนี้และต่อด้วยคืนพรุ่งนี้ไม่ต้องหลับต้องนอนไม่ต้องออกจากห้องกันดีกว่าไหมไทนี่จ๋า...” ริมฝีปากหนาขบกัดติ่งหูเล็กสลับสอดแทรกปลายลิ้นไปในช่องหูนุ่ม
นันทิยาตัวสั่น ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ ขนตามเรือนกายลุกชัน ยืนตัวแข็งเหมือนกับถูกตรึงไว้ ขยับไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ในท้องน้อยเริ่มปั่นป่วน ไฟร้อนผ่าวแล่นพล่านไปทั่วกายเน้นหนักที่พวงแก้มอิ่มเต็ม ในหัวใจเต้นรัวเร็วเหมือนกับกลองเพลสลับไหววูบเหมือนกับจะหล่นไปกองอยู่ปลายเท้า หงุดหงิดใจที่ทำอะไรไม่ได้ไหนจะถูกจองจำด้วยคีมเหล็กที่รัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก
“ปะ...ปล่อย...ปล่อยไทนี่นะพี่ภาม” กว่าที่หญิงสาวจะหาเสียงตัวเองเจอและบอกให้อีกฝ่ายปล่อยตัวได้ถูกลากจูงไปเกือบจะถึงรถแล้ว หันไปมองรวิกานต์ก็ถูกรัฐภาสลากจูงไปที่รถแต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปช่วยเหลือยังไงดีในเมื่อตัวเองก็เอาตัวแทบจะไม่รอดแล้ว “ปล่อยนะไทนี่จะไปช่วยก้อย” นันทิยาหน้าเสียเมื่อเห็นรวิกานต์ถูกรัฐภาสจับยัดใส่รถก่อนจะวิ่งไปประจำตำแหน่งคนคบขับและขับออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนลมพายุ
“จะไปสนใจเรื่องของคนอื่นทำไมละไทนี่ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะยัยตัวแสบ กว่าฉันจะจับตัวเธอได้เล่นเอาเหนื่อยแถมยังจะเจ็บตัวอีก ฉันไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ แน่นันทิยา” ภามถามน้ำเสียงเซ็กซี่ปนดุกระด้างให้หัวใจนันทิยาเต้นกระหน่ำรัวเร็วด้วยความรู้สึกที่มันหลากหลายแยกแยะไม่ถูก จะปวดร้าวด้วยความต้องการทางร่างกายก็ใช่ จะกลัวก็ไม่เชิง
เพราะตรงที่ยืนอยู่พอมีแสงไฟสว่างเลยสามารถกวาดสายตามองไปทั่วร่างกลมกลึงอุ่นนุ่มหยุดตรงทรวงอกอวบอิ่มสร้างที่ดุนดันเนื้อผ้าขึ้นมาให้เห็นเนินเนื้อขาวผ่องเป็นยองใย “แล้วฉันก็กระหายหิวอยากหม่ำเธอเป็นอาหารคืนนี้ ตบท้ายด้วยของหวานจะแย่แล้วไทนี่จ๋า”
จากอารมณ์หวานแสบไส้และน้ำเสียงเซ็กซี่แต่เพราะอีกฝ่ายดิ้นรนขัดขืนหนักเสียงพูดที่ตามออกมาจึงเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมและดุกร้าว “อย่าเรื่องมากเล่นตัวให้มันน่าสมเพชเลยไทนี่ ของเคยๆ เธอเองก็อยากนอนกับฉันจะแย่แล้วไม่ใช่หรือไง”
นันทิยาขบกัดริมฝีปากจนง้อเลือด อยากฝาดปากโสมมให้เลือดกรบ จะได้รู้ว่าควรพูดจายังไงมันถึงจะระรื่นหูคนฟังเสียงบ้าง แต่ในสภาพที่เธอถูกรัดจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ มันเลยจำต้องเดินตามแรงผลักดันจากคนด้านหลังอย่างเลี่ยงไม่ได้
“แล้วเธอน่าจะรู้ดีนะว่าฉันจะไม่ปล่อยเธอไปจนกว่าเธอจะหมดสิ้นความหวาน กลับนอนรองรับอารมณ์ฉันดีๆ ดีกว่านะไทนี่ เพราะยิ่งเธอขัดขืน ฉันจะยิ่งเกิดอารมณ์ ฉันอาจจะพาเธอไปไม่ถึงเตียงนอน แล้วก็นอนกับเธอมันบนรถหรือที่ไหนก็ได้ยาหยี”
นันทิยารู้ดีว่านั้นไม่ได้เป็นคำเตือนแต่มันเป็นคำขู่ที่ทำให้เธอกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว แต่ถึงจะอย่างนั้นก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ให้ภามลากเข้าไปติดอยู่ในกรงที่มันกังขังทั้งร่างกายและหัวใจจนไม่สามารถที่จะหลุดรอดเงื้อมมืออสูรร้ายได้ ลำแขนกลมกลึงงอเล็กน้อยก่อนจะกระทุ้งไปกลางลำตัวใหญ่เต็มๆ หวังว่าจะทำให้ภามคลายคีมเหล็กที่กอดกระชับรัดแน่นยิ่งกว่างูเหลือมรัดเหยื่อ
“โอ๊ะโอ่...เดี๋ยวนี้ใจกล้าขึ้นจริงๆ ยังคิดจะทำร้ายฉันอีกแนะ ไม่กลัวหรือจ๊ะไทนี่จ๋า...ไม่ต้องหลับต้องนอนนะ หรือว่าอยากจ๊ะ เดี๋ยวฉันจะสนองให้ถึงใจเลยยาหยี รับร้องได้ว่าเธอจะต้องร้องว่า...เอาอีกๆ แรงๆ เลยคะพี่ภามขา” ดูเหมือนว่าความโกรธที่มันแสดงออกมาทางวงหน้าและแววตาของนันทิยาจะเป็นความสุขของเขาไปเสียแล้ว
“กรี๊ด...ไอ้พี่ภามบ้า ไอ้คนลามก วันๆ คิดถึงแต่เรื่องบนเตียง ไทนี่ไม่ใช่โสเภณีนะที่จะนอนรอรับอารมณ์พี่นะ อยากได้คนนอนด้วยก็กลับไปเรียกพวกเด็กๆ ของพี่โน่น แต่ละคนบริการถึงใจจนพี่ลืมงานลืมการไม่ใช่หรือไง” ในนาทีนี้นันทิยาทำทุกวิถีทางที่จะให้หลุดรอดจากเงื้อมมือภาม
“ว้าย!!!” นันทิยากรีดร้องเสียงหลงเมื่อร่างลอยขึ้นจากพื้น หน้าท้องแบนราบเรียบทาบทับอยู่บนบ่ากว้าง สองมือเล็กระดมทุบไปบนแผ่นหลังกว้าง สองขากระทุ้งไปบนลำตัวกว้าง “ปล่อยไทนี่นะพี่ภาม ปล่อยซิโว้ย ไอ้คนบ้า ไอ้คนเฮง ซวยไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัว”
เพี๊ยะ!!! ฝ่ามือใหญ่ฝาดลงไปบนสะโพกกลมมนจนนันทิยาถึงกับน้ำตาเล็ดออกมาด้วยความเจ็บ
“ถ้าเธอยังไม่หยุดด่าและทำร้ายฉันอีกนะไทนี่ก็ปล้ำมันซะตรงนี้เลยดีไหม” ถามเสียงแข็ง เพราะถึงรถพอดีภามเปิดประตูและโยนนันทิยาลงไปบนเบาะอย่างไม่ปราณี สองมือใหญ่จับทึ้งมือเล็กเรียวที่ยังระดมทุบและจิกลากไปตามร่างกายเขาอย่างไม่สนใจว่ามันจะถูกตรงไหนบ้าง กว่าที่เขาจะจับสองแขนเล็กเรียวบิดไพล่ไปด้านหลัง ตรึงสองขาเรียวที่พยายามดุดดันผลักไล่ให้อยู่นิ่งกับที
“เธอนี่มันฤทธิ์มากจริงๆ นะไทนี่” มือใหญ่จับรั้งปลายคางมนและบีบแรงๆ “แต่รู้ไหมยิ่งเธอขัดขืนต่อต้านมากเท่าไหร่มันยิ่งทำให้ฉันอยากจะพาเธอไปถึงโรงแรมเร็วๆ จะได้รู้ว่าไอ้ที่ขัดขืนอยู่นี่เพียงเพราะว่าอยากให้สนใจ อยากให้จัดการลากขึ้นเตียงเร็วๆ ”
“ไทนี่ไม่ใช่พี่นะที่เอะอะก็ชวนกันขึ้นเตียงนะ” นันทิยาเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า พยายามเบี่ยงหน้าและขยับตัวหนีแต่ติดทุกทาง “ปล่อยไทนี่นะพี่ภาม ไปให้พ้นนะคนใจร้าย” สองมือเล็กยกขึ้นยันลำตัวใหญ่ให้ถอยห่าง น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้าแต่เธอก็พยายามบังคับไม่ให้มันไหลลงมา
“รู้ไว้นะไทนี่ ยิ่งเธอสะบัดสะบิ้งขัดขืนฉันมากเท่าไหร่ ฉันกลับยิ่งชอบ เพราะเวลาอยู่บนเตียงแล้วมันเร้าใจ เร้าอารมณ์ แรงได้ไม่มียั้ง” ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปประทับบนกลีบปากอวบอิ่มแรงๆ อย่างตักเตือนว่าอย่าทำให้เขาหงุดหงิดและอารมณ์เสียมากไปกว่านี้
แต่ในนาทีนี้นันทิยาไม่คิดจะสนใจคำขู่เลยสักนิดเดียว เพียงแค่ปลายลิ้นสากระคายเปิดแยกกลีบปากสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากนุ่มก็ถือโอกาสกดฟันลงมาขบลิ้นภาม แต่อีกฝ่ายก็ไวทายาดดึงหนีได้ทันแถมยังจะบีบเสียจนเธอเจ็บร้าวไปทั้งแก้มถึงฟันกราม อึดอัดและคับแค้นใจที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็แพ้ภามไปเสียทั้งสิ้น
“อยู่เฉยๆ ดีกว่าไทนี่ ถ้าไม่อยากถูกมัดเหมือนหมู”
“ก็เอาซิ พี่ภามกล้าทำทุกอย่างอยู่แล้วนี่ ยังไงไทนี่ก็ไม่ยอมแพ้หรอก มีโอกาสเมื่อไหร่ไทนี่จะหนี แล้วคราวนี้พี่ภามอย่าคิดว่าจะหาเจอ”
ปัง!!! ภามปิดประตูรถดังโครมใหญ่อย่างไม่ชอบใจในคำพูดจากปากอวบอิ่ม ทำไม เขามันน่าเกลียดนักหรือไง ถึงได้คิดแต่จะหนีลูกเดียวนะ สองมือใหญ่ยกขึ้นเท้าสะเอว เดินวนไปเวียนมาอยู่ชั่วครู่แต่สายตาเผอิญเหลือบมองไปเห็นนันทิยากำลังจะเปิดประตูหนีเขาอีกครั้ง
“โว้ย!! ผู้หญิงห่าอะไรวะ เรื่องมากฉิบเป๋ง ตัวเองอยากจนตัวสั่น แต่ยังจะเล่นตัวให้เขาตามอีก บ้าๆ อย่างนี้มันน่าจะมัดตรึงกับเตียงไม่ต้องไปไหนเลย” ภามสบถเสียงเขียวด้วยความหงุดหงิดในอารมณ์ รีบปลดเข็มขัดออกจากเอว เปิดประตูแทบจะเป็นกระชาก
“ว้าย!!!! กรี๊ด ไม่นะพี่ภาม” เมื่อรู้ว่าภามกำลังคิดจะทำอะไรนันทิยาก็รีบร้องห้ามพร้อมกระเถิบตัวหนี แต่กับถูกอีกฝ่ายกระชากตัวกลับมาพร้อมจับมองมือไพล่ไปด้านหลังและมัดด้วยเข็มขัด “ไม่นะพี่ภาม ปล่อยไทนี่นะ ปล่อย...” เสียงที่ออกมาเป็นกระอึกกระอักแทนเมื่อภามทนไม่ไหวคว้าเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามายัดใส่ปากอวบอิ่ม
“ทีนี้ก็เงียบได้แล้วใช่ไหมไทนี่”
ปัง!!! ประตูปิดดังปังใหญ่ปิดทางหนีนันทิยาจนหมดสิ้น น้ำตาอุ่นร้อนเริ่มเอ่อล้นคลอดเบ้า วงหน้าสวยเชิดขึ้นสูงอย่างไม่ยอมที่จะให้น้ำตามั่นไหลลงมาให้ภามหัวเราะเยาะ
รัฐภาสปรายสายตามองรวิกานต์ที่นั่งตัวตรง คอตั้ง หน้าเชิดไม่มองซ้ายขวา วงหน้าคร้ามแกร่งอ่อนละมุนลงเล็กน้อยกับความโกรธที่มันลดน้อยถอยลงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ “เชิดมากไม่กลัวคอจะหักหรือไงก้อย”
รวิกานต์ขบเม้มริมฝีปาก ‘ทำไม แกล้งเธอมันสนุกมากหรือไง’ อยากสะบัดค้อนใส่คนถามแต่ก็ต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็นหูทนลมเหมือนกับว่าไม่สนใจเสียงนกเสียงกาที่มันดังแว่วมาเข้าหูเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอกลัว แต่แอบเหล่สายตามองคนถามนิดหนึ่งแล้วต้องสะดุ้ง ร่างกายสั่นไหว หัวใจเต้นถี่รัวแรงเร็วจนแทบจะทะลุออกจากทรวงกับประกายตาร้อนแรงด้วยเพลิงปรารถนา
มือเล็กเย็นเฉียบสอดเข้าไปในกระเป๋าหยิบเอากุญแจบ้านสำรองที่หยิบติดมาด้วยตอนออกจากบ้านมาเตรียมพร้อมไว้ คิดว่าเมื่อถึงบ้านก็จะรีบวิ่งไปเปิดประตูและหลบเข้าห้องให้เร็วที่สุด เพราะเธอบอกตรงๆ ช่วงนี้ไม่ไว้ใจรัฐภาสเลยจริงๆ แต่มันไม่เท่ากับไม่ไว้ใจตัวเอง เพราะทุกครั้งที่ชายหนุ่มเข้ามาใกล้ชิด นอกจากร่างกายที่มันจะหลอมละลายเป็นไอน้ำแล้ว หัวใจมันก็เป็นขี้ผึงถูกลนไฟ ยอมให้อีกฝ่ายทำอะไรก็ได้ดังต้องการเสียทุกครั้งไป
“หือ...ไม่พูด สงสัยคงจะลืมพกปากกลับมาจากร้านอาหาร ว้า...แย่จัง” รัฐภาสยังคงกระเซ้าอีกฝ่ายน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ อยากจะแกล้งรวิกานต์ขึ้นมาตงิดๆ และไม่รอช้ามือใหญ่ยื่นไปจับมือเล็กเรียว “หือ...มือเย็นเฉียบเลยก้อย ฉันเปิดแอร์เย็นไปหรือเปล่า เดี๋ยวแอบข้างทางแล้วหรี่ไหมเอาไหม”
“มะ...ไม่ต้องเลยนะเจ้านาย นี่ก็ใกล้จะถึงบ้านแล้ว รีบๆ ขับไปเถอะ” หลุดพูดออกไปจนได้ รวิกานต์อยากจะหยิกตัวเองให้เนื้อเขียว ฟันขาวสะอาดขบกัดริมฝีปาก ตวัดค้อนวงโตให้กับคนที่หัวเราะหึหึในลำคอ
ชิ...อารมณ์ดีจริงๆ นะเจ้านาย มันน่าจะหาอะไรมาฝาดทั้งปากทั้งหัวให้เลือดอาบเลย’ จมูกโด่งได้รูปยู่ย่นเล็กน้อยอย่างเสียดายเป็นที่สุด เมื่อกี้เธอน่าจะเล่นงานให้หนักเหมือนที่นันทิยาเล่นงานภาม รัฐภาสจะได้ไม่ต้องมานั่งทำเสียงและคอยแสดงกิริยาท่าทางให้เธอนั้นสะดุ้งเล่นอยู่แบบนี้
มือเล็กกำกุญแจบ้านเอาไว้จนแน่น ปลายเล็กๆ ทิ่มแทงไปในผิวเนื้อจนเจ็บ ในหัวใจเต้นแรงรัวเร็วจนแทบจะทะลุออกมาจากทรวงด้วยความกลัวว่าสิ่งที่คิดจะทำจะถูกรัฐภาสรู้ทันและขัดขวาง เธออยู่กับชายหนุ่มมานานพอสมควร รู้ดีว่าในความง่ายๆ สบายๆ ที่เห็นนั้นมันหลอกตา ตัวจริงภายในเขาร้ายเหมือนพวกเสือซ่อนลาย ไม่งั้นจะคุมบริษัทและคนงานนับครึ่งพันได้หรือ
“นั่นซินะ บ้านอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านเธอแล้วนี่น่าก้อย แต่เอ๊ะ...หรือว่าฉันจะเปลี่ยนใจพาเธอไปบ้านฉันดี”
‘อายส์...ไอ้เจ้านายบ้า ไอ้เจ้านายเฮงซวย ไอ้เจ้านายโรคจิต’ “ก็ลองดูซิคะ ถ้าเจ้านายคิดว่าจะผ่านคืนนี้ไปได้โดยที่ร่างกายยังครบสามสิบสอง”
รวิกานต์ขู่เสียงเขียวแต่สั่นเครือ หันมาจับตามองรัฐภาสไม่คลาดคลา เพราะรู้ดีว่าไม่ควรไว้ใจผู้ชายคนนี้ เชื่อเถอะว่าเมื่อถึงบ้านแล้วเขาจะต้องเล่นตุกติกหาเรื่องหาราวกับเธออีกแน่นอน เพียงแค่รถเลี้ยวไปแอบข้างทางและคนร่างสูงก้าวลงจากรถไปเปิดประตูบ้านรวิกานต์ก็รีบยื่นมือออกไปจับประตูเตรียมพร้อม แม้รถจะยังไม่จอดถึงที่แต่เพียงแค่ชะลอความเร็วลงเธอก็ถือโอกาสเปิดประตูลงมาอย่างไม่กลัวว่าจะบาดเจ็บ รีบใส่เกียร์ให้เท้าวิ่งอย่างกับลมลมกรดไปที่ประตูบ้าน
รัฐภาสเอารถเข้าจอดจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย สาวเท้าลงมาพาร่างหนาใหญ่และสูงชะลูดราวกับเสาไฟฟ้าเดินลิ่วๆ อย่างเร็วมาหาเจ้าของบ้านที่ไขกุญแจไปพลางหันมองทางเขาพลาง ร่างหนาใหญ่ยืนทาบด้านหลังร่างโปร่งบาง อกกว้างแนบกับแผ่นหลังเนียนนุ่ม
“จะรีบไปไหนละก้อย ไม่คิดจะรอกันบ้างหรือจ๊ะยาหยี”
ริมฝีปากหนาทาบทับบนลาดไหล่กว้าง ขบกัดแผ่วพอให้อีกฝ่ายสะดุ้งไปตามลำคอระหง วางมือใหญ่ทาบทับบนมือเล็กและเย็นเฉียบที่พยายามไขกุญแจบ้านด้วยความสั่นเทาจนไขกุญแจผิดๆ ถูกๆ เอามาไขเสียเอง ค่อยๆ ดันร่างโปร่งบางที่สันเทาจนเขาสัมผัสได้เข้าไปในบ้าน พร้อมกดล็อกปิดประตูบ้านจนเรียบร้อยและจับเอาร่างโปร่งบางหันมาตรึงกับประตูบ้าน สองมือเล็กจับสองแขนเล็กเรียวที่ประทุษร้ายร่างกายเขามิได้หยุดหย่อนขึ้นไปตรึงไว้เหนือศีรษะ
รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นมุมหนึ่งของปากหนา รวิกานต์คงคิดว่าเขาจะปล่อยให้เธอรอดมือไปได้หลังจากที่เล่นงานเขาให้อับอายและยังจะแกล้งเฟิร์ตกับผู้ชายอื่นต่อหน้าด้วย ปลายนิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นลากไล้จากเหนือทรวงอกอวบอิ่มที่ไม่มีเสื้อผ้าปกปิดอยู่ เรื่อยขึ้นไปตามลำคอระหง ปลายคางมนก่อนจะหยุดกดคลึงกลีบปากอวบอิ่มที่ขบเม้มเข้าหากัน
“รู้ไหมว่าโทษของการหนีและการทำร้ายฉันให้อับอายนะมันคืออะไร?” ชายหนุ่มถามอย่างอารมณ์ดี วงหน้าคร้ามแกร่งแย้มยิ้มนุ่มละมุน นัยน์ตาเป็นประกายพราวระยับ ‘มันคือการที่ฉันจะทำให้เธอจะต้องทำให้ฉันมีความสุขจนแทบจะสำลักจนพรุ่งนี้จะไม่มีแรงลุกไปทำงานเลยจ๊ะยาหยี’
วงหน้าสวยงองุ้มจนปากและจมูกแทบจะติดกัน ตวัดค้อนส่งให้คนเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่วงโต “ก้อยไม่ได้หนี และไม่ได้ทำร้ายเจ้านายด้วย เจ้านายนั่นแหละที่ทำร้ายก้อย แล้วก็ถอยออกไปนะคนบ้า ก้อยอึดอัดหายใจไม่ออก” รวิกานต์ไล่เสียงสั่น กลัวใจคนเป็นนายจะทำอะไรบ้าๆ อย่างที่พูดเอาไว้จนสั่นไปหมดทั้งตัวแล้ว ปลายมือปลายเท้าก็เย็นเฉียบจนเหมือนกับไปยืนอยู่บนก้อนน้ำแข็งแล้ว
รัฐภาสกลับตอบคำไล่ด้วยเสียงหัวเราะหึหึดึงข้างใบหูเล็กพร้อมปากหนาที่มันทาบขบกัดเบาๆ ให้ท้องไส้คนตัวเล็กกว่าวาบหวิวปั่นป่วนเหมือนกับสายน้ำที่มันไหลหมุนวน “แล้วถ้าฉันไม่ถอยไปละก้อย เธอจะทำอะไรฉันจ๊ะยาหยี” ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มและเซ็กซี่
ขาเรียวยาวอ่อนยวบแต่รวิกานต์ก็รีบดึงสติกลับคืนมา แม้ท่วงท่าที่ยืนอยู่จะไม่ค่อยอำนวยสักเท่าไหร่ในการทำให้ร่างหนาใหญ่ขยับห่างไป แต่ไม่ลองมันก็ไม่รู้ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนมุมหนึ่งของกลีบปากอวบอิ่ม ประกายในตากลมโตวาววับสะท้อนกับแสงไฟนีออนหลอดเล็กบนเพดาน
“ก้อยก็จะทำอย่างนี้ไงคะเจ้านาย”
ปึก!!!!
เท้าเล็กเขย่งขึ้นเล็กน้อยพอให้เข่ามนกระแทกไปยังจุดยุทธศาสตร์ของรัฐภาสเต็มๆ แต่ทว่าเพราะความสูงเกือบจะสองเมตรของอีกฝ่ายทำให้เธอเสียหลัก แต่ถึงแม้จะโดนไม่เต็มที่แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มนั้นถ่อยห่างออกไปได้ เลยถือโอกาสฝาดฝ่ามือไปบนวงหน้าคร้ามแกร่งอีกครั้งเป็นการเอาคืนจากหลายๆ อย่างหลายๆ ครั้งที่รัฐภาสทำให้เธอนั้นไม่หงุดหงิดและไม่พอใจ ก่อนจะรีบถลาวิ่งมุ่งหน้าไปห้องนอนอย่างนักวิ่งสาวลมกรด เพราะคิดว่านั้นเป็นห้องเดียวที่จะทำให้เธอหนีรอดมือจากอีตาเจ้านายผู้แสนจะเอาแต่ใจคนนี้ได้
รัฐภาสกัดฟันข่มกลั้นความเจ็บจุกจากถูกกระแทกของรักของหวงรีบวิ่งตามรวิกานต์ไปจนจับตัวแม่เลขาสาวที่รู้สึกว่าจะฤทธิ์มากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณตั้งแต่ที่ได้เจอกับนันทิยา สงสัยเชื้อร้ายจะติดต่อกันได้ทางการพูดคุยเสียละมั้ง ร่างสูงชะลูดก้าวเพียงแค่สองสามก้าวเท่านั้น มือใหญ่ก็คว้าแขนเรียวยาวดึงกลับมาก่อนที่รวิกานต์จะทันได้ปิดประตูใสหน้า ชายหนุ่มรีบดึงแม่เลขาตัวแสบออกมาจากห้อง
“จะรีบไปไหนละก้อย ทำร้ายฉันแล้วคิดจะหนีไปแบบนี้ไม่สวยเลยนะ” ชายหนุ่มตรึงกายโปร่งบางแนบชิดผนังห้อง วงหน้าคร้ามแกร่งที่ยังคงมีสีแดงสลับเขียวแนบชิดลำคอระหง สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ สลับผ่อนออกระบายความเจ็บร้าวที่มันยังมีอยู่
“ปล่อยก้อยนะเจ้านาย มาจับก้อยไว้ทำไม ปล่อยซิโว้ยไอ้คนบ้านี่” สองมือเล็กประทุษร้ายสลับผลักดันกายใหญ่ให้ถอยห่างไป แต่มันก็เหมือนกับว่าเอาไม้ซีกไปงัดกับไม้ซุก เอามือไปทุบหินก้อนใหญ่ที่ไม่สะดุ้งสะเทือนและเป็นเธอด้วยซ้ำที่เจ็บเอง
“อยู่นิ่งๆ ซิก้อย หรือว่าจะให้ฉันปล้ำเธอซะตรงนี้” ข่มขู่ด้วยน้ำเสียงแหบพร่านิดๆ สอดมือใหญ่กระชับร่างโปร่งบางเข้ามาแนบชิด ทาบริมฝีปากร้อนผ่าวเคลื่อนขึ้นไปตามลำคอระหง มือใหญ่จับรั้งปลายคางของคนที่เบือนหนีหันมาประจันหน้าด้วยเต็มๆ
“ทำไมถึงร้ายขึ้นทุกวันหือก้อย...คิดจะทำให้ฉันถึงกับสูญพันธ์เลยหรือไงกัน รู้ไหมว่าที่ทำลงไปนะมันยิ่งจะทำให้ฉันโกรธและรีบจัดการลากเธอเข้าห้องแล้วปู้ยี้ปูยำเร็วๆ นะหือ...” ถามด้วยการลากเสียงนุ่มทุ้ม ทาบริมฝีปากหนาร้อนบนกลีบปากอวบอิ่มที่เผยอ้าจะปฏิเสธบวกด่าทอต่อว่ากลับหายเข้าไปดังกระอึกกระอักในลำคอแทน
ไม่ได้ขอให้รักมากมาย เพียงแค่ขอพื้นที่เล็กๆ แค่ให้ผ่านสายตาหยิบหามาอ่าน ก่อนจะตัดสินใจ(พากลับไปบ้าน) แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนสร้างฝัน...อ้วนๆๆ
ไรเตอร์ไปงานหนังสือวันที่ 31 มีนาคมและ 1 เมษายนนะคะ เจอกันที่บูธทัช&บีไมน์ C:18 ใครมีหนังสือของปูริดาและรุ่งนภา รับไปเลยคะตุ๊กตาน่ารักๆ จากใจไรเตอร์
************
เขา...ชายหนุ่มโหด หื่น ห่าม ดิบและเถื่อน ปากเสียอีกตางหาก แล้วยังเป็นเสือยิ้มยาก
ส่วนเธอ...แม่นกน้อยวัยใส เจ้าเล่ห์แสนงอนนิดๆ ที่ดันไปถูกตาต้องใจนายเถื่อน
แค่เจอกันไม่ทันจะข้ามวัน
เขาก็ปาวรานาตัวว่าจะ
ไม่ยอมปล่อยให้เธอหลุดรอดเงื้อมมือไปได้
แล้วเธอจะทำอย่างไรเมื่อทั้งหัวใจและร่างกาย
หลอมละลายเหมือนกับขี้ผึ้งถูกลนด้วยไฟไปเสียแล้ว
มันก็เลยต้องต่อต้านสุดฤทธิ์สุดเดช
เพื่อจะไม่ให้ตัวเองกลายเป็นเพียงแค่นางบำเรอบนเตียงผู้ชาย
writer ขา ลงผิดเรื่องแล้วค่ะ ^^ ... TiffY
ตอบลบใช่ค่่า ผิดตอนแย้ว...
ตอบลบเอ่อ
ตอบลบคุณน้องฮ้า
ผิดเรื่อง อย่างแร้งงงงงงงงง
สารเลวไม่เปลี่ยน
ตอบลบยายไทนี่
ถ้าหล่อนใจอ่อนง่าย ๆ อีก
ดั๊นจะสับหล่อนแทนอีตาภาม
พี่ภาม เค้าบอกว่า น้องไทนี่เป็นเมีย เค้า ง่ะ
ตอบลบชอบคู่รัฐภาส กับรวิกานต์ มากค่ะ
ตอบลบ